คำถามเกี่ยวกับสูตรเซรั่ม/น้ำมัน 3 สูตร: ความเข้ากันได้ ความเสถียร เนื้อสัมผัส และปัญหาวัตถุดิบ
คำถาม
มีคำถามเกี่ยวกับสูตร 3 สูตรดังนี้ค่ะ:
สูตร 1:
Skin-mimic 5%
Superoxide Dismutase Liposome 5%
Dimethyl Isosorbide 3%
beta glucan 3%
Adenosine Liposome 3%
Probio-Protect 2% (กันเสีย)
Ectoin 2%
Glutathione 2%
Siliwax Aqua 5%
Active Protec UV 1%
Carnosine 1%
Bakuchiol 1%
Centella 1%
Orange Peel Extract 1%
Phloretin 1%
French Pine Bark Extract 1%
Licorice Extract (licochalcona 1%) 1%
Yerba santa protein 1%
ActiveProtec OX 1%
Resveratrol 1%
Avena sativa (Oat) Extract (Oil Soluble) 1%
Fullerenes 0.2%
Q10 0.5%
Genistein 0.2%
Disodium EDTA 0.2%
Aloe Vera Gel Lite ส่วนที่เหลือ
คำถามสำหรับสูตร 1:
- คาดหวังผลคือใช้เป็นแอนตี้ออกซิแดนในตอนกลางวันค่ะ สูตรมีความเหมาะสมและสามารถผสมกันได้รึเปล่าคะ
- มีสารตัวไหนส่งผลให้เนื้อเหนียวเหนอะหนะบ้างคะ
- จำเป็นต้องใส่สารกันเสีย (Probio-Protect), Disodium EDTA, Active Protec UV, ActiveProtec OX รึเปล่าคะ
สูตร 2:
Skin-mimic 15%
Bifida Ferment Lysate liquid 10%
Rhamnose 5%
Niacinamide 5%
Prebio-care 3%
Yeast Resurface 3%
Natural moisture Amino acid 3%
Lactobacillus Ferment Lysate 3%
Glycosaminoglycan 3%
Apple Stem Cell 3%
Glycoprotein 2.5%
Grape Seed Extract 1%
Ume Extract 2%
Natural Betaine 2%
Siliwax Aqua 3%
Laurocapram water 2%
probio care 2% (กันเสีย)
Glyceryl glucoside 2%
Ethoxydiglycol 2%
N-acetyl-L-hydroProline 1%
HEPES 1%
Bio-Mineral 1%
Trehalose 1%
Palmitamide MEA 0.5%
Disodium EDTA 0.2%
น้ำ ส่วนที่เหลือ
คำถามสำหรับสูตร 2:
- คาดหวังผลคือความชุ่มชื้น ฟื้น skin barrier และรักษาสมดุลแบคทีเรียบนผิวค่ะ สูตรมีความเหมาะสมและสามารถผสมกันได้รึเปล่าคะ
- ต้องใช้ HEPES ประมาณกี่% ถึงสามารถปรับ pH ของสูตรเนื่องจาก N-acetyl-L-HydroProline ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมคะ จะส่งสูตรให้ผลิตมันต้องใส่% เลยอะค่ะ
- ใช้ Ethoxydiglycol แล้วจำเป็นต้องใช้ Laurocapram water อีกรึเปล่าคะ
สูตร 3:
lipid soft f 20%
Avena sativa oat extract oil soluble 5%
Cerasoft 5%
Resveratrol 2%
Laurocapram oil 2%
Bisabolol 1%
Bakuchiol 1%
DPHP 1%
Tocotrienols 1%
Phytosterol 1%
Phytosphingosine 1%
Idebenone 0.5%
Silybum Marianum Extract 0.5%
Pseudoceramide 0.5%
Pure Baicalin 0.3%
Scutellaria Baicalensis Root Extract 0.3%
WhiteCumin 0.2%
Rose Hip Oil ส่วนที่เหลือ
คำถามสำหรับสูตร 3:
- คาดหวังเป็นน้ำมันทาหน้าต่อต้านอนุมูลอิสระและริ้วรอยค่ะ สูตรมีความเหมาะสมและสามารถผสมกันได้รึเปล่าคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรที่ 1
เป้าหมาย: เซรั่มต่อต้านอนุมูลอิสระสำหรับใช้กลางวัน
ความเหมาะสมและความเข้ากันได้: สูตรนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพหลากหลายชนิด ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของการเป็นผลิตภัณฑ์ต่อต้านอนุมูลอิสระสำหรับกลางวันเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ความเข้ากันได้และความเสถียรของสูตรนี้มีความซับซ้อนสูง เนื่องจากมีส่วนผสมออกฤทธิ์จำนวนมากที่มีคุณสมบัติการละลาย ค่า pH และความไวต่ออุณหภูมิที่แตกต่างกัน ส่วนผสมหลายชนิดจำเป็นต้องเก็บในตู้เย็นเพื่อความเสถียรในระยะยาว (เช่น Skin-mimic, Superoxide Dismutase Liposome, Adenosine Liposome, Carnosine, Bakuchiol, Centella, Orange Peel Extract, Phloretin, Yerba Santa Protein, Resveratrol, Avena sativa (Oat) Extract, Fullerenes, Q10, Licorice Extract, Silybum Marianum Extract, Pseudoceramide, Pure Baicalin, WhiteCumin) การรวมส่วนผสมที่ต้องแช่เย็นจำนวนมากขนาดนี้ไว้ในสูตรเดียวที่ตั้งใจให้เก็บที่อุณหภูมิห้องทั่วไป อาจนำไปสู่ปัญหาความเสถียรและประสิทธิภาพที่สำคัญเมื่อเวลาผ่านไป Avena sativa (Oat) Extract ซึ่งละลายในน้ำมัน อาจไม่เข้ากันหรือคงตัวอย่างสมบูรณ์ในเบสเจลน้ำหากไม่มีระบบอิมัลชันที่เหมาะสม Phloretin และ Beta Glucan ยังระบุว่าเป็นการกระจายตัวมากกว่าการละลายอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาความเสถียรหรือความสวยงามได้ นอกจากนี้ ส่วนผสม Genistein ระบุไว้สำหรับใช้ในการวิจัยอาหาร/ยาเท่านั้น และไม่เหมาะสำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อจำหน่าย
