คำถามเกี่ยวกับสูตรครีม: การละลาย, สารช่วยนำพา, การผสม

ถามโดย: joelfonat เมื่อ: September 02, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

กำลังพัฒนาสูตรครีม โดยมีส่วนผสมดังนี้:

  • White Cumin: 0.3%
  • Pure EGCG: 2%
  • Resveratrol long max: 5%
  • Genistein: 0.5%
  • Silymarin: 1%
  • Niacinamide: 5%
  • Acetyl glucosamine: 4%
  • Magnesium Ascorbyl Phosphate: 5%
  • Prebio-care: 5%
  • Rhamnose: 5%
  • Tea Tree Oil: 0.5%
  • Superoxide Dismutase: 5%
  • lipid soft f: 5%
  • Moist 72: 2%
  • double hya: 4%
  • EDTA: 0.2%
  • Satin Cream Maker: 1.5%
  • water: 51%

มีปัญหาที่จะสอบถามดังนี้ค่ะ:

  1. White Cumin ละลายน้ำมันได้ เท่าที่อ่านในหน้าแนะนำ แต่ก็มีระบุว่าละลายใน glycol จึงสอบถามว่า เอา White Cumin กับ Silymarin ใส่ละลายลงใน lipidsolft f ได้หรือไม่ หรือต้องหาน้ำมันอื่นมาเพิ่มอีก
  2. มีปัญหาด้านการเลือกใช้ penetration enhancer เพราะว่า มี active ingredient ทั้งที่ละลายในน้ำ และ น้ำมัน เลยยังเลือก penetration enhancer ไม่ได้ว่าจะใช้ตัวใดหรือ ใส่กี่ตัวดี เพื่อ ให้ active ทั้งที่อยู๋ใน ส่วนละลายน้ำ และน้ำมัน ซึมได้ดี
  3. การ ปั่นให้กระจาย ของ Pure EGCG, Genistein ปั่นด้ววยความเร็วประมาณเท่าไหร่ ใช้การคนไปเรื่อยๆพอได้หรือไม่
  4. ถามเรื่องการผสมค่ะ
    • เท่าที่เข้าใจ คือ ละลายส่วนละลายน้ำมันเข้าด้วยกัน คือ White Cumin, Silymarin, lipidsft f = A
    • ละลายส่วนละลายน้ำเข้าด้วยกัน + satin cream make = B
    • แล้วนำ A ผสม B
    • ค่อยใส่ Pure EGCG, Genistein, Resveratrol longmx ใส่ไปปั่นไป

เข้าใจถูกไหมคะ

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ

คำแนะนำสำหรับการผสมสูตร

จากส่วนผสมที่คุณวางแผนจะใช้และคำถามของคุณ นี่คือคำแนะนำสำหรับการทำครีมของคุณ:

1. การละลายของ White Cumin และ Silymarin ใน LipidSoft F

  • White Cumin (Tetrahydrodiferuloylmethane): คำอธิบายระบุว่า White Cumin ชนิดผงสามารถละลายได้ใน Glycol, Propanediol และน้ำมัน ดังนั้นสามารถละลายในส่วนของน้ำมันได้ เช่น LipidSoft F
  • Silymarin (Silybum Marianum Extract): คำอธิบายสำหรับ Silymarin ระบุว่าสามารถผสมในน้ำมันได้ ดังนั้นจึงสามารถละลายใน LipidSoft F ได้เช่นกัน

ดังนั้น คุณสามารถละลายทั้ง White Cumin และ Silymarin ใน LipidSoft F ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเฟสน้ำมันของคุณได้ คุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มน้ำมันอื่นเพื่อวัตถุประสงค์นี้โดยเฉพาะ ตราบใดที่ปริมาณรวมของเฟสน้ำมันเพียงพอที่จะละลายส่วนผสมเหล่านี้ที่ความเข้มข้นที่ระบุ

2. การเลือกสารช่วยนำพา (Penetration Enhancer)

สูตรของคุณมีส่วนผสมที่ละลายน้ำ (Niacinamide, Acetyl Glucosamine, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Prebio-care, Rhamnose, Double Hyaluron Liquid, Superoxide Dismutase/AppleZin) และส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันหรือต้องการตัวทำละลาย (White Cumin, Silymarin, Resveratrol, Tea Tree Oil) เพื่อเพิ่มการซึมผ่านของส่วนผสมทั้งสองประเภท คุณต้องใช้สารช่วยนำพาที่เข้ากันได้กับทั้งสองเฟส หรือใช้สารช่วยนำพาหลายชนิดร่วมกัน

