คำแนะนำการพัฒนาสูตรครีมทาตัวและทาหน้าจากวัตถุดิบที่มี (ผิวขาว ลดรอยแผลเป็น)

ถามโดย: hiphop5142 เมื่อ: September 13, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการคำแนะนำในการพัฒนาสูตรครีมทาตัวที่ช่วยให้ผิวขาวและลดรอยแผลเป็นเล็กๆ นอกจากนี้ ยังมีแผนจะทำครีมทาหน้าสำหรับลดรอยดำ ควบคุมความมันบริเวณ T-zone และดูแลปัญหาหลังการเกิดสิว

ปัจจุบันมีวัตถุดิบดังนี้:

  • Ascorbic Acid
  • Glycerine
  • Aloe Vera Extract
  • Vitamin B3 (Niacinamide)
  • Vitamin B5 (Panthenol)
  • PG (Propylene Glycol)
  • Vitamin E Acetate
  • Alpha Arbutin
  • Cyclopentasiloxane
  • Silicone Gel
  • Tween 20 (Polysorbate 20)
  • Salicylic Acid (รูปแบบผง)
  • น้ำกลั่น (Purified Water)

และกำลังจะสั่งซื้อวัตถุดิบเพิ่มเติมดังนี้:

  • Ferulic Acid
  • Sepiplus 400
  • Phenoxyethanol
  • Pro Polymer

โปรดให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้วัตถุดิบเหล่านี้เพื่อสร้างสูตรครีมที่มีประสิทธิภาพและเสถียรสำหรับทั้งครีมทาตัว (ผิวขาว ลดรอยแผลเป็น) และครีมทาหน้า (รอยดำ ควบคุมความมัน หลังสิว) ด้วยค่ะ

คำตอบ

แนวทางการผสมครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกาย

จากรายการสารที่คุณมีและที่กำลังจะสั่งซื้อ ถือเป็นสารออกฤทธิ์และส่วนประกอบพื้นฐานที่ดีสำหรับการพัฒนาสูตรเครื่องสำอางสำหรับผิวหน้าและผิวกายครับ การผสมเครื่องสำอางเองเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเปิดโอกาสให้ปรับสูตรให้เข้ากับความต้องการของผิวได้ อย่างไรก็ตาม การสร้างสูตรที่เสถียร ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจเรื่องคุณสมบัติของสารแต่ละตัว ความเข้ากันได้ การละลาย ค่า pH และระบบกันเสียที่เหมาะสม

ผมขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของสารที่คุณมีและกำลังจะมี เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ในการทำครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกายตามที่คุณต้องการครับ

สารที่คุณมีและคุณสมบัติที่น่าสนใจ

  • Ascorbic Acid (Vitamin C): วิตามินซีรูปแบบ L-ascorbic acid เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด (แต่ไม่ใช่สารกันแดดโดยตรง) อย่างไรก็ตาม วิตามินซีรูปแบบนี้ไม่เสถียรในน้ำ โดยเฉพาะที่ pH สูง ควรผสมในขั้นตอนสุดท้ายที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30°C และควบคุม pH ให้อยู่ในช่วง 2.0-4.0 (อย. กำหนด pH สำหรับเครื่องสำอางทาผิวไม่ต่ำกว่า 3.5) Ferulic Acid และ Vitamin E สามารถช่วยเพิ่มความเสถียรได้
  • Glycerine: เป็น Humectant (สารกักเก็บความชุ่มชื้น) ที่ดี ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม และเป็นตัวทำละลายที่ดี สามารถผสมใน Water Phase ได้
  • Aloe Vera Extract: สารสกัดว่านหางจระเข้ ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยสมานผิว สามารถผสมใน Water Phase ที่ pH 3.5-7
  • Vitamin B3 (Niacinamide): มีคุณสมบัติหลากหลาย ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยแดง ควบคุมความมัน เสริมเกราะป้องกันผิว และลดการอักเสบ เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวและผิวผสม สามารถผสมใน Water Phase ที่ pH 3-8 (เหมาะสมที่สุด 4.0-7.0)
  • Vitamin B5 (Panthenol): เป็น Pro-Vitamin B5 ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ สมานแผล และลดรอยแผลเป็น เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการการฟื้นฟู สามารถผสมใน Water Phase ที่ pH 3.5-7.0
  • PG (Propylene Glycol): เป็นตัวทำละลายที่ดี ช่วยนำพาสารเข้าสู่ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยปรับเนื้อผลิตภัณฑ์ สามารถใช้ละลาย Salicylic Acid ได้
  • Vitamin E Acetate: วิตามินอีรูปแบบเสถียร เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวและส่วนผสมในสูตรจากอนุมูลอิสระ เป็นชนิดที่ละลายในน้ำมัน ควรผสมใน Oil Phase หรือ Emulsion ในขั้นตอนที่ไม่ร้อนจัด
  • Alpha Arbutin: เป็นสารช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ทำงานโดยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ละลายในน้ำได้ดี ควรผสมในขั้นตอนสุดท้ายที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30°C และควบคุม pH ให้อยู่ในช่วง 3.5-6.5 ไม่ควรผสมในสูตรที่มี pH สูงกว่า 8
  • Cyclopentasiloxane และ Silicone Gel: เป็นซิลิโคน ช่วยปรับเนื้อผลิตภัณฑ์ให้เนียนนุ่ม ลื่น บางเบา ไม่เหนอะหนะ ทำให้เกลี่ยง่าย และช่วยนำพาสารเข้าสู่ผิว Cyclopentasiloxane ระเหยเร็ว Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky) ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์ใสและสัมผัสดี ละลายได้ในน้ำมันและซิลิโคน ควรผสมใน Oil Phase หรือ Silicone Phase
  • Tween 20 (Polysorbate 20): เป็น Emulsifier/Solubilizer ช่วยเชื่อมส่วนผสมที่เป็นน้ำกับน้ำมันเข้าด้วยกัน ละลายได้ในน้ำและ Glycerin
  • Salicylic Acid (BHA): ช่วยผลัดเซลล์ผิว ละลายสิวอุดตัน ลดการอักเสบ เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวและผิวมัน ชนิดผงไม่ละลายในน้ำ ต้องละลายในตัวทำละลาย เช่น Propylene Glycol หรือ Alcohol อัตราการใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ทาผิวไม่เกิน 2%
  • น้ำกลั่น (Purified Water): เป็นส่วนประกอบหลักในสูตร Water-based หรือ Emulsion

