คำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรโทนเนอร์และเซรั่ม: สารผลัดเซลล์ผิว, ค่า pH, และสารทางเลือก
คำถาม
จากข้อมูลการพูดคุยครั้งก่อนและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ดิฉันมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรโทนเนอร์และเซรั่ม โดยเฉพาะเรื่องสารผลัดเซลล์ผิว การปรับค่า pH สารทางเลือก และการเตรียมน้ำค่ะ
สูตรเริ่มต้นที่ดิฉันเสนอไปคือ:
สูตรที่ 1. โทนเนอร์สำหรับกลางวัน ขนาด 50ml
- Witch Hazel 40.26% (= 40.25g)
- Vitamin B3 (Niacinamide Niacin) 5% (= 2.5g)
- Glucosamine (N-Acetyl-D) 4% (= 2g)
- Allantoin 0.5% (= 0.25g)
- Azelaic Acid 10% (= 5g)
สูตรที่ 1. โทนเนอร์กลางคืน ขนาด 50ml
- (สำหรับฆ่าเชื้อโรค ผลัดเซลล์ผิว ละลายสิวอุดตัน ทำความสะอาดรูขุมขน จะใช้ก่อนทาเซรั่มกลางคืนได้ไหม ต้องทิ้งช่วงนานไหมจึงจะทาเซรั่มได้ ที่ต้องใช้กลางคืนเพราะไม่ต้องการให้โดนแสงแดดค่ะ)*
ดิฉันสั่ง Lactic Acid 10% และ Salicylic Acid (BHA) มาทั้ง 2 ตัว สองตัวนี้ควรใช้ตัวไหนจึงจะเหมาะสมสำหรับโทนเนอร์กลางคืนคะ เจ้าหน้าที่แนะนำว่าควรเลือกผสมแค่ตัวใดตัวหนึ่งระหว่าง Azelaic acid, lactic acid, salicylic acid เพราะทั้ง 3 ตัวนี้ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ถ้าใช้ร่วมกันอาจรุนแรงเกินไปต่อผิวหน้า และถ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องสิวอุดตันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ หรือถ้าต้องการผลัดเซลล์ผิว ใช้ lactic acid อ่อนๆ 2-3% ก็พอ จะได้ความชุ่มชื้นไปด้วย แต่ถ้ามี Azelaic acid แล้ว ก็เลือกใส่ Azelaic ได้ แต่ใช้ที่ 5% ก็พอ ถ้าถึง 10% อาจจะระคายเคืองและไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกลางวัน
สำหรับ Triethanolamine (TEA) 0.1-5% ห้ามใช้เกิน 5% ควรใส่เท่าไหร่จึงจะเหมาะสมคะ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า TEA เป็นด่างใช้ปรับ pH เท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์อื่น ถ้าไม่จำเป็นต้องปรับ pH ก็ไม่ต้องใช้
ในคำอธิบายของ DMAE Birtartrate แนะนำว่าควรปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วง 5.5-6.5 ใช่ไหมคะ ค่า pH ช่วงนี้เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์ทาหน้าทุกชนิดหรือไม่คะ
และมีคำถามเพิ่มเติมในประเด็นดังต่อไปนี้ค่ะ:
- รบกวนช่วยตรวจสอบการคำนวณเปอร์เซ็นต์ในสูตรของดิฉัน โดยเฉพาะโทนเนอร์กลางวัน ที่เปอร์เซ็นต์ของ Witch Hazel ดูไม่ตรงกับน้ำหนักที่ระบุค่ะ
- สามารถเพิ่ม DMAE Birtartrate ในเซรั่มกลางคืน สูตร 2 ได้หรือไม่คะ ควรใช้ในความเข้มข้นเท่าไร และจะส่งผลต่อสูตรอย่างไรบ้างคะ
- เนื่องจาก Alpha Arbutin หมดสต็อก มีสารออกฤทธิ์ตัวอื่นที่เหมาะสมสำหรับใช้แทน Alpha Arbutin ในเซรั่มกลางวัน เพื่อช่วยเรื่องความกระจ่างใสและฝ้าบ้างไหมคะ
- สำหรับการเตรียมน้ำกลั่น การต้มน้ำดื่มสะอาดเพียงพอหรือไม่คะ หรือจำเป็นต้องใช้น้ำกลั่นสำหรับผสมเครื่องสำอางโดยเฉพาะ ดิฉันวางแผนจะเติม Disodium EDTA ที่ 0.2% ถูกต้องไหมคะ และการวัดค่า pH ของน้ำที่ต้มแล้วได้ 6-7 ถือว่าใช้ได้หรือไม่คะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
คำตอบ
สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำถามและรายละเอียดสูตรที่เตรียมไว้ค่ะ และขอบคุณสำหรับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ จากคำตอบของเจ้าหน้าที่และการสอบถามเพิ่มเติมของคุณ siranant ดิฉันได้รวบรวมข้อมูลและคำแนะนำเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
การตรวจสอบสูตรและคำแนะนำเพิ่มเติม
1. ค่า pH ที่เหมาะสม
- โดยทั่วไปแล้ว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าควรมีค่า pH อยู่ในช่วง 5.0-6.5 เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวตามธรรมชาติและลดการระคายเคืองค่ะ
- สำหรับสารออกฤทธิ์บางชนิด อาจมีช่วง pH ที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและความเสถียร เช่น
- Azelaic Acid: มักแนะนำให้อยู่ในช่วง pH 4.0-5.0 เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี แต่ที่ pH สูงขึ้น (เช่น 5.0-6.5) ก็ยังคงมีฤทธิ์และอาจระคายเคืองน้อยลงค่ะ
- DMAE Birtartrate: แนะนำให้อยู่ในช่วง pH 5.5-6.5 ตามที่คุณ siranant เข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ
- Salicylic Acid (BHA): มีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วง pH 3.0-4.0
- Lactic Acid (AHA): มีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วง pH 5.0-6.0
- ดังนั้น หลังจากผสมสูตรเสร็จแล้ว จำเป็นต้องวัดค่า pH ของผลิตภัณฑ์ทุกสูตร และปรับให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม โดยใช้ Triethanolamine (TEA) ซึ่งเป็นด่าง ในปริมาณน้อยๆ ค่อยๆ เติมและวัดค่าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ค่า pH ที่ต้องการค่ะ
2. การคำนวณอัตราส่วน
- เซรั่มกลางคืน สูตร 1 และ 2: การคำนวณน้ำหนักของสารแต่ละตัวสำหรับขนาด 50ml (โดยประมาณ) ถือว่าถูกต้องตามเปอร์เซ็นต์ที่ระบุไว้ค่ะ น้ำหนักรวมได้ 50 กรัมพอดี
- โทนเนอร์กลางวัน:
- น้ำหนักรวมของส่วนผสมที่ระบุ (Witch Hazel 40.25g + สารอื่นๆ รวม 9.75g) ได้ 50 กรัม ซึ่งตรงกับขนาดที่ต้องการค่ะ
- อย่างไรก็ตาม เปอร์เซ็นต์ของ Witch Hazel ที่ระบุว่า 40.26% ดูจะไม่สอดคล้องกับน้ำหนัก 40.25 กรัมในสูตร 50 กรัม (40.25 กรัม จาก 50 กรัม คิดเป็น 80.5%) ตรงนี้อาจจะต้องตรวจสอบตัวเลขเปอร์เซ็นต์หรือน้ำหนักของ Witch Hazel อีกครั้งค่ะ แนะนำให้ยึดตามน้ำหนักเป็นหลักในการผสมค่ะ ส่วนสารอื่นๆ (Vitamin B3, Glucosamine, Allantoin, Azelaic Acid) น้ำหนักตรงกับเปอร์เซ็นต์สำหรับสูตร 50 กรัมค่ะ
3. การปรับ/เพิ่มเติมสารในสูตร
- เซรั่มกลางคืน สูตร 1: เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าสูตรนี้ใช้ได้เลยค่ะ เป็นสูตรที่ดีสำหรับการลดริ้วรอยและช่วยเรื่องความกระจ่างใสเบื้องต้นค่ะ
- เซรั่มกลางคืน สูตร 2:
- Azelaic Acid: ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ควรระมัดระวังการใช้ Azelaic Acid โดยเฉพาะที่ความเข้มข้น 10% ร่วมกับสารผลัดเซลล์ผิวอื่นๆ (เช่น ในโทนเนอร์กลางคืนที่คุณเตรียมไว้) การใช้ Azelaic Acid 10% ในเซรั่มนี้ร่วมกับโทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายค่ะ หากต้องการใช้ Azelaic Acid เพื่อช่วยเรื่องฝ้าและสิวอุดตัน ควรพิจารณาใช้ในความเข้มข้นที่ต่ำลง (เช่น 5%) หรืออาจเลือกใช้ในผลิตภัณฑ์แยกต่างหาก และสังเกตการตอบสนองของผิวอย่างใกล้ชิดค่ะ
