คำถามการพัฒนาสูตรเจล Vitamin C E Ferulic สำหรับผิวมัน

ถามโดย: crayonchin เมื่อ: November 27, 2014 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการปรับสูตร Serum Vitamin C E Ferulic ให้เป็นเจลเนื้อบางเบาสำหรับผิวผสมถึงผิวมัน ที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสและควบคุมความมัน มีคำถามเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของส่วนผสมและขั้นตอนการทำสูตร โดยมีสูตรที่เสนอไว้ดังนี้:

สูตรที่เสนอ (Phase A + Phase B + Phase C):

  • Phase A:
    • Water: 57%
    • Pro Polymer: 1%
    • Ferulic Acid: 0.5%
    • N-Acetyl-D Glucosamine: 4%
    • Niacinamide: 3%
    • Panthenol: 1%
    • Alpha-Arbutin: 2%
    • L-Glutathione: 1.5%
    • Zinc PCA: 1%
    • Licorice Extract: 0.5%
    • Phenoxyethanol: 1%
  • Phase B:
    • Cyclomethicone: 15%
    • d-Alpha Tocopherol: 1.5%
  • Phase C:
    • L-Ascorbic Acid: 15%

คำถามคือ:

  1. d-Alpha Tocopherol สามารถละลายหรือผสมกับ Pro Polymer ได้โดยตรงหรือไม่ครับ?
  2. สูตรที่เสนอตามรายการข้างต้นเป็นไปได้หรือไม่ครับ? (โดยเฉพาะเรื่องการละลายของ Ferulic Acid และเนื้อสัมผัสที่ได้จาก Pro Polymer เมื่อมีเฟสน้ำมัน/ซิลิโคน)
  3. ถ้าสูตรที่สองเป็นไปไม่ได้ สามารถตัด Phase B (Cyclomethicone, d-Alpha Tocopherol) ออกไปเลย โดยใช้ L-Glutathione ช่วย Stabilize L-Ascorbic Acid ได้หรือไม่ครับ?
  4. เรื่องการปรับ pH (เป้าหมาย pH 3.5-4) สามารถใช้ Salicylic Acid (ที่ละลายใน Propylene Glycol) มาช่วยปรับ pH ให้ต่ำลงแทน Lactic Acid (ที่ละลายในน้ำ) ได้หรือไม่ครับ?
  5. ใช้ Polysorbate 20 แทน Laureth-23 ได้ไหมครับ? (โดยพิจารณาจากค่า HLB ที่ 16.7 และ 16.9 ตามลำดับ)

คำตอบ

คำตอบที่เสนอ

เข้าใจว่าคุณต้องการสร้างเจลบำรุงผิวหน้าที่บางเบาสำหรับผิวผสมถึงผิวมัน ที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสและควบคุมความมัน โดยได้ลองปรับสูตรจาก Serum Vit C E Ferulic

ขอตอบคำถามของคุณเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ:

d-Alpha Tocopherol สามารถละลายหรือผสมกับ Pro Polymer ได้โดยตรงหรือไม่?

d-Alpha Tocopherol (วิตามin E) เป็นส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันและมีความหนืดสูง Pro Polymer เป็นสารสร้างเนื้อเจลในเฟสน้ำเป็นหลัก ซึ่งสามารถช่วยประสานน้ำกับน้ำมันหรือซิลิโคนได้ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันโดยตรง คุณจะต้องละลาย d-Alpha Tocopherol ในน้ำมันหรือตัวทำละลายที่เหมาะสม ก่อน ที่จะนำไปผสมกับ Pro Polymer หรือเจล Pro Polymer การผสม d-Alpha Tocopherol โดยตรงกับ Pro Polymer แบบผงหรือเจลที่ขึ้นเนื้อแล้ว อาจทำให้ส่วนผสมไม่เข้ากันเป็นเนื้อเดียว

สูตรที่ปรับปรุงครั้งที่สองเป็นไปได้หรือไม่?

สูตรที่คุณเสนอครั้งที่สองมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นในแง่ของการลดตัวทำละลายบางชนิด แต่ก็ยังมีข้อควรพิจารณา:

  • การละลายของ Ferulic Acid: ตามที่ได้มีการตอบในกระทู้ Ferulic Acid ไม่ละลายในน้ำ ต้องใช้ตัวทำละลายเช่น Ethoxydiglycol หรือ Ethanol ในการละลาย ใน Phase A ของสูตรที่คุณเสนอ Ferulic Acid จะไม่ละลายในน้ำและอาจเกิดการตกตะกอนได้
  • การสร้างเนื้อเจลด้วย Pro Polymer: แม้ว่า Pro Polymer จะสามารถช่วยประสานเฟสน้ำมัน/ซิลิโคน (เช่น Phase B ที่มี Cyclomethicone และ d-Alpha Tocopherol) เข้ากับเฟสน้ำได้ แต่เนื้อเจลที่ได้จะมีความขุ่นขาว ไม่ใส หากต้องการเนื้อเจลที่ใส Pro Polymer จะไม่เหมาะกับสูตรที่มีน้ำมันหรือซิลิโคน
  • ความซับซ้อน: การรวม L-Ascorbic Acid ความเข้มข้นสูง (15%) เข้ากับสารออกฤทธิ์อื่นๆ หลายชนิด และยังมีเฟสน้ำมัน/ซิลิโคนในรูปแบบเจล อาจมีความซับซ้อนในเรื่องความคงตัว การปรับค่า pH และเนื้อสัมผัส

ถ้าสูตรที่สองเป็นไปไม่ได้ สามารถตัด Phase B ออกไปเลย โดยใช้ L-Glutathione ช่วย Stabilize LAA ได้หรือไม่?

L-Glutathione มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและสามารถช่วยเพิ่มความคงตัวให้กับ L-Ascorbic Acid (LAA) ได้ อย่างไรก็ตาม สูตรคลาสสิกของ Vitamin C E Ferulic ได้รับการวิจัยมาแล้วว่าการใช้ L-Ascorbic Acid ร่วมกับ Vitamin E (d-Alpha Tocopherol) และ Ferulic Acid จะให้ผลเสริมฤทธิ์กันในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยเพิ่มความคงตัวของ LAA ได้ดี การตัด Phase B (Vitamin E และ Ferulic Acid) ออกไป อาจทำให้ประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระและความคงตัวของ L-Ascorbic Acid ลดลงได้เมื่อเทียบกับสูตรต้นฉบับ แม้จะมี L-Glutathione อยู่ก็ตาม เพื่อให้ L-Ascorbic Acid มีความคงตัวและประสิทธิภาพสูงสุด ควรพิจารณาใช้ Vitamin E และ Ferulic Acid ร่วมด้วย โดยใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสม

การปรับ pH ให้ต่ำลง สามารถใช้ Salicylic Acid (in Propylene Glycol) มาช่วยปรับแทน Lactic Acid (in water) ได้หรือไม่?

Salicylic Acid เป็นส่วนผสมที่ดีสำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวและละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน อย่างไรก็ตาม Salicylic Acid ไม่นิยมนำมาใช้เป็นสารปรับค่า pH หลักในปริมาณมาก Salicylic Acid ละลายในน้ำมันและต้องละลายในตัวทำละลายเช่น Propylene Glycol, Butylene Glycol หรือ Alcohol ก่อนนำไปผสมในสูตรที่เป็นเบสน้ำ

เนื่องจากสูตรของคุณมี L-Ascorbic Acid ถึง 15% ค่า pH ของสูตรจะต่ำอยู่แล้ว โดยทั่วไป L-Ascorbic Acid ความเข้มข้นสูงจะทำให้ pH ต่ำกว่า 3.5 ซึ่งตามข้อกำหนดของ อย. เครื่องสำอางแบบทาทิ้งไว้บนผิวหน้าต้องมีค่า pH ไม่ต่ำกว่า 3.5 ดังนั้น คุณจะต้องปรับค่า pH เพิ่มขึ้น โดยใช้สารปรับค่า pH ที่เป็นด่าง เช่น Triethanolamine ไม่ใช่ปรับให้ต่ำลง Lactic Acid เป็น AHA ที่ช่วยลดค่า pH และผลัดเซลล์ผิว แต่การเติม Lactic Acid เข้าไปในสูตรที่มี LAA 15% อยู่แล้ว จะทำให้ pH ต่ำลงมากเกินไปและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือไม่ปลอดภัยได้ ควรใช้ Triethanolamine ในการปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับ LAA (ประมาณ 3.5-4.0)

ใช้ Polysorbate 20 แทน Laureth-23 ได้ไหม?

Polysorbate 20 และ Laureth-23 เป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดไม่มีประจุที่ใช้เป็น Emulsifier หรือ Solubilizer ทั้งสองตัวมีค่า HLB สูงใกล้เคียงกัน (16.7 และ 16.9) และสามารถใช้แทนกันได้ในหลายๆ สูตร โดยเฉพาะในอิมัลชันแบบน้ำในน้ำมัน (O/W) หรือการช่วยละลายน้ำมันปริมาณเล็กน้อยในน้ำ

อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้ Pro Polymer เป็นสารสร้างเนื้อเจลและ Emulsifier หลัก (ตามที่คุณเสนอในสูตร) คุณไม่จำเป็นต้องใช้ Polysorbate 20 หรือ Laureth-23 เพื่อช่วยในการประสานน้ำกับน้ำมัน/ซิลิโคนอีก Pro Polymer จะทำหน้าที่นี้เอง การเติม Polysorbate 20 หรือ Laureth-23 เพิ่มเติมจึงไม่จำเป็นสำหรับการทำ Emulsify เมื่อใช้ Pro Polymer เป็นหลัก