Ethoxydiglycol เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากทำหน้าที่เป็นทั้งตัวทำละลายและตัวนำพา ละลายได้ในน้ำ, ไกลคอล และน้ำมันธรรมชาติ คำอธิบายสำหรับ Resveratrol แนะนำให้ใช้ Ethoxydiglycol โดยเฉพาะเพื่อช่วยให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น การใช้ Ethoxydiglycol ในอัตราที่เหมาะสม (ตรวจสอบข้อกำหนดปัจจุบัน โดยทั่วไปไม่เกิน 2.6% สำหรับผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on) สามารถช่วยปรับปรุงการนำส่งสารออกฤทธิ์ต่างๆ ในสูตรของคุณได้

อีกทางเลือกหนึ่งคือ Tetrahydropiperine ซึ่งเป็นสารช่วยนำพาจากธรรมชาติ แต่ต้องนำไปละลายในตัวทำละลาย เช่น Propylene Glycol, Fractionated Coconut Oil หรือ Glycerin ก่อนนำไปผสมในสูตร เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อนของสูตรที่มีทั้งเฟสน้ำและเฟสน้ำมัน Ethoxydiglycol อาจผสมได้ง่ายกว่า

พิจารณาเพิ่ม Ethoxydiglycol ในเฟสน้ำของคุณ หรือนำไปใช้ในขั้นตอนการละลายล่วงหน้าสำหรับสารออกฤทธิ์ที่ละลายได้ยาก เช่น Resveratrol

3. การผสม Pure EGCG และ Genistein

  • Pure EGCG: คำอธิบายระบุว่า Pure EGCG เป็นผงเบาที่สามารถกระจายตัวในเนื้อครีมหรือเจลได้ และละลายในน้ำได้น้อย แนะนำให้ปั่นจนกระจายตัว
  • Genistein: คำอธิบายไม่ได้ให้คำแนะนำในการผสมโดยเฉพาะ แต่ในฐานะสารสกัดชนิดผง ก็จะต้องมีการกระจายตัวหรือละลายอย่างเหมาะสมเช่นกัน

สำหรับผงที่ละลายน้ำได้น้อย เช่น Pure EGCG และ Genistein การคนธรรมดาอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอและป้องกันการตกตะกอนเมื่อเวลาผ่านไป โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ เครื่องผสมแบบ High-shear (เครื่อง Homogenizer หรือเครื่องผสมที่ความเร็วสูง แต่ไม่เกิน 2500 รอบต่อนาทีสำหรับ Satin Cream Maker) เพื่อให้แน่ใจว่าผงเหล่านี้กระจายตัวอย่างละเอียดทั่วเนื้อครีม หากไม่สามารถใช้เครื่องผสมแบบ High-shear ได้ ให้แน่ใจว่ามีการคนอย่างทั่วถึงและต่อเนื่องในระหว่างการเติมผงเหล่านี้ เพื่อลดการจับตัวเป็นก้อน แต่อาจไม่รับประกันความเสถียรของการกระจายตัวในระยะยาว

วิธีที่ดีที่สุดคือการนำผงเหล่านี้ไปกระจายตัวในน้ำปริมาณเล็กน้อยจากเฟสน้ำ หรือตัวทำละลายที่เหมาะสม (เช่น Ethoxydiglycol หากใช้) ก่อนนำไปเติมในเนื้อครีมหลัก โดยต้องแน่ใจว่าเนื้อครีมมีอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C เมื่อเติมสารออกฤทธิ์ที่ไวต่อความร้อน เช่น EGCG

4. การยืนยันขั้นตอนการผสม

ขั้นตอนการผสมที่คุณเสนอมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่สามารถปรับปรุงให้การผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันได้ดีและมีความเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะผงและส่วนผสมที่ต้องการตัวทำละลายเฉพาะ

นี่คือขั้นตอนการผสมที่แนะนำให้ปรับปรุง:

  • เฟส A (เฟสน้ำมัน): รวม LipidSoft F, White Cumin, Silymarin และ Tea Tree Oil หากจำเป็นให้ให้ความร้อนเล็กน้อยเพื่อช่วยละลายผง (White Cumin, Silymarin) โดยควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 80°C สำหรับ Silymarin และ LipidSoft F ผสมจนใส
  • เฟส B (เฟสน้ำ): รวม น้ำ, Disodium EDTA, Niacinamide, Acetyl Glucosamine, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Prebio-care, Rhamnose, Double Hyaluron Liquid และ Moist 72 ผสมจนผงทั้งหมดละลาย เติม Satin Cream Maker ลงในเฟสนี้และผสมจนกระจายตัวเต็มที่และเฟสน้ำเริ่มข้นขึ้นเล็กน้อย
  • เฟส C (สารออกฤทธิ์ที่ต้องการการจัดการพิเศษ): ในภาชนะแยกต่างหาก ละลาย Resveratrol ใน Ethoxydiglycol (หากใช้) กระจาย Pure EGCG และ Genistein ในน้ำปริมาณเล็กน้อยจากเฟส B หรือตัวทำละลายที่เหมาะสม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารละลาย/สารกระจายตัวเหล่านี้ไม่มีก้อน
  • การทำอิมัลชัน: ค่อยๆ เติมเฟส A (เฟสน้ำมัน) ลงในเฟส B (เฟสน้ำ) พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความเร็วในการคน (แต่รักษาความเร็วให้ต่ำกว่า 2500 รอบต่อนาที เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อ Satin Cream Maker) ขณะที่อิมัลชันก่อตัวและข้นขึ้นเป็นเนื้อครีม คนต่อไปจนเนื้อครีมสม่ำเสมอ
  • การทำให้เย็นและการเติมส่วนผสมสุดท้าย: ปล่อยให้ครีมเย็นลงจนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C เมื่อเย็นลงแล้ว ให้เติมเฟส C (สารละลาย Resveratrol, สารกระจายตัว EGCG/Genistein) และ Superoxide Dismutase (AppleZin) ผสมอย่างนุ่มนวลแต่ทั่วถึงจนส่วนผสมทั้งหมดกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในเนื้อครีม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมของคุณ (เช่น MAP ต้องการ pH 7-9, Niacinamide pH 3-8, Acetyl Glucosamine pH 3-7, Rhamnose pH 5-9, Prebio-care pH 4-10, Double Hyaluron pH 3-9) คุณอาจต้องปรับค่า pH ในขั้นตอนสุดท้ายหากจำเป็น โดยพิจารณาจากช่วงที่เหมาะสมสำหรับสารออกฤทธิ์ที่ไวต่อค่า pH มากที่สุด

ขั้นตอนการผสมที่ปรับปรุงนี้ช่วยให้แน่ใจว่าส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันและละลายในน้ำได้รับการเตรียมอย่างเหมาะสมก่อนการทำอิมัลชัน และผงกับสารออกฤทธิ์ที่ไวต่อความร้อนได้รับการผสมเข้ากับเนื้อครีมสุดท้ายอย่างถูกต้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Tea Tree Oil (Extra Grade)
Tea Tree Oil (Extra Grade)
เครื่องสำอาง
Satin Cream Maker™
Satin Cream Maker™
เครื่องสำอาง
MOIST72™
MOIST72™
เครื่องสำอาง
Double Hyaluron Liquid
Double Hyaluron Liquid
เครื่องสำอาง
WhiteCumin™ (Tetrahydrodiferuloylmethane)
WhiteCumin™ (Tetrahydrodiferuloylmethane)
เครื่องสำอาง
Trans-Resveratrol (Powder, 98%)
Trans-Resveratrol (Powder, 98%)
เครื่องสำอาง
Rhamnose (น้ำตาลแรมโนส)
Rhamnose (น้ำตาลแรมโนส)
เครื่องสำอาง
Silybum Marianum Extract (Milk Thistle, Silymarin)
Silybum Marianum Extract (Milk Thistle, Silymarin)
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ F (Ethyl Linoleate)
LipidSoft™ F (Ethyl Linoleate)
เครื่องสำอาง
Pure-EGCG™ (Green Tea Extract, 98% EGCG)
Pure-EGCG™ (Green Tea Extract, 98% EGCG)
เครื่องสำอาง
Tetrahydropiperine (Natural Penetration Enhancer)
Tetrahydropiperine (Natural Penetration Enhancer)
เครื่องสำอาง
Prebio-care (Skin Prebiotic)
Prebio-care (Skin Prebiotic)
เครื่องสำอาง