คำถามเกี่ยวกับการผสมสูตรเซรั่มสำหรับผิวแพ้ง่ายและปัญหาการผสม

ถามโดย: engerry เมื่อ: December 15, 2012 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

มีคำถามหลายข้อเกี่ยวกับการผสมสูตรเครื่องสำอาง โดยเฉพาะเซรั่มสำหรับผิวแพ้ง่าย

  1. ทำไมส่วนผสม active บางรายการถึงไม่มีให้เลือกใน Ready-to-use base?
  2. นอกจากค่า pH และความสามารถในการละลายแล้ว มีปัจจัยอื่นใดอีกบ้างที่ส่งผลต่อความเข้ากันได้ของสาร? สามารถใส่ active ingredient ได้หลายชนิดในสูตรเดียวหรือไม่?
  3. เป็นไปได้หรือไม่ที่จะแพ้ Niacinamide (Vitamin B3)? มีวิธีทดสอบการแพ้อย่างไร?
  4. ได้พัฒนาสูตรสำหรับผิวแพ้ง่ายที่เน้นลดการระคายเคืองและให้ความชุ่มชื้น โดยใช้ส่วนผสมดังนี้: Hyaluronic Acid (Standard HA, Nano HA), Allantoin, Sea Kelp Bioferment, Sodium PCA, Sodium Lactate, Calendula Extract, Green Tea Extract EGCG, และ Aloe Vera Extract.
    • สัดส่วนส่วนผสมที่ใช้เหมาะสมหรือไม่?
    • จำเป็นต้องต้มน้ำดื่มสะอาดก่อนนำมาใช้ผสมหรือไม่?
    • ปริมาณสาร active ที่ใส่จะทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์หนืดเกินไป หรือลดประสิทธิภาพของสารแต่ละชนิดลงหรือไม่?
    • ขั้นตอนการผสมสูตรนี้ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการละลาย Hyaluronic Acid?
  5. สามารถเติมผง Ectoin ลงในผลิตภัณฑ์ที่ผสมเสร็จแล้วในภายหลังได้หรือไม่? มีวิธีการเติมอย่างไร? จะทำให้สูตรเจือจางลงมากน้อยแค่ไหน? ความเข้มข้นที่เหมาะสมที่สุดของ Ectoin คือเท่าใด?
  6. สามารถใช้ Xanthan Gum เพื่อเพิ่มความหนืดได้อย่างไร? มีสูตรประเภทใดบ้างที่ไม่ควรใช้ Xanthan Gum?
  7. การทำสูตรเป็นเนื้อครีม base จะทำให้สามารถใส่สาร active ที่ละลายน้ำได้ในความเข้มข้นสูงกว่า gel base โดยที่เนื้อไม่หนืดเกินไปได้จริงหรือไม่?
  8. ปัจจุบันมีบรรจุภัณฑ์ขวดสีชาหัวปั๊มจำหน่ายหรือไม่?
  9. พบปัญหาในการผสม:
    • Hyaluronic Acid เป็นก้อน มีวิธีแก้ไขหรือป้องกันอย่างไร?
    • การเติม Ectoin ทำให้เกิดตะกอนสีดำ เกิดจากอะไร? ยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่?
  10. ผลิตภัณฑ์เซรั่มสำหรับผิวแพ้ง่ายที่ผสมเองนี้ ควรใช้ในขั้นตอนใด? ทำไมถึงรู้สึกเหนียวเหนอะหนะเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปบางยี่ห้อ เช่น Hada Labo?

คำตอบ

คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับการผสมสูตร

1. ส่วนผสม Active ใน Ready-to-use Base

เหตุผลที่ส่วนผสม active บางรายการไม่มีให้เลือกใน Ready-to-use base ไม่ได้หมายความว่าส่วนผสมเหล่านั้นเข้ากันไม่ได้กับเบสที่มีอยู่ค่ะ แต่เป็นเพราะกระบวนการผสมส่วนผสมบางชนิด เช่น Beta Glucan ต้องใช้ความร้อนและเวลาในการละลาย ซึ่งห้องแล็บอาจไม่สะดวกในการผสมให้ในทุกคำสั่งซื้อเนื่องจากมีจำนวนมากค่ะ คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลความเข้ากันได้ของส่วนผสมแต่ละรายการได้จากหน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์นั้นๆ ค่ะ

