คำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรสบู่เหลวและแชมพู

ถามโดย: go_lf555 เมื่อ: November 06, 2014 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

มีคำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรสบู่เหลว และการดัดแปลงเป็นแชมพูครับ:

  • การใส่ Glycerin 20% ในสูตรสบู่เหลวมีจุดประสงค์อะไร และปริมาณนี้มากเกินไปหรือไม่?
  • สามารถใช้ BabyFoam แทน Creamy Foamer ในสูตรสบู่เหลวได้หรือไม่?
  • หากต้องการดัดแปลงสูตรเป็นแชมพูโดยใช้ Coco-Betaine เป็นสารซักฟอกหลัก จำเป็นต้องใส่ Lauryl Glucoside หรือ Coco Wash ร่วมด้วยหรือไม่ และแต่ละตัวมีบทบาทอย่างไรในสูตรแชมพู?
  • ต้องการใส่น้ำมันบำรุงเส้นผมในสูตรแชมพู เล็ง Jojoba Oil และ Argan Oil ไว้ แต่ราคาแพง จะใส่ Panthenol แน่ๆ อยากทราบว่า Jojoba Oil และ Argan Oil เหมาะกับการบำรุงผมในแชมพูหรือไม่ และมีสารทางเลือกอื่นไหม?

คำตอบ

คำแนะนำการปรับสูตรสบู่เหลว/แชมพู

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรและคำถามของคุณนะคะ ยอดเยี่ยมมากที่คุณได้ทดลองและพบสูตรที่คุณพอใจ เรามาดูคำถามของคุณโดยอิงจากคุณสมบัติของส่วนผสมและคำแนะนำที่ได้รับค่ะ

1. กลีเซอรีน 20% - จุดประสงค์และปริมาณที่ใช้

ถูกต้องค่ะที่กลีเซอรีนใช้เป็นสารให้ความชุ่มชื้น (humectant) ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว และปรับปรุงความรู้สึกบนผิว (skin feel) ให้ลื่นขึ้นขณะใช้ ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับ Propylene Glycol แต่กลีเซอรีนเป็นที่นิยมมากกว่าเนื่องจากมีจุดเริ่มต้นจากธรรมชาติมากกว่า การใช้กลีเซอรีนที่ความเข้มข้น 20% ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องล้างออกอย่างสบู่เหลวหรือแชมพู แม้ว่าจะให้ความชุ่มชื้นและความลื่นดีเยี่ยม แต่อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักผิวได้ โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่ต้องล้างออก ปริมาณที่แนะนำสำหรับการใช้กลีเซอรีนในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดโดยทั่วไปจะต่ำกว่านี้ มักจะอยู่ในช่วง 1-10% อย่างไรก็ตาม หากคุณพอใจกับความรู้สึกและประสิทธิภาพในปัจจุบัน การใช้ 20% ก็ไม่ได้ "มากเกินไป" ในแง่ของความปลอดภัย แต่ก็เป็นปริมาณที่สูง และอาจพิจารณาลดลงได้หากคุณรู้สึกว่ามีผลต่อการล้างออกหรือทิ้งความเหนอะหนะไว้ คุณอาจลองทดลองใช้ในปริมาณที่น้อยลง (เช่น 10-15%) เพื่อดูว่ายังคงได้รับประโยชน์ด้านความชุ่มชื้นและความรู้สึกบนผิวตามที่ต้องการหรือไม่ โดยไม่มีข้อเสียจากการใช้ความเข้มข้นสูงเกินไป

2. การใช้ BabyFoam แทน Creamy Foamer

ได้แน่นอนค่ะ คุณสามารถลองใช้ BabyFoam แทน Creamy Foamer ได้ ตามที่เจ้าหน้าที่ได้กล่าวไว้ BabyFoam (Sodium Cocoyl Isethionate) และ Creamy Foamer (Sodium Methyl Cocoyl Taurate) เป็นสารลดแรงตึงผิวที่แตกต่างกัน และจะให้เนื้อฟองและความรู้สึกของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน BabyFoam เป็นที่รู้จักในการสร้างฟองที่นุ่มและแน่น มักใช้ในสบู่ก้อนและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับเด็ก Creamy Foamer ก็ให้ฟองที่นุ่มและลื่นเช่นกัน วิธีที่ดีที่สุดที่จะทราบว่าคุณชอบแบบไหนคือการทดลองทำสูตรขนาดเล็กโดยใช้ BabyFoam แทน Creamy Foamer ในปริมาณสารออกฤทธิ์ที่ใกล้เคียงกัน แล้วเปรียบเทียบคุณภาพฟองและความรู้สึกโดยรวมค่ะ

3. การปรับเป็นแชมพูโดยใช้ Coco-Betaine, Lauryl Glucoside และ Coco Wash

หากคุณกำลังปรับสูตรเป็นแชมพูโดยใช้ Coco-Betaine เป็นสารลดแรงตึงผิวหลัก คุณอาจจะจำเป็นหรือไม่จำเป็นต้องใส่ Lauryl Glucoside หรือ Coco Wash เพิ่ม ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแชมพูที่คุณต้องการ

