คำถามเกี่ยวกับวิตามินซี สูตรเอสเซ้นส์ลดริ้วรอย และส่วนผสมต่างๆ
คำถาม
ดิฉันใช้ Tester VitC 15% ค่ะ หลังจากผิวปรับตัวได้แล้ว รู้สึกว่าผิวกระชับและละเอียดขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าหน้าดูหมองลงด้วย โดยเฉพาะเวลาโดนแดดแล้วไม่ทาครีมกันแดด (เนื่องจาก Tester เหนียว ทำให้ทาครีมกันแดดทับได้ยาก)
- การทาวิตามินซีแล้วโดนแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด จะมีผลให้ผิวคล้ำเร็วขึ้นหรือไม่คะ
- การสั่ง Alpha Arbutin มาผสมน้ำใช้เดี่ยวๆ จะช่วยให้หน้าหายหมองคล้ำไหมคะ
- ดิฉันวางแผนจะทำ Anti-Aging Essence เนื้อเอสเซ้นส์ โดยใช้ส่วนผสมและสัดส่วนดังนี้ค่ะ รบกวนช่วยแนะนำลำดับการผสมและความเหมาะสมด้วยค่ะ:
- Argireline (Acetyl Hexapeptide-8) 10%
- Pep-Coll (Palmitoyl tripeptide-5) 5%
- Metabiotics Resveratrol (ActiveRelease Trans-Resveratrol) 5%
- Centella Asiatica Extract (Madecassoside) 5%
- Repair Activator (Bifida Ferment Lysate) และ Apple Stem Cell Extract (AppleCell) มีประสิทธิภาพช่วยเรื่อง Anti-Aging จริงไหมคะ และคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่
- เปปไทด์เก่าๆ เช่น SNAP-8 และ Leuphasyl ตอนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้วใช่ไหมคะ
คำตอบ
การวิเคราะห์ปัญหาผิวและคำถามเกี่ยวกับการผสมสูตรของคุณ
ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์และคำถามของคุณค่ะ เป็นเรื่องที่ดีที่ผิวของคุณปรับตัวเข้ากับ Tester VitC ได้แล้ว และรู้สึกว่าผิวดูกระชับและละเอียดขึ้น แม้จะมีอาการแพ้ในช่วงแรกก็ตาม เรามาวิเคราะห์ปัญหาและแผนการผสมสูตรของคุณกันค่ะ
วิตามินซีและปัญหาผิวหมองคล้ำ
คุณสังเกตว่าผิวหน้าดูหมองลงหลังจากที่ผิวปรับตัวเข้ากับ Tester VitC 15% ได้แล้ว แม้จะรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้น คุณถามว่าการทาวิตามินซีแล้วโดนแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด จะมีผลให้ผิวคล้ำเร็วขึ้นหรือไม่
จากข้อมูลที่ได้รับ Staff ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่า แสงแดดไม่ได้ทำให้วิตามินซีทำให้ผิวคล้ำขึ้นโดยตรง แต่รังสียูวีจากแสงแดดสามารถทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพลดลง อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักที่ทำให้ผิวดูหมองคล้ำขึ้นเมื่อโดนแดดโดยไม่ป้องกัน คือตัวแสงแดดเองค่ะ รังสียูวีจะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวคล้ำเสีย เกิดจุดด่างดำ และความหมองคล้ำโดยรวม ไม่ว่าคุณจะใช้วิตามินซีหรือไม่ก็ตาม แม้วิตามินซีจะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นและมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงแดดได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนครีมกันแดดได้ ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจาก Tester VitC ที่ทำให้คุณไม่สามารถทาครีมกันแดดทับได้ น่าจะเป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำที่คุณสังเกตเห็น การปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อใช้ส่วนผสมที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวหรือกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เช่น วิตามินซีค่ะ
Alpha Arbutin สำหรับผิวหมองคล้ำ
คุณถามว่าการสั่ง Alpha Arbutin มาผสมน้ำใช้เดี่ยวๆ จะช่วยให้หน้าหายหมองคล้ำไหม
ใช่ค่ะ Alpha Arbutin เป็นสารที่รู้จักกันดีในเรื่องคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใส โดยทำงานยับยั้งเอนไซม์ (Tyrosinase) ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสีเมลานิน การใช้ Alpha Arbutin สามารถช่วยลดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสารที่ละลายน้ำได้และสามารถนำมาผสมในเบสที่เป็นน้ำได้ค่ะ เพื่อความคงตัวและประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการผสมใช้เอง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (โดยทั่วไปคือ 3.5-6.5) และอาจพิจารณาใช้สารช่วยให้คงตัว เช่น ActiveProtec OX หากผสมในปริมาณมากเพื่อเก็บไว้ใช้นาน ที่สำคัญที่สุดคือ การใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอทุกวันเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อใช้ Alpha Arbutin เพื่อป้องกันการเกิดเม็ดสีใหม่และช่วยให้สารออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ค่ะ
การวิเคราะห์สูตร Anti-Aging Essence
คุณวางแผนที่จะทำ Anti-Aging Essence เนื้อเอสเซ้นส์ โดยใช้ส่วนผสมดังนี้:
- Argireline (Acetyl Hexapeptide-8) 10%
- Pep-Coll (Palmitoyl tripeptide-5) 5%
- Metabiotics Resveratrol (ActiveRelease Trans-Resveratrol) 5%
- Centella Asiatica Extract (Madecassoside) 5%
นี่เป็นการผสมผสานส่วนผสมที่ดีที่มุ่งเป้าไปที่ปัญหาผิวสูงวัยในหลายๆ ด้าน:
- Argireline: เป็นเปปไทด์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า โดยทำงานที่กล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย
- Pep-Coll: เป็นเปปไทด์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อเพิ่มความกระชับของผิวและลดความลึกของริ้วรอย
- Metabiotics Resveratrol: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากสิ่งแวดล้อม กระตุ้นคอลลาเจน และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
- Centella Asiatica Extract (Madecassoside): มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิวและลดรอยแดง
ส่วนผสมเหล่านี้ทั้งหมดสามารถละลายน้ำหรือกระจายตัวในน้ำได้ และโดยทั่วไปจะถูกเติมในขั้นตอนสุดท้ายของการผสมสูตร โดยหลีกเลี่ยงความร้อนสูง ในการทำเอสเซ้นส์เบสที่เป็นน้ำอย่างง่าย คุณจะต้องเตรียมเบสน้ำของคุณก่อน (ซึ่งควรรวมสารกันเสียที่เหมาะสมด้วย) จากนั้นจึงค่อยๆ เติมส่วนผสมออกฤทธิ์ทีละตัว โดยให้แน่ใจว่าแต่ละตัวละลายหรือกระจายตัวได้ดีก่อนเติมตัวถัดไป รักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 40°C ในระหว่างการผสม ช่วงค่า pH ที่แนะนำสำหรับส่วนผสมเหล่านี้โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 3.5 ถึง 6.5 ซึ่งเหมาะสมกับสูตรของคุณ ค่า pH ระหว่าง 4-6.5 จะเหมาะสมที่สุดสำหรับส่วนผสมทั้งหมดที่ระบุมาค่ะ
ลำดับการผสม (แนวทางทั่วไปสำหรับเอสเซ้นส์เบสน้ำ):
- เตรียมเบสน้ำพร้อมสารกันเสีย
- ค่อยๆ เติมส่วนผสมที่เป็นผง (Metabiotics Resveratrol, Centella Asiatica Extract) ทีละตัว คนให้ละลายหรือกระจายตัว
- ค่อยๆ เติมส่วนผสมที่เป็นของเหลว (Argireline, Pep-Coll) ทีละตัว คนให้เข้ากันดี
- ตรวจสอบและปรับค่า pH สุดท้ายให้อยู่ในช่วง 4-6.5 หากจำเป็น
โปรดทราบว่า Metabiotics Resveratrol และ Centella Asiatica Extract (Madecassoside) ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาความคงตัวในระยะยาว
Repair Activator และ Apple Stem Cell Extract
คุณถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Repair Activator (Bifida Ferment Lysate) และ Apple Stem Cell Extract (AppleCell) และคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่
- Repair Activator (Bifida Ferment Lysate): ส่วนผสมนี้เป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการสนับสนุนกระบวนการซ่อมแซม DNA ตามธรรมชาติของผิว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวที่ถูกทำลายจากรังสียูวีหรือปัจจัยกดดันจากสิ่งแวดล้อม สามารถช่วยปรับปรุงเกราะป้องกันผิว ลดความไวของผิว และปรับปรุงสัญญาณแห่งวัยได้ ดังที่ Staff ได้กล่าวไว้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผิวที่เสียหาย แห้ง ระคายเคือง หรือมีสัญญาณของริ้วรอยก่อนวัย
- Apple Stem Cell Extract (AppleCell): ส่วนผสมนี้ได้รับการยอมรับในด้านศักยภาพในการช่วยให้เซลล์ผิวคงความมีชีวิตชีวาและอายุยืนยาวขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัยและช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผิวกระจ่างใสโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ทั้ง Repair Activator และ Apple Stem Cell Extract เป็นส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างดีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่อต้านริ้วรอย และมีงานวิจัยสนับสนุนประโยชน์ของมัน การที่จะเห็น "ผลชัดเจนสมคำร่ำลือ" หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสูตรเฉพาะ ความเข้มข้นที่ใช้ สภาพผิวของแต่ละบุคคล ปัญหาผิว และความสม่ำเสมอในการใช้ โดยทั่วไปถือว่าเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพที่ดีในการเสริมการดูแลผิวต่อต้านริ้วรอย แต่เช่นเดียวกับส่วนผสมประสิทธิภาพสูงหลายๆ ตัว ราคาก็จะสูงตามไปด้วย หากในอนาคตงบประมาณของคุณเอื้ออำนวย และคุณมีปัญหาผิวที่ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยแก้ไขได้โดยตรง (การซ่อมแซมผิว/ความไวของผิวสำหรับ Repair Activator, ความมีชีวิตชีวาของเซลล์โดยรวม/ความอ่อนเยาว์สำหรับ Apple Stem Cell) ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าค่ะ
เปปไทด์ที่เคยมี (SNAP-8, Leuphasyl)
คุณสอบถามว่าเปปไทด์เก่าๆ เช่น SNAP-8 และ Leuphasyl ยังมีจำหน่ายอยู่หรือไม่
จากผลการค้นหาผลิตภัณฑ์ พบว่ายังมีเปปไทด์ที่เทียบเท่าหรือเป็นชื่อทางการค้าของเปปไทด์เหล่านี้จำหน่ายอยู่ค่ะ:
- SNAP-8 มีจำหน่ายในชื่อ Acetyl Octapeptide-3 (eq. SNAP-8)
- Leuphasyl มีจำหน่ายในชื่อ Pep®-Leupha (Pentapeptide-18)
ดังนั้น คุณยังสามารถสั่งซื้อและใช้เปปไทด์เหล่านี้ในการผสมสูตรของคุณได้ค่ะ
สรุปคือ ประสบการณ์ของคุณกับวิตามินซีเน้นย้ำถึงความจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ครีมกันแดดทุกวัน Alpha Arbutin สามารถช่วยเรื่องความหมองคล้ำได้ แต่ก็จำเป็นต้องใช้ร่วมกับครีมกันแดดเช่นกัน สูตร Anti-Aging Essence ที่คุณวางแผนไว้เป็นการผสมผสานส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ดี Repair Activator และ Apple Stem Cell เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพที่น่าพิจารณาเมื่อมีงบประมาณ และเปปไทด์ SNAP-8 และ Leuphasyl ยังคงมีจำหน่ายภายใต้ชื่อเคมีหรือชื่อทางการค้าค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)

Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)

Alpha Arbutin (Switzerland)

Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%)

Apple Stem Cell Extract (AppleCell™ Powder)

Acetyl Octapeptide-3 (eq. SNAP-8)
