คำแนะนำการพัฒนาสูตรเครื่องสำอางสำหรับฝ้า ริ้วรอย ผิวแห้ง และปัญหาใต้ตา

ถามโดย: x-treme_xeezs เมื่อ: January 20, 2014 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

อยากสอบถามสูตรสำหรับบุคคล 2 ท่าน ดังนี้ค่ะ:

  1. ท่านที่ 1: อายุประมาณ 55 ปี ผิวหน้าแห้ง มีฝ้ากระจายทั่วใบหน้ามานานกว่าสิบปีแล้ว (เคยโดนน้ำร้อนลวก และเคยทำงานกลางแดดแรงค่ะ) มีริ้วรอย
    อยากได้สูตรที่ช่วยให้ความชุ่มชื่น แก้ฝ้า ก่อนค่ะ แต่ถ้าช่วยลดริ้วรอยด้วยพร้อมกันจะดีมากค่ะ

    สูตรที่เสนอคือ:

    • beta glucan 5%
    • delentigo 5%
    • nanowhite 5%
    • b3 2%
    • glucosamine 4%
    • aloe vera extract 3%
    • pro polymer 1.5%
    • allantoin 0.5%
    • green tea extract 5%
    • phenoxyethanol 0.5-1%
    • edta 0.2%
    • waterlock 2%

    • อยากทราบว่าระหว่างใช้ delentigo 5% + nanowhite 5% กับใช้ tranexamic acid 5% แบบไหนจะมีประสิทธิภาพดีกว่ากันคะ

    • ถ้าใส่ repair activator 10% และ bio-yeast extract 1% จะมากไปหรือเปล่าคะ
    • อยากได้แบบที่สามารถใช้ตัวเดียวทาได้ครั้งเดียวเสร็จแบบว่าช่วยให้ความชุ่มชื่นและลดฝ้าได้ในครั้งเดียวกัน
    • ที่เคยอ่านในกระทู้ว่าควรใช้ glycolic acid ผสมน้ำเช็ดหน้าก่อน ค่อยทาบำรุง อยากทราบว่า สามารถใช้ lactic acid แทนได้หรือเปล่าคะ พอดีมีเหลืออยู่ค่ะ
    • ควรเพิ่มหรือลดสารใดหรือไม่คะ
    • ก่อนหน้านี้เคยใช้วิตามินซีทาก่อนแล้วตามด้วยบำรุงตามสูตรข้างล่างค่ะ เคยใช้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ วิตามินซีช่วงแรกๆ ใช้แล้วหน้าตึงๆ แต่ใช้ต่อมาเรื่อยๆ ก็ไม่ตึงแล้วค่ะ ส่วนสูตรที่บำรุงนั้นพอใช้แล้วเกิดอาการแสบหน้า ก็เลยเลิกใช้ค่ะ ไม่ทราบว่าใส่สารมากไปหรือเกิดอาการแพ้ค่ะ

    สูตรตัวที่บำรุงมีดังนี้ค่ะ

    • hyaluronic acid(nano) 1%
    • allantoin 0.5%
    • green tea extract 5%
    • b3 4%
    • gotu kola extract 5%
    • b5 5%
    • kojic acid 3%
    • hydrolyzed soy protein 5%
    • glucosamine 4%
    • phenoxyethanol 0.4%
    • lactic acid
    • triethanolamine
  2. ท่านที่ 2: อายุประมาณ 22 ปี ผิวแห้ง มีริ้วรอยใต้ดวงตาและมีรอยคล้ำใต้ดวงตาค่ะ ใบหน้ามีสิว และมีรอยที่เกิดจากสิวค่ะ
    อยากได้สูตรที่ช่วยลดริ้วรอยและลดรอยคล้ำใต้ดวงตา ให้ความชุ่มชื่น

    สูตรที่เสนอคือ:

    • beta glucan 5%
    • repair activator 10%
    • bio-yeast essence 1%
    • aloe vera extract 3%
    • pro polymer 1.5%
    • allantoin 0.5%
    • phenoxyethanol 1%
    • edta 0.2%

    • ควรเพิ่มหรือลดสารใดหรือไม่คะ

    • คิดว่าจะนำไปใช้ทาใต้ดวงตาและช่วยลดริ้วรอยบริเวณที่จำเพาะ เช่น ร่องแก้ม หน้าผาก หรืออาจนำไปใช้ทาทั่วใบหน้าเลยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

