คำถามการพัฒนาสูตรซีรั่มวิตามินซี: Laureth-23, Polysorbate 20, Propylene Glycol, Glycerin
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรซีรั่มวิตามินซีที่มีส่วนผสมของวิตามินอีและ Ferulic Acid ค่ะ มีคำถามเกี่ยวกับส่วนผสมดังนี้ค่ะ:
- สามารถใช้
Polysorbate 20
แทนLaureth-23
ได้หรือไม่? ถ้าได้ ควรใช้กี่เปอร์เซ็นต์เพื่อให้สูตรคงตัว โดยเฉพาะเมื่อมีวิตามินอีและ Ferulic Acid อยู่ด้วย? Laureth-23
และPolysorbate 20
มีข้อแตกต่าง ข้อดี และข้อเสียอย่างไรบ้างในการนำมาใช้ในสูตรซีรั่มแบบนี้?- สำหรับ
Propylene Glycol
และGlycerin
สารสองตัวนี้มีผลต่อเนื้อสัมผัสของซีรั่มอย่างไรบ้าง (ความเหนอะหนะ, ความมัน)? ช่วยในการซึมสู่ผิวหรือไม่? และจำเป็นต้องใส่ในสูตรหรือไม่ สามารถตัดออกได้ไหม?
คำตอบ
ข้อมูลเกี่ยวกับ Laureth-23, Polysorbate 20, Propylene Glycol และ Glycerin ในสูตรซีรั่ม
นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับคำถามของคุณเกี่ยวกับการใช้ Laureth-23, Polysorbate 20, Propylene Glycol และ Glycerin ในสูตรซีรั่มวิตามินซีค่ะ
1. Polysorbate 20 สามารถใช้แทน Laureth-23 ได้หรือไม่? และควรใช้กี่เปอร์เซ็นต์?
ใช่ค่ะ Polysorbate 20 สามารถพิจารณาใช้เป็นทางเลือกแทน Laureth-23 ได้ โดยเฉพาะหากคุณต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อน Laureth-23 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ชนิดแข็งที่ต้องใช้ความร้อน (ประมาณ 60-70°C) เพื่อให้ละลายและผสมเข้ากับส่วนของน้ำมัน
Polysorbate 20 เป็นของเหลวและสามารถผสมเข้ากับส่วนของน้ำหรือกลีเซอรีนได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อน อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์สำหรับส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันได้ดี เช่น วิตามินอี และ Ferulic Acid (ตามที่กล่าวถึงในความคิดเห็น) จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและทดสอบค่ะ
อัตราการใช้ Polysorbate 20 โดยทั่วไปอยู่ที่ 1-20% เปอร์เซ็นต์ที่แน่นอนที่ต้องใช้เพื่อให้สามารถทำอิมัลชันส่วนของน้ำมันของคุณ (วิตามินอี, Ferulic Acid) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงความเสถียรโดยไม่แยกชั้น อาจจะต้องอาศัยการทดลองค่ะ ตามที่ระบุในความคิดเห็น การใช้น้อยเกินไปอาจทำให้ส่วนผสมไม่คงตัว ในขณะที่การใช้มากเกินไปอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนอะหนะได้
2. ข้อจำกัด ข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันระหว่างสารสองตัวนี้
Laureth-23:
- ประเภท: อิมัลซิไฟเออร์ (ส่วนใหญ่สำหรับอิมัลชันแบบน้ำในน้ำมัน)
- ลักษณะ: ของแข็ง
- การผสม: ต้องใช้ความร้อน (60-70°C) เพื่อละลายในส่วนของน้ำมันก่อนนำไปผสมกับส่วนของน้ำ
- อัตราการใช้: 1-5% (สูงสุด 6%)
- ข้อดี: เป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างอิมัลชันที่คงตัว
- ข้อเสีย: ต้องใช้ความร้อน ซึ่งเพิ่มขั้นตอนในการเตรียมสูตร
Polysorbate 20:
- ประเภท: สารช่วยละลาย (Solubilizer) / อิมัลซิไฟเออร์
- ลักษณะ: ของเหลว
- การผสม: สามารถผสมเข้ากับส่วนของน้ำหรือกลีเซอรีนได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อน
- อัตราการใช้: 1-20%
- ข้อดี: ใช้งานง่ายเนื่องจากเป็นของเหลวและไม่ต้องใช้ความร้อนในการผสมเข้ากับส่วนของน้ำ
- ข้อเสีย: อาจทำให้เกิดความขุ่นเมื่อใช้กับส่วนของน้ำมัน อาจต้องใช้เปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า Laureth-23 เพื่อทำอิมัลชันน้ำมันบางชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ ความสามารถในการทำให้ส่วนผสมอย่างวิตามินอีและ Ferulic Acid คงตัวได้นั้นต้องทดสอบในสูตรของคุณโดยเฉพาะ
