คำแนะนำการปรับสูตรน้ำตบ: แก้ปัญหาการระคายเคืองและเนื้อสัมผัสสำหรับผิวขาวกระจ่างใสและยกกระชับ
คำถาม
จากสูตรที่เคยสอบถามไว้ เป็นสูตรน้ำตบสำหรับใช้เช้า-เย็น ที่ต้องการให้ผิวขาวใส:
สูตรแรก (โทนเนอร์เพื่อผิวขาวกระจ่างใส):
ส่วนประกอบ:
- Vitamin B3 4%
- n-acetyl glucosamine 4%
- Mild Preserved Eco 1%
- Alpha Arbutin 2%
- น้ำกลั่น (ส่วนที่เหลือ)
สมาชิกในครอบครัวมีอาการแพ้ สิวผดขึ้นเมื่อใช้สูตรนี้ โดยสงสัยว่าอาจแพ้ Alpha Arbutin แบบนี้สามารถเติมสารลดอาการระคายเคือง เช่น Panthenol (Pro-Vitamin B5) extralite, Calendula Extract หรือ Creatine 100 ได้หรือไม่ เพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง หรือจำเป็นต้องตัด Alpha Arbutin ออกจากสูตรไปเลยหากอาการแพ้เกิดจากสารตัวนี้จริงๆ?
สูตรที่สอง (โทนเนอร์เพื่อผิวขาวกระจ่างใส เพิ่มความชุ่มชื้น และยกกระชับ):
สูตรนี้ตั้งใจจะทำขึ้นเพื่อใช้เป็นน้ำตบเช้า-เย็น สำหรับผิวที่มีลักษณะมันช่วงทีโซนและแต่งหน้าไม่ติด โดยต้องการให้หน้ากระจ่างใส เพิ่มความชุ่มชื้น (แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะเพราะใช้ช่วงเช้าด้วย) และช่วยยกกระชับใบหน้า
สูตรที่คิดไว้:
- Vitamin B3 4%
- n-acetyl glucosamine 4%
- DMAE 3%
- Wrinkle-Fill 2%
- Creatine 100 1% (ใส่เพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง DMAE)
- Laurocapram 2%
- น้ำกลั่น (ส่วนที่เหลือ)
มีคำถามเกี่ยวกับสูตรที่สองดังนี้:
- สารลดอาการระคายเคืองระหว่าง Creatine 100 กับ Calendula Extract ควรใช้ตัวไหนดีกว่ากัน?
- Creatine 100 ถูกใส่ในผลิตภัณฑ์อย่าง La Mer (เช่น The Moisturizing Soft Cream) เพื่อช่วยอะไรบ้าง? มีประโยชน์เฉพาะเจาะจงอย่างไรในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น?
- สูตรที่สองนี้จะเหนียวเหนอะหนะไหมถ้าใช้ตอนเช้า?
- การใส่ DMAE ที่ 3% ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยพิจารณาถึงโอกาสในการระคายเคือง และการใส่ Creatine 100 ที่ 1% จะช่วยลดการระคายเคืองจาก DMAE ได้จริงหรือไม่?
คำตอบ
คำแนะนำการผสมสำหรับโทนเนอร์
นี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับสูตรโทนเนอร์ทั้งสองของคุณ:
สูตรแรก (โทนเนอร์เพื่อผิวขาวกระจ่างใส)
สูตรแรกของคุณมุ่งเน้นที่การทำให้ผิวขาวกระจ่างใส และประกอบด้วย Vitamin B3, n-acetyl glucosamine, Mild Preserved Eco, Alpha Arbutin และน้ำกลั่น
เป็นไปได้ที่ Alpha Arbutin อาจเป็นสาเหตุของการระคายเคือง (ผื่น/สิวผด) ที่สมาชิกในครอบครัวของคุณประสบ แม้ว่า Alpha Arbutin โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวกระจ่างใส แต่ความไวของผิวแต่ละบุคคลก็แตกต่างกันไป
การเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิวสามารถช่วยลดการระคายเคืองได้ จากส่วนผสมที่คุณกำลังพิจารณา:
- Panthenol (Pro-Vitamin B5): มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น ต้านการอักเสบ และช่วยสมานแผล ช่วยลดรอยแดง อาการคัน และเร่งการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ เหมาะสำหรับผิวที่ระคายเคือง
- Calendula Extract: มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ให้ความชุ่มชื้น และเสริมสร้างผิว ช่วยลดการอักเสบ รอยแดง และการระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือระคายเคือง
- Creatine 100: ช่วยส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน ปกป้องเซลล์ผิว เพิ่มระดับความชุ่มชื้น และลดการระคายเคืองผิว