สารที่ทำให้เนื้อเหนียวเหนอะหนะ: ส่วนผสมหลายชนิดในสูตรนี้สามารถทำให้รู้สึกเหนียวหรือหนึบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเข้มข้นที่ใช้ และขึ้นอยู่กับการกำหนดสูตรโดยรวมและความหนืดของเบส ซึ่งรวมถึงส่วนผสมในรูปแบบไลโปโซม/แคปซูล/การกระจายตัว (Skin-mimic, Superoxide Dismutase Liposome, Adenosine Liposome, Fullerenes, Q10), สารสกัด (Beta Glucan, Yerba Santa Protein), ซิลิโคนแว็กซ์ที่ละลายน้ำได้ (Siliwax Aqua) และส่วนประกอบของเบส Aloe Vera Gel Lite (Glycerin, Pro Polymer Silk) ปริมาณรวมของส่วนผสมเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะได้อย่างชัดเจน
ความจำเป็นของสารกันเสีย, EDTA, สารป้องกัน UV/OX:
- Probio-Protect (สารกันเสีย): จำเป็นอย่างยิ่งในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ และรับรองความปลอดภัยและอายุการเก็บของผลิตภัณฑ์
- Disodium EDTA: แนะนำเป็นอย่างยิ่ง ทำหน้าที่เป็นสารคีเลต (chelating agent) ช่วยจับไอออนของโลหะที่อาจทำให้เกิดความไม่เสถียร สีเปลี่ยน หรือการเสื่อมสภาพของส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ไวต่อปฏิกิริยาหลายชนิดในสูตร (โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ และสารที่ไวต่อการเกิดออกซิเดชันหรือแสง)
- Active Protec UV และ ActiveProtec OX: แนะนำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ต่อต้านอนุมูลอิสระสำหรับกลางวันที่มีส่วนผสมจำนวนมากที่ไวต่อแสงและมีแนวโน้มที่จะเกิดออกซิเดชัน (เช่น Resveratrol, Fullerenes, Q10, Bakuchiol, French Pine Bark Extract, Phloretin, Glutathione, Carnosine, SOD, Oat Extract, Silybum Marianum Extract, WhiteCumin, Idebenone) Active Protec UV ช่วยปกป้องส่วนผสมจากการเสื่อมสภาพที่เกิดจากแสง UV ในขณะที่ ActiveProtec OX ช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชัน การใช้ทั้งสองชนิดร่วมกันจะช่วยเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพของส่วนผสมออกฤทธิ์ในระยะยาวได้อย่างมาก
การวิเคราะห์สูตรที่ 2
เป้าหมาย: ให้ความชุ่มชื้น ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว และปรับสมดุลแบคทีเรียบนผิว
ความเหมาะสมและความเข้ากันได้: สูตรนี้มีส่วนผสมที่หลากหลายซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการให้ความชุ่มชื้น การซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว และการสนับสนุนไมโครไบโอมบนผิว (Skin-mimic, Bifida Ferment Lysate, Rhamnose, Niacinamide, Prebio-care, Natural Moisturizing Amino Acid, Lactobacillus Ferment Lysate, Glycosaminoglycan, Apple Stem Cell, Glycoprotein, Ume Extract, Natural Betaine, Glyceryl glucoside, N-acetyl-L-hydroProline, Bio-Mineral, Trehalose, Palmitamide MEA, Disodium EDTA) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่ระบุไว้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับสูตรที่ 1 ส่วนผสมจำนวนมากที่ต้องแช่เย็นทำให้เกิดความท้าทายอย่างมากในการผลิตและความเสถียรในการจัดเก็บ ช่วงค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิดแตกต่างกันไป แม้ว่าการรวม HEPES เป็นบัฟเฟอร์จะช่วยรักษาระดับ pH ที่เหมาะสมสำหรับสารออกฤทธิ์หลายชนิด (pH 5.0-6.5) การปรับค่า pH อย่างระมัดระวังและการทดสอบความเสถียรเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ปริมาณ HEPES ที่จำเป็นสำหรับการปรับค่า pH: N-acetyl-L-hydroProline มีความเป็นกรด (1% ในน้ำมีค่า pH 1.4-2.5) ในการปรับค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (เช่น 5.0-6.5) เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดของส่วนผสมต่างๆ จำเป็นต้องใช้บัฟเฟอร์เช่น HEPES ปริมาณ HEPES ที่แน่นอนที่ต้องการจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสุดท้ายของสูตร และต้องกำหนดโดยการทดสอบค่า pH ในห้องปฏิบัติการ (การไทเทรต) คุณจะต้องค่อยๆ เติม HEPES ในขณะที่วัดค่า pH จนกว่าจะถึงช่วงที่ต้องการ จุดเริ่มต้นสำหรับการทดสอบอาจอยู่ในช่วงปริมาณการใช้ที่แนะนำของ HEPES (1-5%) เช่น 1-3% และปรับตามการวัดค่า pH
ความจำเป็นของ Ethoxydiglycol และ Laurocapram Water: ทั้ง Ethoxydiglycol และ Laurocapram water เป็นสารช่วยนำพา (penetration enhancers) สำหรับส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ การใช้ทั้งสองชนิดร่วมกันอาจช่วยเพิ่มการนำพาสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้หลายชนิด อย่างไรก็ตาม คำอธิบายของผู้ผลิตสำหรับ Laurocapram ระบุว่าการใช้ร่วมกับสารช่วยนำพาอื่นๆ (ยกเว้น 1,2-Hexanediol) อาจลดประสิทธิภาพโดยรวมลงได้ Ethoxydiglycol ระบุว่าเข้ากันได้สำหรับการใช้ร่วมกัน แต่ระดับของประโยชน์หรือการลดประสิทธิภาพที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ร่วมกันที่ความเข้มข้นเหล่านี้จะต้องได้รับการประเมินผ่านการทดสอบ ความจำเป็นของการใช้ทั้งสองชนิดขึ้นอยู่กับระดับการนำพาที่ต้องการและข้อกำหนดเฉพาะของสารออกฤทธิ์แต่ละชนิด หนึ่งชนิดอาจเพียงพอ หรือการใช้ร่วมกันอาจให้ผลเสริมฤทธิ์ที่คุ้มค่ากับความซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในการกำหนดสูตร
การวิเคราะห์สูตรที่ 3
เป้าหมาย: น้ำมันทาหน้าต่อต้านอนุมูลอิสระและริ้วรอย
- ความเหมาะสมและความเข้ากันได้: สูตรนี้มีเบสเป็นน้ำมัน (Lipid soft f, Rose Hip Oil) และมีส่วนผสมต่อต้านอนุมูลอิสระและลดริ้วรอยที่ละลายในน้ำมันจำนวนมาก (Avena sativa Oat Extract, Resveratrol, Laurocapram oil, Bisabolol, Bakuchiol, DPHP, Tocotrienols, Phytosterol, Phytosphingosine, Idebenone, Silybum Marianum Extract, Pseudoceramide, WhiteCumin) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของการเป็นน้ำมันทาหน้าต่อต้านอนุมูลอิสระและริ้วรอยเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การรวม Pure Baicalin เข้าไปด้วยนั้นไม่เข้ากัน เนื่องจากเป็นส่วนผสมที่ละลายน้ำได้และจะไม่ละลายในเบสน้ำมัน ส่วนผสมหลายชนิดยังต้องเก็บในตู้เย็นเพื่อความเสถียรในระยะยาว ซึ่งเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญสำหรับการจัดเก็บและอายุการเก็บรักษา ข้อกำหนดด้านอุณหภูมิในการผสมที่แตกต่างกันสำหรับส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน (บางชนิดไวต่อความร้อน บางชนิดต้องใช้ความร้อนในการละลาย) จำเป็นต้องมีขั้นตอนการผลิตที่ระมัดระวัง Bakuchiol ยังต้องการสารคีเลต (chelating agent) เพื่อความเสถียร ซึ่งไม่มีอยู่ในสูตรนี้ นอกจากนี้ อาจมีปัญหาในการละลายของ Phytosterol และ Phytosphingosine หากไม่มีตัวทำละลาย/เทคนิคเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

Apple Stem Cell Extract (AppleCell™ Liquid)

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Natural Betaine (Crystal)

Disodium EDTA

TreMoisture™ (Trehalose)

Natural Moisturizing Amino Acids (e.q. Prodew 400)

Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)

Orange Peel Extract (Hesperidin Methyl Chalcone 98%)

WhiteCumin™ (Tetrahydrodiferuloylmethane)

Trans-Resveratrol (Powder, 98%)

Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%)

Soy Extract (Genistein 98%) สารสกัดจากถั่วเหลือง

Rhamnose (น้ำตาลแรมโนส)