สรุปคือ Polysorbate 20 ช่วยให้ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องใช้ความร้อน แต่ Laureth-23 อาจเป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่แข็งแรงกว่าสำหรับส่วนของน้ำมันบางชนิดที่ความเข้มข้นต่ำกว่าค่ะ
3. Propylene Glycol และ Glycerin: ทำให้เหนอะหนะ ผิวมัน การซึม และความจำเป็น
ทั้ง Propylene Glycol และ Glycerin เป็นส่วนผสมทั่วไปในซีรั่ม โดยมีหน้าที่หลักคือ:
- สารให้ความชุ่มชื้น (Humectants): ช่วยดึงดูดและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว
- ตัวทำละลาย (Solvents): ช่วยละลายส่วนผสมอื่นๆ ทำให้สูตรมีความใสและคงตัวมากขึ้น
- สารปรับปรุงเนื้อสัมผัส (Texture Enhancers): สามารถทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่นหรือสารให้ความนุ่มลื่น ทำให้ผลิตภัณฑ์มีเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียนและน่าใช้
สำหรับคำถามของคุณ:
- ความเหนอะหนะ: ใช่ค่ะ ทั้งสองตัวอาจทำให้รู้สึกเหนียวหรือเหนอะหนะเล็กน้อยบนผิวได้ โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นสูง ความเหนอะหนะมากน้อยขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ที่ใช้ในสูตรและสภาพผิวของแต่ละบุคคลค่ะ
- ผิวมัน: สารเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผิว มัน เหมือนน้ำมัน เนื่องจากไม่ใช่ไขมัน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกชุ่มชื้น/เหนอะหนะจากสารให้ความชุ่มชื้นอาจทำให้บางคนรู้สึกหนักผิวได้
- การซึม: ในฐานะตัวทำละลาย สารเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มการซึมผ่านและการดูดซึมของสารออกฤทธิ์อื่นๆ เข้าสู่ผิวได้
- ความจำเป็น: แม้ว่าจะไม่ได้จำเป็น เสมอไป ในทุกสูตรซีรั่ม แต่ก็เป็นที่นิยมใช้อย่างมากเนื่องจากมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ การไม่ใส่สารเหล่านี้อาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัส ความสามารถในการให้ความชุ่มชื้น และความสามารถในการละลายหรือความคงตัวของส่วนผสมอื่นๆ ได้ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีประโยชน์ในการช่วยละลายส่วนผสมที่ไม่ละลายน้ำได้ง่าย
ข้อดีของการใส่สารเหล่านี้:
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเนื่องจากคุณสมบัติเป็นสารให้ความชุ่มชื้น
- ช่วยให้ส่วนผสมอื่นๆ ละลายและคงตัวได้ดีขึ้น
- ปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความรู้สึกบนผิว
- ช่วยเพิ่มการดูดซึมของสารออกฤทธิ์
ข้อเสียของการใส่สารเหล่านี้:
- อาจทำให้รู้สึกเหนียวหรือเหนอะหนะ โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นสูง
ท้ายที่สุดแล้ว การจะใส่สารเหล่านี้หรือไม่และใช้ในเปอร์เซ็นต์เท่าใดขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสที่คุณต้องการ ระดับความชุ่มชื้น และความต้องการในการละลายของส่วนผสมอื่นๆ ของคุณค่ะ หากคุณพบว่าสารเหล่านี้ทำให้ซีรั่มเหนอะหนะเกินไป คุณอาจลองลดเปอร์เซ็นต์การใช้ลง หรือพิจารณาสารให้ความชุ่มชื้น/ตัวทำละลายทางเลือกอื่นๆ แม้ว่า Propylene Glycol และ Glycerin จะมีประสิทธิภาพสูงและเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายก็ตามค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Propylene Glycol

Laureth-23

Glycerin (USP/Food Grade)

Polysorbate 20 (Tween 20)