สารที่กำลังสั่งซื้อเพิ่มและคุณสมบัติ

  • Ferulic Acid: สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยเสริมความเสถียรและประสิทธิภาพของ Vitamin C และ Vitamin E ช่วยปกป้องผิวจาก UVB ไม่ละลายในน้ำ แต่ละลายได้ใน Ethoxydiglycol หรือ Ethanol
  • Sepiplus 400: (ไม่พบข้อมูลเฉพาะสำหรับสารนี้ในฐานข้อมูล แต่มีสารสร้างเนื้อเจลอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน) โดยทั่วไปสารกลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็น Thickener/Gel Maker ช่วยสร้างเนื้อเจลหรือเพิ่มความหนืดให้กับสูตร
  • Phenoxyethanol: สารกันเสีย broad-spectrum ที่นิยมใช้ มีความปลอดภัยสูง ละลายในน้ำได้ ควรผสมในขั้นตอนที่ไม่ร้อนจัด (ต่ำกว่า 80°C) อัตราการใช้ 0.5-1.0%
  • Pro Polymer: สารสร้างเนื้อเจล (Gel Maker) สำหรับ Water-based และช่วยสร้างเนื้อครีมในสูตร Emulsion มีลักษณะพิเศษคือสร้างเนื้อเจลแบบ Polymeric Structure ทนทานต่อ Electrolyte ได้ดี (แต่อาจต้องเพิ่มปริมาณหากมี Electrolyte มาก) ให้เนื้อสัมผัสคล้าย Hyaluronic Acid ละลายในน้ำได้

แนวทางการนำไปใช้ประโยชน์

จากสารที่คุณมีและกำลังจะมี สามารถนำมาพัฒนาเป็นครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกายได้ โดยเน้นคุณสมบัติที่ต้องการ

สำหรับครีมบำรุงผิวหน้า (ลดรอยดำ, ควบคุมความมัน T-zone, หลังรักษาสิว)

  • เน้นลดรอยดำ: ใช้ Vitamin C (Ascorbic Acid), Alpha Arbutin, Vitamin B3 (Niacinamide) ร่วมกับ Ferulic Acid (เมื่อสั่งซื้อ) เพื่อเสริมประสิทธิภาพและเพิ่มความเสถียรของ Vitamin C
  • เน้นควบคุมความมัน/ดูแลปัญหาสิว: ใช้ Salicylic Acid และ Vitamin B3 (Niacinamide)
  • เน้นความชุ่มชื้นและปลอบประโลม: ใช้ Glycerine, Propylene Glycol, Aloe Vera Extract, Vitamin B5 (Panthenol)
  • ปรับเนื้อสัมผัส: ใช้ Cyclopentasiloxane, Silicone Gel, Tween 20, และ Pro Polymer (เมื่อสั่งซื้อ) เพื่อให้เนื้อครีมบางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับผิวผสมถึงผิวมัน
  • ระบบกันเสีย: ใช้ Phenoxyethanol (เมื่อสั่งซื้อ)

ข้อควรพิจารณาสำหรับสูตรผิวหน้า:

  • การผสม Vitamin C (Ascorbic Acid) กับ Salicylic Acid ในสูตรเดียวกันต้องระวังเรื่อง pH เนื่องจาก Vitamin C ต้องการ pH ต่ำ (2.0-4.0) ในขณะที่ Salicylic Acid ทำงานได้ดีในช่วง pH ที่กว้างกว่าเล็กน้อย (แนะนำละลายใน PG ก่อน) และการใช้สารผลัดเซลล์ผิวร่วมกันอาจเพิ่มโอกาสการระคายเคืองได้ ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำๆ
  • การใช้ Pro Polymer หรือ Sepiplus 400 จะช่วยสร้างเนื้อเจลหรือเจลครีมที่บางเบาได้
  • ควรมีการปรับ pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับสารออกฤทธิ์หลักที่ต้องการเน้น (เช่น หากเน้น Vitamin C ควรปรับ pH ต่ำ แต่ต้องระวังเรื่องการระคายเคือง)

สำหรับครีมทาตัว (ผิวขาว ลดรอยแผลเป็นเล็กๆ)

  • เน้นผิวขาว: ใช้ Vitamin C (Ascorbic Acid), Alpha Arbutin, และ Vitamin B3 (Niacinamide) ร่วมกับ Ferulic Acid (เมื่อสั่งซื้อ)
  • เน้นลดรอยแผลเป็น: ใช้ Vitamin B5 (Panthenol), Aloe Vera Extract, และ Vitamin E Acetate
  • เน้นความชุ่มชื้น: ใช้ Glycerine, Propylene Glycol, Aloe Vera Extract, Vitamin B5 (Panthenol), และ Vitamin E Acetate
  • ปรับเนื้อสัมผัส: ใช้ Cyclopentasiloxane, Silicone Gel, Tween 20, และ Pro Polymer (เมื่อสั่งซื้อ) เพื่อให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายและให้สัมผัสที่ดี
  • ระบบกันเสีย: ใช้ Phenoxyethanol (เมื่อสั่งซื้อ)

ข้อควรพิจารณาสำหรับสูตรผิวกาย:

  • เนื่องจากพื้นที่ทากว้างกว่าผิวหน้า อาจปรับความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์บางตัวให้เหมาะสม
  • การใช้ Vitamin C (Ascorbic Acid) ในสูตรทาตัวอาจทำได้ง่ายกว่าสูตรผิวหน้าหากไม่เน้นเนื้อสัมผัสแบบเจลใสมากนัก
  • Vitamin B5, Aloe Vera, และ Vitamin E จะช่วยเรื่องการฟื้นฟูผิวและลดรอยแผลเป็นได้ดี

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการผสมเอง

  1. ศึกษาคุณสมบัติและการละลาย: ทำความเข้าใจว่าสารแต่ละตัวละลายในอะไร (น้ำ น้ำมัน หรือตัวทำละลายอื่นๆ) และควรผสมในขั้นตอนไหน
  2. ควบคุม pH: ใช้เครื่องวัด pH เพื่อปรับค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับสารออกฤทธิ์หลัก เพื่อให้สารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสูตรมีความเสถียร
  3. ระบบกันเสีย: Phenoxyethanol เป็นสารกันเสียที่ดี แต่ควรศึกษาอัตราการใช้ที่เหมาะสมและอาจพิจารณาใช้ร่วมกับสารอื่นหากต้องการการปกป้องที่กว้างขึ้น
  4. ความเข้ากันได้: ตรวจสอบว่าสารที่คุณเลือกใช้เข้ากันได้ดีหรือไม่ สารบางตัวอาจทำปฏิกิริยากันหรือทำให้สูตรไม่เสถียรได้
  5. ความสะอาด: รักษาความสะอาดของอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมในการผสม เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์
  6. ทดสอบ: ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กับผิวหน้าหรือผิวกายในบริเวณกว้าง ควรทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อน (Patch Test) เพื่อดูการระคายเคืองหรืออาการแพ้

การสร้างสูตรเครื่องสำอางที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพต้องมีการทดลองและปรับปรุงหลายครั้ง ขอให้สนุกกับการเรียนรู้และสร้างสรรค์สูตรของคุณเองนะครับ!

สำหรับเพื่อนๆ ท่านอื่นที่มีประสบการณ์หรือสูตรที่น่าสนใจ สามารถร่วมแบ่งปันความคิดเห็นและสูตรเพื่อเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้และปรับใช้ได้เลยครับ การแลกเปลี่ยนความรู้จะช่วยให้ทุกคนพัฒนาทักษะการทำเครื่องสำอางได้ดียิ่งขึ้น.

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
Pure-Ferulic Acid™
Pure-Ferulic Acid™
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
Polysorbate 20 (Tween 20)
Polysorbate 20 (Tween 20)
เครื่องสำอาง
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง