ความเสถียรและการใช้งาน L-Ascorbic Acid (วิตามin C)

ถามโดย: sirima17 เมื่อ: July 30, 2014 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

L-Ascorbic Acid (วิตามินซี) มีความเสถียรอย่างไร เสื่อมสภาพหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อผสมกับน้ำ? มีวิธีการใช้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพเพื่อคงความเข้มข้นไว้ และมีรูปแบบการขึ้นสูตรหรือวิตามินซีอนุพันธ์อื่นใดที่แนะนำเพื่อให้มีความเสถียรที่ดีขึ้น?

คำตอบ

การใช้ L-Ascorbic Acid (วิตามินซี)

L-Ascorbic Acid เป็นวิตามินซีรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีความไม่เสถียรสูงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อละลายในน้ำ นี่คือเหตุผลที่โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ผสมโดยตรงกับน้ำ หรือผสมในเนื้อครีมทั่วไป เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว

วิธีใช้ L-Ascorbic Acid:

เพื่อให้สามารถใช้ L-Ascorbic Acid ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงความเสถียรไว้ได้ ควรพิจารณาวิธีการดังนี้:

  • สูตรที่ไม่มีน้ำ (Anhydrous): L-Ascorbic Acid จะมีความเสถียรมากกว่าในสูตรที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำ เช่น เซรั่มที่มีเบสเป็นซิลิโคน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีเบสเป็นน้ำมัน (แม้จะไม่ละลายในน้ำมัน แต่สามารถกระจายตัวได้) เกรด Ultra-Fine เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสูตรประเภทนี้เนื่องจากกระจายตัวได้ง่าย
  • สูตรที่มีน้ำแต่มีค่า pH ต่ำ: หากต้องการผสมในสูตรที่มีน้ำ ค่า pH จะต้องต่ำมาก โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 2.0 ถึง 4.0 อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องสำอางที่ใช้ทาบนผิว อย. กำหนดให้มีค่า pH อย่างน้อย 3.5 การรักษาค่า pH ให้ต่ำช่วยให้ L-Ascorbic Acid มีความเสถียรมากขึ้น สูตรเหล่านี้มักต้องการสารช่วยเพิ่มความเสถียรเพิ่มเติม
  • การใช้สารช่วยเพิ่มความเสถียร: เพื่อเพิ่มความเสถียรในสูตรที่มีน้ำ มักใช้ส่วนผสมอย่าง Vitamin E และ Ferulic Acid ร่วมกับ L-Ascorbic Acid ดังที่พบในผลิตภัณฑ์อย่าง Vitamin C E Ferulic สารคีเลต (Chelating agents) เช่น Disodium EDTA ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในสูตรที่มีน้ำ เพื่อจับกับไอออนของโลหะที่อาจทำให้ L-Ascorbic Acid เสื่อมสภาพ

การผสมกับน้ำกลั่น:

การผสมผง L-Ascorbic Acid กับน้ำกลั่นจะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะยังคงใช้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ (ตามที่แนะนำ อาจจะประมาณ 3 วัน) แต่ความเสถียรต่ำมากและไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอน ปัจจัยต่างๆ เช่น แสง อุณหภูมิ และความบริสุทธิ์ของน้ำ จะส่งผลอย่างมากต่อความเร็วในการเสื่อมสภาพ การทาสารละลายที่มีค่า pH ต่ำมาก (2.0-4.0) ซึ่งจำเป็นต่อความเสถียรของ L-Ascorbic Acid โดยตรงบนผิวหน้าทุกคืน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

การเก็บรักษา:

เพื่อให้ผง L-Ascorbic Acid คงความเสถียรได้นานที่สุด ควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 6-8°C หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน และปิดภาชนะให้สนิท

ด้วยความซับซ้อนในการทำให้ L-Ascorbic Acid เสถียรในสูตร โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น คุณอาจพิจารณาใช้วิตามินซีอนุพันธ์ที่มีความเสถียรมากกว่า เช่น Ethyl Ascorbic Acid, Ascorbyl Glucoside, Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) หรือ Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP) หากต้องการทำสูตรที่มีน้ำที่ง่ายกว่า อนุพันธ์เหล่านี้ผสมได้ง่ายกว่า แต่อาจมีประสิทธิภาพที่แตกต่างจาก L-Ascorbic Acid เล็กน้อย

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C E Ferulic
Vitamin C E Ferulic
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
เครื่องสำอาง