ส่วนผสมทั้งสามชนิด (Panthenol, Calendula Extract และ Creatine 100) มีคุณสมบัติที่สามารถช่วยปลอบประโลมผิวและลดการระคายเคืองได้ คุณสามารถลองเพิ่มหนึ่งในส่วนผสมเหล่านี้หรือใช้ร่วมกันในสูตรได้ อย่างไรก็ตาม หากการระคายเคืองเป็นการแพ้ Alpha Arbutin จริงๆ การเพิ่มสารปลอบประโลมอาจไม่เพียงพอ และอาจจำเป็นต้องนำ Alpha Arbutin ออกจากสูตรทั้งหมด
สูตรที่สอง (โทนเนอร์เพื่อผิวขาวกระจ่างใส เพิ่มความชุ่มชื้น และยกกระชับ)
สูตรที่สองของคุณมุ่งเน้นที่การทำให้ผิวขาวกระจ่างใส ให้ความชุ่มชื้นที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ และยกกระชับ สำหรับผิวที่มีลักษณะมันช่วงทีโซนและแต่งหน้าไม่ติด ประกอบด้วย Vitamin B3, n-acetyl glucosamine, DMAE, Wrinkle-Fill, Creatine 100, Laurocapram และน้ำกลั่น
สำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับสูตรนี้:
- ส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลม (Creatine 100 vs. Calendula Extract): ทั้ง Creatine 100 และ Calendula Extract สามารถช่วยลดการระคายเคืองได้ Creatine 100 ถูกใส่ในสูตรที่คุณเสนอที่ 1% เพื่อช่วยลดการระคายเคืองจาก DMAE ซึ่งเป็นการใช้งานที่เหมาะสมตามคุณสมบัติของมัน Calendula Extract ก็มีประโยชน์ในการต้านการอักเสบที่ดีเช่นกัน การเลือกระหว่างสองตัวนี้หรือใช้ร่วมกันขึ้นอยู่กับประโยชน์โดยรวมที่ต้องการและความเข้ากันได้ของสูตร Creatine 100 มีคุณสมบัติในการสนับสนุนโครงสร้างผิวและการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ นอกเหนือจากการปลอบประโลม ในขณะที่ Calendula Extract มุ่งเน้นไปที่คุณสมบัติต้านการอักเสบและสมานแผลเป็นหลัก
- Creatine 100 ใน La Mer: Creatine 100 ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์อย่าง La Mer's The Moisturizing Soft Cream เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และเคราติน ปกป้องเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และลดการระคายเคือง ช่วยสนับสนุนสุขภาพและการทำงานโดยรวมของผิว
- ความเหนียวเหนอะหนะ: ความเหนียวเหนอะหนะของสูตรจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นรวมของสารออกฤทธิ์และเบส แม้ว่า Vitamin B3, n-acetyl glucosamine, DMAE, Wrinkle-Fill, Creatine 100 และ Laurocapram จะละลายน้ำได้ แต่เปอร์เซ็นต์รวมของสารเหล่านี้ (4% + 4% + 3% + 2% + 1% + 2% = 16%) ค่อนข้างสูงสำหรับโทนเนอร์ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเหนียวเล็กน้อยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเพิ่ม Laurocapram ซึ่งเป็นสารนำพา คุณอาจต้องปรับความเข้มข้นหรือพิจารณาเพิ่มสารให้ความชุ่มชื้นชนิดเบาที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ หรือสารที่ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์ลื่นขึ้น หากความเหนียวเป็นปัญหา
- DMAE ที่ 3%: DMAE ที่ 3% อยู่ในช่วงอัตราการใช้ที่แนะนำ (1-10% โดยแนะนำที่ 3%) อย่างไรก็ตาม คำอธิบายระบุว่าการใช้เกิน 5% อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ และไม่เหมาะสำหรับผิวบางแพ้ง่าย แม้ว่า 3% โดยทั่วไปถือว่าเป็นระดับปานกลาง แต่ความไวต่อ DMAE ของแต่ละบุคคลก็แตกต่างกัน การใส่ Creatine 100 ที่ 1% เป็นแนวทางที่ดีในการช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจาก DMAE เนื่องจาก Creatine 100 มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิว
แนะนำให้ทำการทดสอบการแพ้ (patch test) กับสูตรใหม่ทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีประวัติการแพ้มาก่อน
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Calendula Extract (Water Soluble)

Wrinkle-Fill™ (Acetyl-Tyrosine)

DMAE (SkinTight MD™) Liquid

Creatine 100

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

Laurocapram (Water Soluble)