- DMAE Birtartrate: สามารถใส่ในสูตรได้ค่ะ มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้น อย่าลืมปรับค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วง 5.5-6.5 เพื่อประสิทธิภาพและความเสถียรของ DMAE ค่ะ
- โทนเนอร์กลางวัน:
- Azelaic Acid: ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หากต้องการใส่ Azelaic Acid ในโทนเนอร์กลางวัน ควรลดความเข้มข้นลงเหลือประมาณ 5% ค่ะ เพราะ 10% อาจรุนแรงเกินไปสำหรับการใช้ตอนกลางวัน และต้องใช้ครีมกันแดดอย่างเคร่งครัดค่ะ
- การเลือกสารผลัดเซลล์ผิว: ยืนยันตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ว่าควรเลือกใช้สารผลัดเซลล์ผิวเพียงชนิดเดียวระหว่าง Azelaic Acid, Lactic Acid, หรือ Salicylic Acid ในโทนเนอร์ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่มากเกินไปค่ะ
- โทนเนอร์กลางคืน (สารผลัดเซลล์ผิว):
- Lactic Acid vs Salicylic Acid: เจ้าหน้าที่แนะนำให้เลือกใช้เพียงตัวเดียวค่ะ Salicylic Acid (BHA) ละลายในน้ำมันได้ดี เหมาะสำหรับผิวผสม/ผิวมัน มีปัญหาสิวอุดตัน ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้ดีค่ะ หากปัญหาหลักคือสิวอุดตันและผิวมันช่วงทีโซน Salicylic Acid อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าค่ะ ควรใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม (เช่น 0.5-2%) และปรับ pH ให้อยู่ในช่วง 3.0-4.0 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด Lactic Acid (AHA) ละลายน้ำได้ดี ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบน เพิ่มความกระจ่างใสและชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแห้งถึงธรรมดา หรือเน้นเรื่องริ้วรอย จุดด่างดำ หากเลือกใช้ Lactic Acid ควรใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม (เช่น 5-10% สำหรับโทนเนอร์) และปรับ pH ให้อยู่ในช่วง 5.0-6.0 เลือกใช้ตัวที่คิดว่าเหมาะกับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไขมากที่สุดค่ะ
- Triethanolamine (TEA): ใช้เพื่อปรับค่า pH เท่านั้น ปริมาณที่ใช้จะขึ้นอยู่กับปริมาณกรด (Lactic หรือ Salicylic) และค่า pH เริ่มต้นของสูตร ต้องค่อยๆ เติมทีละน้อยและวัดค่า pH จนกว่าจะได้ค่าที่ต้องการค่ะ ไม่จำเป็นต้องใส่ตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ให้ใส่เท่าที่จำเป็นเพื่อปรับ pH ค่ะ
- การใช้ก่อนเซรั่มกลางคืน: สามารถใช้โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวหลังล้างหน้าและก่อนทาเซรั่มกลางคืนได้ค่ะ ควรทิ้งช่วงเวลาประมาณ 5-10 นาที หรือจนกว่าโทนเนอร์จะซึมและผิวแห้งสนิท ก่อนทาเซรั่ม เพื่อให้สารผลัดเซลล์ผิวทำงานได้อย่างเต็มที่และลดโอกาสการระคายเคืองค่ะ
4. สารทดแทน Alpha Arbutin สำหรับเซรั่มกลางวัน
เนื่องจาก Alpha Arbutin หมดสต็อก มีสารออกฤทธิ์อื่นๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และฝ้าได้ดี สามารถใช้เป็นทางเลือกได้ค่ะ ตัวอย่างเช่น:
- GlyciWhite™ (Glycinamide HCL): เป็นสารที่ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและอ่อนโยน ละลายน้ำได้ดี ใช้งานง่าย แนะนำให้ใช้ที่ความเข้มข้น 5%
- Hexylresorcinol AF: เป็น 4-Hexylresorcinol ในรูปแบบที่ละลายน้ำได้ดี ช่วยลดจุดด่างดำและทำให้ผิวกระจ่างใส โดยยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ในหลายขั้นตอน มีประสิทธิภาพสูงและไม่ระคายเคือง แนะนำให้ใช้ที่ความเข้มข้น 1-3%
- Pep®-Bright (Hexapeptide-2): เป็นเปปไทด์ที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และยังมีคุณสมบัติช่วยเรื่องความกระชับ ลดริ้วรอยได้ด้วย ละลายน้ำได้ดี แนะนำให้ใช้ที่ความเข้มข้น 1%
- MelaninTerminate™: สกัดจากโปรตีนไข่มุก มีกลไกการทำงานที่แตกต่างจากสารไวท์เทนนิ่งทั่วไป โดยยับยั้งผ่านกระบวนการ endothelin antagonist มีประสิทธิภาพสูงแม้ใช้ในปริมาณน้อยมาก ละลายน้ำได้ดี แนะนำให้ใช้ที่ความเข้มข้น 0.01-0.1%
คุณ siranant สามารถเลือกใช้สารเหล่านี้ตัวใดตัวหนึ่ง หรืออาจผสมผสานบางตัวที่มีกลไกการทำงานเสริมกัน (เช่น GlyciWhite + MelaninTerminate) ในสูตรเซรั่มกลางวันเพื่อช่วยเรื่องความกระจ่างใสและฝ้าได้ค่ะ ควรศึกษาข้อมูลการผสมและช่วงความเข้มข้นที่แนะนำของสารแต่ละตัวเพิ่มเติมก่อนนำไปใช้ค่ะ
5. การเตรียมน้ำกลั่น
การนำน้ำดื่มสะอาดมาต้มช่วยลดปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ได้ในระดับหนึ่งค่ะ แต่ยังคงมีแร่ธาตุและสารปนเปื้อนอื่นๆ อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์บางชนิดในสูตรได้ การใช้น้ำกลั่น (Distilled Water) หรือน้ำ Deionized Water ที่ซื้อมาสำหรับใช้ในงานเครื่องสำอางโดยเฉพาะ จะมีความบริสุทธิ์สูงกว่าและเหมาะสมที่สุดสำหรับการผสมเครื่องสำอางค่ะ
การเติม Disodium EDTA 0.2% เป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องแล้วค่ะ เพราะ Disodium EDTA เป็นสารคีเลต (Chelating Agent) ที่ช่วยจับกับไอออนของโลหะในน้ำ ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสารบางชนิดและเพิ่มความเสถียรของสูตรโดยรวมค่ะ
การวัดค่า pH ของน้ำที่เตรียมไว้ให้อยู่ระหว่าง 6-7 เป็นค่าเริ่มต้นที่ดีค่ะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวัดและปรับค่า pH ของ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิวและสารออกฤทธิ์ในสูตรนั้นๆ ค่ะ
ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ ยินดีให้คำแนะนำเสมอค่ะ หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสูตรอื่นๆ เช่น โลชั่นเช็ดเครื่องสำอาง เซรั่มบำรุงรากผม หรือสบู่เหลวล้างหน้า สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะคะ การทำผลิตภัณฑ์ใช้เองต้องอาศัยความเข้าใจและการทดลองค่ะ การมีเครื่องมืออย่างเครื่องชั่งและเครื่องวัด pH ถือเป็นสิ่งจำเป็นและดีมากๆ ค่ะ ขอให้สนุกกับการผสมสูตรและได้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Allantoin

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Triethanolamine 99%

Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค

Disodium EDTA

Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)

Cholesterol (95%, NF, Fine Powder)

D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)

Lactic Acid (AHA) 90% Deodorized (ปราศจากกลิ่น)

GlyciWhite™

MelaninTerminate™

Pep®-Bright (Hexapeptide-2)

Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