2. หลักการพิจารณาความเข้ากันได้ของสารต่างๆ

หลักการสำคัญในการพิจารณาความเข้ากันได้ของสารต่างๆ คือค่า pH และความสามารถในการละลายค่ะ อย่างที่คุณเข้าใจถูกต้อง แต่การที่สารต่างๆ มี pH และความสามารถในการละลายที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถใส่ active ingredient ได้จำนวนเท่าใดก็ได้ค่ะ การใส่สาร active ในปริมาณที่มากเกินไปหรือหลายชนิดเกินไป อาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนียวเหนอะหนะและไม่น่าใช้ ซึ่งเป็นเรื่องของ "ศิลปะ" ในการผสมสูตรด้วยค่ะ การใส่สาร active หลายชนิดในปริมาณมากเกินไปอาจไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นเสมอไป แต่จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่จำเป็นค่ะ ควรใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ หากต้องการใส่หลายชนิดก็ให้ลดปริมาณลงค่ะ

3. การแพ้ Niacinamide (Vitamin B3)

เป็นไปได้ค่ะที่จะมีอาการแพ้ Niacinamide แม้ว่าจะเป็น Vitamin B3 ซึ่งมีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ แต่โอกาสเกิดค่อนข้างน้อยค่ะ เนื่องจาก Niacinamide ไม่ใช่สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวเลยค่ะ คุณสามารถทดสอบการแพ้ได้โดยผสม Niacinamide กับน้ำสะอาดให้ได้ความเข้มข้นประมาณ 4% แล้วลองทาบริเวณข้อพับแขนเพื่อทดสอบดูก่อนนำมาใช้กับผิวหน้าค่ะ

4. การประเมินสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย

สูตรที่คุณเสนอมาเน้นเรื่องการลดการระคายเคืองและให้ความชุ่มชื้น ถือเป็นสูตรที่ดีและไม่ซับซ้อนเกินไปค่ะ เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและมีรอยแดง การใส่ส่วนผสมต่างๆ ในปริมาณที่คุณระบุมานั้นอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมค่ะ ทางทีมงานแนะนำให้ลองเพิ่ม Niacinamide 4% เข้าไปในสูตรด้วยหลังจากทดสอบการแพ้แล้ว เนื่องจากเป็นสารที่มีประโยชน์มากในการเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และช่วยเรื่องรอยแดงค่ะ

สำหรับน้ำดื่มสะอาดที่ใช้ผสม หากไม่แน่ใจในความสะอาด การต้มน้ำแล้วรอให้เย็นก่อนนำมาใช้ก็เป็นวิธีที่ดีในการฆ่าเชื้อค่ะ

ปริมาณสาร active ในสูตรนี้ไม่น่าจะทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์หนืดเกินไปจนใช้งานยากค่ะ และไม่น่าจะทำให้ประสิทธิภาพของสารต่างๆ ลดลงจากการใส่ร่วมกันในปริมาณนี้ค่ะ

วิธีผสม (ปรับปรุงตามคำแนะนำ):

  • เตรียมน้ำสะอาด (หากต้องการ สามารถต้มแล้วรอให้เย็นก่อน)
  • ใส่ส่วนผสมที่เป็นผงทั้งหมดลงในน้ำ (ยกเว้น Hyaluronic Acid และ Allantoin) คนหรือเขย่าให้ละลายเข้ากันดี
  • ใส่ Hyaluronic Acid ทั้ง Standard HA และ Nano HA ลงไป ปิดฝาแล้วเขย่าแรงๆ ประมาณ 1-3 นาที จากนั้นนำไปแช่ใน ตู้เย็นช่องธรรมดา (อุณหภูมิ 4-10°C) อย่างน้อย 5 ชั่วโมง หรือจนกว่าผง HA จะละลายหมดและได้เนื้อเจลที่เข้ากันดี (อาจต้องนำออกมาเขย่าซ้ำหากยังมีก้อน) ห้ามนำไปแช่ช่องฟรีซ
  • เมื่อได้เนื้อเจล HA ที่เข้ากันดีแล้ว จึงค่อยใส่ส่วนผสมที่เป็นของเหลวอื่นๆ ทั้งหมดลงไป ได้แก่ Sea Kelp Bioferment, Sodium PCA, Sodium Lactate, Calendula Extract, Green Tea Extract EGCG, Aloe Vera Extract และ Allantoin คนหรือเขย่าให้เข้ากันดี
  • เสร็จแล้ว