  • Coco-Betaine: เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเบสแชมพูที่อ่อนโยนและให้ฟองได้ดี
  • Lauryl Glucoside: ตามที่เจ้าหน้าที่อธิบาย Lauryl Glucoside ทำความสะอาดได้ดี แต่เมื่อใช้กับเส้นผมอาจทำให้รู้สึก "ฝืด" หรือลื่นน้อยลง การใช้ร่วมกับ Coco-Betaine สามารถช่วยปรับปรุงความลื่นและความรู้สึกบนเส้นผม ทำให้ล้างออกง่ายขึ้นและพันกันน้อยลง ดังนั้น การใส่ Lauryl Glucoside ร่วมกับ Coco-Betaine เป็นวิธีที่นิยมในการทำสูตรแชมพูเพื่อปรับสมดุลระหว่างการทำความสะอาดและความรู้สึกบนเส้นผม
  • Coco Wash: Coco Wash (PEG-7 Glyceryl Cocoate) เป็นสารลดแรงตึงผิวประเภท Emollient ที่ช่วยเพิ่มความนุ่มและความชุ่มชื้น มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดต่ำ โดยเฉพาะกับเส้นผม แม้ว่าจะช่วยให้รู้สึกชุ่มชื้นได้ แต่โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้เป็นสารทำความสะอาดหลักหรือรองในแชมพู การใส่ Coco Wash จะเน้นที่คุณสมบัติการให้ความนุ่มลื่นมากกว่าการช่วยเพิ่มการทำความสะอาดหรือฟองในบริบทของแชมพู

ดังนั้น เมื่อใช้ Coco-Betaine ในแชมพู ควรพิจารณาใส่ Lauryl Glucoside เพื่อปรับปรุงความรู้สึกบนเส้นผม แต่ Coco Wash ไม่จำเป็นเท่าไหร่สำหรับสูตรแชมพูที่เน้นการทำความสะอาดค่ะ

4. การใส่น้ำมันบำรุงเส้นผม

คุณวางแผนที่จะใส่ Panthenol ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการบำรุงเส้นผม เนื่องจากช่วยให้ความชุ่มชื้นและปรับปรุงสุขภาพและความเงางามของเส้นผมได้

สำหรับการใส่น้ำมัน เช่น Jojoba Oil และ Argan Oil ในแชมพู: ตามที่เจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง การใส่น้ำมันธรรมชาติราคาแพงในผลิตภัณฑ์ที่ต้องล้างออกอย่างแชมพูโดยทั่วไปไม่แนะนำด้วยเหตุผลหลายประการ:

  • ประสิทธิภาพจำกัด: เนื่องจากแชมพูถูกล้างออกอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาที่น้ำมันจะสัมผัสกับเส้นผมเพื่อบำรุงมีน้อยมาก น้ำมันส่วนใหญ่จะถูกล้างออกไปก่อนที่จะสามารถซึมซาบหรือปรับสภาพเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ต้นทุน: การใช้น้ำมันราคาแพงในผลิตภัณฑ์ที่ต้องล้างออกปริมาณมากไม่คุ้มค่า
  • ความคงตัว: น้ำมันธรรมชาติอาจเหม็นหืนเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจส่งผลต่อกลิ่นและคุณภาพของแชมพู โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่มีอายุการเก็บรักษานาน

สำหรับการเพิ่มการปรับสภาพและความนุ่มลื่นให้กับแชมพู สารทางเลือกที่ออกแบบมาให้เกาะติดกับเส้นผมระหว่างการสระจะให้ผลดีกว่า ซึ่งรวมถึง:

  • สารปรับสภาพกลุ่มซิลิโคน: ผลิตภัณฑ์อย่าง SiliWater หรือ WaterLock ถูกออกแบบมาให้เกาะติดกับเส้นผม ให้ความลื่น ความนุ่ม และป้องกันการพันกันโดยไม่สะสมบนเส้นผมมากนัก
  • โพลิเมอร์ปรับสภาพอื่นๆ: มีโพลิเมอร์หลายชนิดที่ให้ประโยชน์ในการปรับสภาพในสูตรที่ต้องล้างออก

แม้ว่า Jojoba Oil และ Argan Oil จะดีเยี่ยมสำหรับการบำรุงผมเมื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องล้างออก (เช่น เซรั่มบำรุงผม ครีมนวดผม หรือมาสก์ผม) แต่ประโยชน์ของมันในแชมพูมีน้อยค่ะ ควรเน้นที่สารปรับสภาพที่มีประสิทธิภาพและ Panthenol ที่คุณวางแผนจะใส่สำหรับการบำรุงเส้นผมในสูตรแชมพูของคุณค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
เครื่องสำอาง
Argan Oil (Organic - Virgin - Deodorized)
Argan Oil (Organic - Virgin - Deodorized)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Lauryl Glucoside
Lauryl Glucoside
เครื่องสำอาง
Coco Wash™ (PEG-7 Glyceryl Cocoate)
Coco Wash™ (PEG-7 Glyceryl Cocoate)
เครื่องสำอาง
WaterLock™ (Polyquaternium-51)
WaterLock™ (Polyquaternium-51)
เครื่องสำอาง
SugarThick™ (PEG-120 Methyl Glucose Dioleate)
SugarThick™ (PEG-120 Methyl Glucose Dioleate)
เครื่องสำอาง
Coco-Betaine (e.q. Dehyton AB30)
Coco-Betaine (e.q. Dehyton AB30)
เครื่องสำอาง