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการสร้างสูตรเจลสำหรับผิวมัน

เพื่อให้ได้เจลที่บางเบา เหมาะกับผิวผสมถึงผิวมัน และให้ผลเรื่องความขาวกระจ่างใสและควบคุมความมัน ควรพิจารณาดังนี้:

  • เบสเจล: ใช้ Pro Polymer เป็นสารสร้างเนื้อเจลในเฟสน้ำ
  • ตัวทำละลายสำหรับสารออกฤทธิ์:
    • สารที่ละลายน้ำได้ เช่น Niacinamide, N-Acetyl-D Glucosamine, Panthenol, L-Glutathione, Licorice Extract, Hyaluronic Acid Nano และ L-Ascorbic Acid ให้ละลายในเฟสน้ำ
    • Ferulic Acid ต้องละลายใน Ethoxydiglycol
    • d-Alpha Tocopherol (Vitamin E) ละลายในน้ำมันหรือซิลิโคน (เช่น Cyclomethicone) ก่อนนำไปผสม
    • Salicylic Acid (หากต้องการใส่เพิ่มเพื่อควบคุมความมัน/ผลัดเซลล์) ต้องละลายใน Propylene Glycol หรือ Butylene Glycol
  • เฟสน้ำมัน/ซิลิโคน: สำหรับผิวมัน ควรใช้น้ำมันหรือซิลิโคนชนิดที่บางเบาและระเหยง่าย เช่น Cyclomethicone ในปริมาณน้อย หรืออาจพิจารณาตัด Hyaluronic Acid โมเลกุลใหญ่บางชนิดออก หากทำให้รู้สึกเหนอะหนะ
  • สารออกฤทธิ์: Niacinamide, Zinc PCA, Alpha-Arbutin, Licorice Extract เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผิวมัน ช่วยเรื่องควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และปรับผิวให้กระจ่างใส ร่วมกับ L-Ascorbic Acid, Vitamin E, Ferulic Acid เพื่อผลเรื่องความกระจ่างใสและต้านอนุมูลอิสระ Panthenol ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยไม่เหนอะหนะ
  • การปรับค่า pH: สูตรที่มี L-Ascorbic Acid 15% จะมี pH ต่ำมาก ต้องใช้ Triethanolamine ค่อยๆ ปรับ pH ขึ้นให้อยู่ในช่วง 3.5-4.0 ซึ่งเป็นช่วงที่ LAA มีประสิทธิภาพดีและปลอดภัยตามข้อกำหนด
  • ขั้นตอนการผสม: ละลาย Pro Polymer ในเฟสน้ำ/ไกลคอลตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ (ค่อยๆ โปรยผงลงบนของเหลว คนช้าๆ ให้พองตัว หลีกเลี่ยงการปั่นเร็วเกินไป) ละลายสารออกฤทธิ์แต่ละชนิดในตัวทำละลายที่เหมาะสม เติมสารที่ละลายน้ำลงในเบสเจล ค่อยๆ เติมสารที่ละลายในน้ำมัน/ซิลิโคน (เช่น Vitamin E ใน Cyclomethicone) ลงในเบสเจลพร้อมคนหรือปั่นให้เข้ากัน เติม L-Ascorbic Acid ในขั้นตอนสุดท้ายเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 30°C ค่อยๆ ปรับ pH ด้วย Triethanolamine ทีละน้อยจนได้ค่าที่ต้องการ
  • ความคงตัว: การทำสูตรที่มี L-Ascorbic Acid 15% ค่อนข้างท้าทาย ต้องพิจารณาความเข้ากันได้ของส่วนผสม และอาจต้องใช้สารช่วยเพิ่มความคงตัวอื่นๆ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเติม หรือสาร Cheating Agent และควรบรรจุในภาชนะที่ป้องกันแสงและอากาศได้ดี

การสร้างสูตรที่มีสารออกฤทธิ์หลายชนิดในความเข้มข้นสูง โดยเฉพาะ L-Ascorbic Acid 15% ต้องอาศัยความระมัดระวังอย่างยิ่งในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกส่วนผสม การละลาย การผสม การปรับค่า pH และการทดสอบความคงตัวครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Pure-Ferulic Acid™
Pure-Ferulic Acid™
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Triethanolamine 99%
Triethanolamine 99%
เครื่องสำอาง
Laureth-23
Laureth-23
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
Polysorbate 20 (Tween 20)
Polysorbate 20 (Tween 20)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
Zinc PCA
Zinc PCA
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol P5
Phenoxyethanol P5
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
เครื่องสำอาง