5. การเติม Ectoin ในภายหลัง

คุณสามารถเติม Ectoin เพิ่มลงไปในสูตรที่ผสมเสร็จแล้วได้ค่ะ โดยละลายผง Ectoin ในน้ำสะอาดเล็กน้อย (เช่น 10ml) ให้ละลายหมดก่อน แล้วค่อยนำไปเติมลงในเนื้อผลิตภัณฑ์เดิม คนหรือเขย่าให้เข้ากันดี เนื่องจากสูตรของคุณมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก จึงสามารถเติม Ectoin ที่ละลายน้ำแล้วลงไปได้โดยตรงค่ะ

การเติม Ectoin เข้าไปจะทำให้ความเข้มข้นรวมของส่วนผสมอื่นๆ ในส่วนนั้นลดลงเล็กน้อย ซึ่งตามคำแนะนำของทีมงาน ความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยนี้ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญค่ะ (แต่การใช้ Ectoin ที่ความเข้มข้น 2% ถือเป็นจุดที่คุ้มค่าที่สุดในแง่ประสิทธิภาพต่อค่าใช้จ่าย) การผสมแยกไว้ในอีกขวดหนึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคุณ

6. การเพิ่มความหนืดด้วย Xanthan Gum

โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถใส่ Xanthan Gum ลงไปในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเพิ่มความหนืดได้ โดยคนหรือเขย่าให้เข้ากันจนได้เนื้อเจลหรือความหนืดที่ต้องการค่ะ Xanthan Gum สามารถใช้ได้ในสูตรส่วนใหญ่ที่เป็นน้ำค่ะ

อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นบางประการค่ะ Xanthan Gum อาจทำงานได้ไม่ดีหรือเกิดปัญหาในสูตรที่มีความเป็นด่างสูงมากๆ เช่น สบู่เหลวที่ใช้ Sodium Hydroxide เป็นสารทำความสะอาดค่ะ หากต้องการใช้ในสูตรเฉพาะเจาะจง ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ก่อนค่ะ

7. Base เนื้อครีม vs. Gel Base กับความเข้มข้นสาร Active

ความแตกต่างหลักระหว่าง base เนื้อครีมกับ gel base (water-gel) คือ base เนื้อครีมจะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ด้วยค่ะ ในขณะที่ water-gel base จะเป็นเบสที่ใช้น้ำเป็นหลักและมีสารก่อเจล การทำ base เป็นเนื้อครีมไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถผสมสาร active ที่ละลายน้ำได้ในความเข้มข้นที่สูงกว่า gel base โดยที่เนื้อไม่หนืดเกินไปค่ะ ปริมาณความเข้มข้นสูงสุดของสาร active ที่สามารถใส่ได้โดยไม่ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์หนืดเกินไปขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสาร active แต่ละชนิดและสารก่อเนื้อในสูตรค่ะ ไม่มีเปอร์เซ็นต์ตายตัวที่ใช้ได้กับทุกกรณีค่ะ

8. บรรจุภัณฑ์ขวดสีชาหัวปั๊ม

ข้อมูลเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ขวดสีชาหัวปั๊มที่จะเริ่มจำหน่ายในปีถัดไปที่ระบุในกระทู้ เป็นข้อมูลจากปี 2556 ซึ่งเก่าแล้วค่ะ ดิฉันไม่สามารถให้ข้อมูลปัจจุบันเกี่ยวกับกำหนดการจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวได้ค่ะ

9. ปัญหาการผสม (ก้อน HA, ตะกอน Ectoin)