คำตอบ

คำแนะนำสำหรับสูตรบำรุงผิว

นี่คือคำแนะนำสำหรับสูตรบำรุงผิวทั้งสองสูตรที่คุณสอบถามมาค่ะ:

สูตรที่ 1 (อายุประมาณ 55 ปี, ผิวหน้าแห้ง, ฝ้ากระจาย, ริ้วรอย)

สูตรที่คุณเสนอมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการดูแลปัญหาผิวแห้ง ฝ้า และริ้วรอยค่ะ มาดูคำถามของคุณทีละข้อนะคะ:

  • Delentigo 5% + Nanowhite 5% กับ Tranexamic Acid 5% แบบไหนมีประสิทธิภาพดีกว่ากันสำหรับฝ้า: Tranexamic Acid เป็นส่วนผสมที่มีงานวิจัยรองรับประสิทธิภาพในการลดฝ้าค่อนข้างมากค่ะ Delentigo และ Nanowhite ก็เป็นส่วนผสมที่ใช้เพื่อผิวกระจ่างใสเช่นกัน ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์แต่ละตัวและการตอบสนองของผิวแต่ละบุคคล Tranexamic Acid (ใช้ในเครื่องสำอางได้ไม่เกิน 3%) ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับปัญหาฝ้าค่ะ

  • ถ้าใส่ Repair Activator 10% และ Bio-Yeast Extract 1% จะมากไปหรือเปล่าคะ: การใส่ Repair Activator (Bifida Ferment Lysate) ที่ 10% ยังอยู่ในช่วงอัตราการใช้ที่แนะนำ และสามารถช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและลดริ้วรอยได้ค่ะ ส่วน Bio-Yeast Extract (เช่น Saccharomyces Ferment Filtrate หรือ Hydrolyzed Yeast Protein) ที่ 1% ก็อยู่ในช่วงอัตราการใช้ทั่วไป และช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้น การเพิ่มส่วนผสมเหล่านี้สามารถเสริมประสิทธิภาพด้านการลดริ้วรอยและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้ค่ะ

  • อยากได้แบบที่สามารถใช้ตัวเดียวทาได้ครั้งเดียวเสร็จแบบว่าช่วยให้ความชุ่มชื่นและลดฝ้าได้ในครั้งเดียวกัน: สูตรที่คุณเสนอมาโดยรวมมีส่วนผสมที่ช่วยทั้งความชุ่มชื้น (Beta Glucan, Aloe Vera Extract, Glucosamine, Waterlock) และลดฝ้า จึงสามารถใช้เป็นผลิตภัณฑ์ตัวเดียวที่ตอบโจทย์นี้ได้ค่ะ

  • ควรใช้ glycolic acid ผสมน้ำเช็ดหน้าก่อน ค่อยทาบำรุง อยากทราบว่า สามารถใช้ lactic acid แทนได้หรือเปล่าคะ: ทั้ง Glycolic Acid และ Lactic Acid เป็นกลุ่ม AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว Lactic Acid โดยทั่วไปจะอ่อนโยนกว่าและยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ด้วย ซึ่งอาจเหมาะกับผิวแห้งมากกว่า Glycolic Acid การใช้ในความเข้มข้นต่ำ (เช่น 2-5%) เป็นขั้นตอนก่อนทาครีมบำรุง สามารถช่วยปรับสภาพผิวและเพิ่มการซึมซาบของส่วนผสมอื่นๆ ได้ค่ะ ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำๆ และสังเกตการตอบสนองของผิวเสมอค่ะ

  • ควรเพิ่มหรือลดสารใดหรือไม่คะ: สูตรปัจจุบันมีส่วนผสมที่ดีสำหรับความชุ่มชื้นและฝ้าอยู่แล้วค่ะ คุณอาจพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นของ Vitamin B3 (Niacinamide) ขึ้นเป็น 4-5% เพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านการลดริ้วรอย เสริมเกราะป้องกันผิว และช่วยเรื่องจุดด่างดำ ซึ่ง Safe-B3 สามารถใช้ได้ถึง 10% โดยไม่ทำให้เกิดอาการแดงค่ะ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายของสูตรเหมาะสมกับส่วนผสมแอคทีฟทั้งหมด (โดยทั่วไปควรอยู่ที่ 4.0-7.0)