  • ก้อน HA: ปัญหา Hyaluronic Acid เป็นก้อนเกิดจากการละลายที่ไม่สมบูรณ์ค่ะ HA ละลายได้ดีในน้ำบริสุทธิ์และน้ำเย็น การแช่เย็นในตู้เย็น (ไม่ใช่ช่องฟรีซ) และการเขย่าหรือคนเป็นระยะจะช่วยให้ละลายได้ดีขึ้นค่ะ ตามคำแนะนำของทีมงาน การใส่ HA หลังจากละลายส่วนผสมผงอื่นๆ ในน้ำแล้ว แต่ก่อนใส่ส่วนผสมของเหลวอื่นๆ จะช่วยให้ HA ละลายง่ายขึ้นค่ะ หากเกิดก้อนและไม่สามารถละลายได้หมด แม้จะต้องตักส่วนที่เป็นก้อนออก ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถใช้งานได้ค่ะ
  • ตะกอน Ectoin: ตะกอนสีดำที่พบหลังจากเติม Ectoin เป็นเรื่องที่น่ากังวลค่ะ ทีมงานสงสัยว่าอาจเกิดการปนเปื้อนหรือผลิตภัณฑ์เสียได้ อย่างไรก็ตาม หากสังเกตแล้วตะกอนไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้นหลังจากผ่านไป 10 วัน ตามที่คุณแจ้ง แสดงว่าไม่น่าจะเกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อโรคค่ะ แต่อาจเป็นสิ่งสกปรกอื่นๆ หรือตะกอนจากส่วนผสมบางชนิด (เช่น Green Tea Extract EGCG ที่มีสีเข้ม) เพื่อความสบายใจ ควรพยายามตักตะกอนออกก่อนนำไปใช้ค่ะ

10. ขั้นตอนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมเอง

ผลิตภัณฑ์ที่คุณผสมขึ้นมานี้ควรใช้เป็น เซรั่ม ค่ะ ทาหลังจากทำความสะอาดผิวและอาจลงโทนเนอร์แล้ว ก่อนทาครีมบำรุงผิวค่ะ

ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะที่คุณพบเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปบางยี่ห้อ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การที่สูตรของคุณไม่ได้ใส่สารที่ช่วยให้ความรู้สึก "ลื่น" ผิวขณะทา (Slip Agents) ซึ่งมักพบในผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัส หรืออาจเกิดจากปริมาณและความเข้มข้นของสารให้ความชุ่มชื้นหลายชนิดในสูตรของคุณค่ะ นอกจากนี้ Sea Kelp Bioferment หากใช้ในปริมาณสูง (เกิน 10%) ก็อาจทำให้เกิดคราบหรือความรู้สึกเหนอะหนะได้ค่ะ สูตรของคุณใช้ Sea Kelp Bioferment ที่ 10% ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดที่แนะนำเพื่อเลี่ยงปัญหานี้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Allantoin
Allantoin
เครื่องสำอาง
Sea Kelp Extract
Sea Kelp Extract
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Calendula Extract (Water Soluble)
Calendula Extract (Water Soluble)
เครื่องสำอาง
Sodium Lactate (60% Liquid, Natural)
Sodium Lactate (60% Liquid, Natural)
เครื่องสำอาง
Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)
Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)
เครื่องสำอาง
Sodium PCA 50%
Sodium PCA 50%
เครื่องสำอาง
Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
เครื่องสำอาง
Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)
Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)
เครื่องสำอาง
Ectoine (Ectoin, from Bio-fermentation)
Ectoine (Ectoin, from Bio-fermentation)
เครื่องสำอาง
Sodium Lactate Plus
Sodium Lactate Plus
เครื่องสำอาง
Hi-LiconeA™ Licorice Extract (Licochalcone A 20%)
Hi-LiconeA™ Licorice Extract (Licochalcone A 20%)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid Gel Base
Hyaluronic Acid Gel Base
เครื่องสำอาง
Beta Glucan 70% (Oat Extract, Water-Soluble)
Beta Glucan 70% (Oat Extract, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
Beta Glucan 90% (Oat Extract, Water-Soluble)
Beta Glucan 90% (Oat Extract, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
เครื่องสำอาง