  • อาการแสบหน้าจากสูตรเดิม: อาการแสบหน้าที่เคยเกิดขึ้นกับสูตรเดิม อาจเกิดจากการผสมผสานของส่วนผสมแอคทีฟหลายชนิด (Vitamin C, Kojic Acid, Vitamin B3, Lactic Acid) และสภาพผิวของคุณ (ผิวแห้ง, แพ้ง่าย) ค่ะ Kojic Acid และ Lactic Acid อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในผิวที่แห้งหรือเกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง Vitamin C โดยเฉพาะ L-Ascorbic Acid ก็อาจทำให้รู้สึกยิบๆ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะที่ค่า pH ต่ำๆ สิ่งสำคัญคือควรทดสอบอาการแพ้เฉพาะจุดก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ และค่อยๆ เริ่มใช้ทีละน้อยค่ะ สูตรเดิมมีส่วนผสมที่ค่อนข้างเข้มข้นหลายตัวรวมกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแห้งของคุณได้ โดยเฉพาะหลังจากใช้วิตามินซีเซรั่มซึ่งอาจทำให้ค่า pH ผิวลดลง

สูตรที่ 2 (อายุประมาณ 22 ปี, ผิวแห้ง, ริ้วรอย/รอยคล้ำใต้ตา, รอยสิว)

สูตรที่คุณเสนอมามีส่วนผสมที่ดีที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและการปลอบประโลมผิวค่ะ สำหรับการดูแลปัญหาริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ตาโดยเฉพาะ มีข้อพิจารณาดังนี้ค่ะ:

  • ควรเพิ่มหรือลดสารใดหรือไม่คะ: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสูตรในการดูแลริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ตาโดยเฉพาะ คุณอาจพิจารณาเพิ่มส่วนผสมที่เน้นสำหรับปัญหานี้ เช่น Pep-Eye (Acetyl Tetrapeptide-5) ซึ่งช่วยลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากระบบไหลเวียน หรือ REGU-AGE ซึ่งช่วยลดรอยคล้ำและอาการบวมใต้ตา และเสริมความแข็งแรงให้ผิวรอบดวงตา ส่วนผสมปัจจุบันของคุณดีสำหรับสุขภาพผิวโดยรวมและความชุ่มชื้น แต่ยังไม่เน้นเจาะจงปัญหาผิวรอบดวงตาเท่าที่ควรค่ะ

  • สามารถใช้ทาบริเวณใดได้บ้าง: สูตรที่คุณเสนอมาสามารถใช้ทาบริเวณใต้ดวงตา บริเวณที่มีริ้วรอยเฉพาะจุด เช่น ร่องแก้ม หน้าผาก และสามารถใช้ทาทั่วใบหน้าได้เลยค่ะ เพื่อให้ความชุ่มชื้นและช่วยเรื่องการซ่อมแซมผิว การเพิ่มส่วนผสมที่เน้นสำหรับผิวรอบดวงตาจะทำให้สูตรนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับบริเวณนั้นเป็นพิเศษค่ะ

ข้อควรจำคือ ควรทดสอบอาการแพ้เฉพาะจุดก่อนลองใช้สูตรใหม่เสมอ และปรับความเข้มข้นตามการตอบสนองของผิวคุณค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Allantoin
Allantoin
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Triethanolamine 99%
Triethanolamine 99%
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
REGU®-AGE
REGU®-AGE
เครื่องสำอาง
Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
WaterLock™ (Polyquaternium-51)
WaterLock™ (Polyquaternium-51)
เครื่องสำอาง
Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)
Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)
เครื่องสำอาง
Tranexamic Acid (Trans-White™)
Tranexamic Acid (Trans-White™)
เครื่องสำอาง
Yeast Radiance™
Yeast Radiance™
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ Lactic (C12-13 Alkyl Lactate)
LipidSoft™ Lactic (C12-13 Alkyl Lactate)
เครื่องสำอาง
D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
เครื่องสำอาง
Pep®-Eye (Acetyl Tetrapeptide-5)
Pep®-Eye (Acetyl Tetrapeptide-5)
เครื่องสำอาง
Pure-TECA™ Centella Asiatica Extract (TECA 95%, CICA)
Pure-TECA™ Centella Asiatica Extract (TECA 95%, CICA)
เครื่องสำอาง
Kojic Acid
Kojic Acid
เครื่องสำอาง
Malic Acid (DL-Malic Acid)
Malic Acid (DL-Malic Acid)
เครื่องสำอาง
MYFerment™ Balance (Saccharomyces Ferment Filtrate)
MYFerment™ Balance (Saccharomyces Ferment Filtrate)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
เครื่องสำอาง
Tryptic-Soy™
Tryptic-Soy™
เครื่องสำอาง