คำแนะนำการพัฒนาสูตรเซรั่มสำหรับผิวแพ้ง่าย
คำถาม
ขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ r&d ค่ะ เกี่ยวกับสูตรเซรั่มดังนี้:
ส่วนผสม:
- น้ำกลั่น
- Pitera 15%
- Repair-Activator 10%
- Rhamnose 3%
- Chamomile Extract 1%
- beta glucan 3%
- Prebio-care 3%
- Micro Silver Porous 0.2%
- Niacinamide Safe-B3 Switzerland 4%
- Vitamin B12 7%
- Glucosamine 3%
- CosmoWhite 1.5%
- Placenta (รกม้าสกัด) 1%
- Ectoin 2%
- Dimethyl Isosorbide 3%
- HydroAlgae 1%
- Licochalcone A 1%
- Moist 24 0.5%
- Odor-Kill 1%
- Mild Preserved Eco™ 0.8%
- Pro Polymer 0.5%
- LipidSoft™ Lite 4%
- 1,2-Hexanediol 2%
ลักษณะผิวของผู้ใช้ เป็นลักษณะผิวผสม อ่อนแอแพ้ง่าย มีอาการ แห้งคัน แสบแดง ลอกเป็นขุย (เฉพาะกรณีมีสิ่งเร้าสิ่งกระตุ้นซึ่งได้แก่สภาวะแวดล้อมและ สารเคมีบางชนิดเช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ กรด) และมีสิวผดช่วงทีโซน
คำถาม:
- สารสกัดและส่วนผสมจากสูตร สามารถผสมเข้าด้วยกัน ได้ไหมคะ
- จากสูตร สามารถเป็นเซรั่มสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ได้ไหมคะ
- เนื้อเซรั่มจะมีสีออกไปทางชมพูหรือเหลืองมากกว่ากันคะ หากต้องการให้ออกไปทางชมพู มากกว่าเหลือง ต้องปรับตรงไหนบ้างคะ หรือไม่แนะนำให้ปรับ เพื่อจะได้ยังคงเป็นสูตรที่ อ่อนโยนต่อผิว
- ไม่ทราบว่า สูตรนี้จะมีความหนาผิวมากไปหรือเปล่า ขอคำแนะนำหน่อยค่ะอยากให้เกลี่ยง่ายและซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
- Prebio-care และ beta glucan เหมือนกันไหมคะ ใช้ร่วมกันหรือตัวใดตัวหนึ่ง แนะนำตัวไหนดีคะ
คำตอบ
คำแนะนำการปรับปรุงสูตรเซรั่มสำหรับผิวแพ้ง่าย
นี่คือการทบทวนสูตรเซรั่มของคุณและคำตอบสำหรับคำถามของคุณ โดยพิจารณาจากลักษณะผิวผสม แพ้ง่าย มีแนวโน้มแห้ง คัน แสบแดง ลอกเป็นขุย และมีสิวผดบริเวณทีโซน
1. ความเข้ากันได้ของส่วนผสม
ส่วนผสมในสูตรของคุณโดยทั่วไปเข้ากันได้ดี ส่วนใหญ่ละลายน้ำได้และนิยมใช้ร่วมกันในสูตรเครื่องสำอางที่เน้นการปลอบประโลม ฟื้นฟู และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ข้อควรพิจารณาหลักสำหรับความคงตัวและความเข้ากันได้ ได้แก่:
- ระดับ pH: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า pH สุดท้ายของเซรั่มอยู่ในช่วงที่เหมาะสมเพื่อรักษาความคงตัวและประสิทธิภาพของส่วนผสมทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Vitamin B12 ที่ไวต่อ pH นอกช่วง 4.0-6.5 (ค่าที่เหมาะสมคือ 5.8) ส่วนผสมอื่นๆ หลายชนิดมีช่วง pH ที่เหมาะสมหรือยอมรับได้ที่ทับซ้อนกัน (Niacinamide 4.0-7.0, Beta Glucan 5-7, Rhamnose 5-9, Prebio-care 4-10, Mild Preserved Eco 4-9, Licochalcone A 3.5-6.5) การตั้งเป้า pH ไว้ที่ประมาณ 5.0-6.0 จะเป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดในการรักษาความคงตัวของส่วนผสมส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ Vitamin B12
- ลำดับการผสมและอุณหภูมิ: ส่วนผสมบางชนิด เช่น Pitera, Repair-Activator, Beta Glucan, Vitamin B12 และ HydroAlgae ไวต่อความร้อน ควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายของการผสมที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40-50°C Pro Polymer ควรได้รับการกระจายตัวในน้ำอย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องปั่นแรงเกินไป Micro Silver Porous เป็นผงที่ไม่ละลายน้ำ ควรนำไปผสมกับ Glycerin หรือของเหลวอื่นที่เหมาะสมก่อนเติมลงในส่วนผสมหลัก
- ความไวต่อแสงของ Vitamin B12: Vitamin B12 ไวต่อแสงและวิตามินอื่นๆ (โดยเฉพาะ Vitamin C และวิตามินบีอื่นๆ) แม้ว่าจะมี Niacinamide (Vitamin B3) อยู่ในสูตร แต่การใช้ร่วมกันโดยทั่วไปถือว่ายอมรับได้ แต่การหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงระหว่างการผลิตและการบรรจุในภาชนะทึบแสงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความคงตัวของ Vitamin B12
โดยรวมแล้ว ด้วยเทคนิคการผสมที่ระมัดระวังเกี่ยวกับ pH การผสม และการจัดเก็บ ส่วนผสมเหล่านี้สามารถนำมารวมกันได้
2. ความเหมาะสมสำหรับผิวแพ้ง่าย
สูตรนี้มีส่วนผสมหลายชนิดที่เป็นที่รู้จักในด้านประโยชน์ต่อผิวแพ้ง่ายและผิวที่มีปัญหา:
- ปลอบประโลมและลดการอักเสบ: Chamomile Extract (Natural Bisabolol), Beta Glucan, Licochalcone A, Vitamin B12, Ectoin และ Repair-Activator ล้วนมีคุณสมบัติในการลดรอยแดง การระคายเคือง และการอักเสบ ซึ่งเป็นปัญหาหลักสำหรับสภาพผิวของคุณ
- เสริมเกราะป้องกันผิว: ส่วนผสม เช่น Pitera, Beta Glucan, Prebio-care, Niacinamide (Safe-B3), Ectoin และ HydroAlgae ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และสนับสนุนจุลินทรีย์ที่ดีต่อผิว ซึ่งจำเป็นสำหรับผิวแพ้ง่ายและผิวที่ไวต่อการระคายเคือง
- ลดสิว/ต้านเชื้อแบคทีเรีย: Micro Silver Porous และ Rhamnose มีคุณสมบัติช่วยควบคุมแบคทีเรีย รวมถึงแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวและอาจรวมถึงเชื้อรา โดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองมากเกินไป
เนื่องจากสูตรนี้มีส่วนผสมออกฤทธิ์ในความเข้มข้นสูง ซึ่งแม้จะมีประโยชน์ แต่ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทดสอบการแพ้ (patch test) ก่อนใช้เซรั่มทั่วใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผิวแพ้ง่าย การมี Dimethyl Isosorbide ซึ่งเป็นสารช่วยนำพา อาจเพิ่มการดูดซึมของสารออกฤทธิ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในผู้ที่มีผิวไวมาก แม้ว่าสารนี้จะช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและการซึมซาบได้ดีก็ตาม
โดยรวมแล้ว สูตรนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างดีโดยคำนึงถึงผิวแพ้ง่าย มีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมและเสริมเกราะป้องกันผิวมากมาย มีแนวโน้มที่จะเหมาะสม แต่ขอแนะนำให้ทดสอบการแพ้เฉพาะจุดอย่างยิ่ง
3. การปรับสีเซรั่ม
สีตามธรรมชาติของเซรั่มของคุณน่าจะได้รับอิทธิพลจาก Vitamin B12 (ผงสีชมพูอ่อน) และ Licochalcone A (ของเหลวสีน้ำตาล) รวมถึงสารสกัดอื่นๆ ที่ความเข้มข้น 7% Vitamin B12 จะให้สีชมพูที่สังเกตได้ Licochalcone A ที่ 1% จะให้สีเหลืองอมน้ำตาล สีที่ได้น่าจะเป็นการผสมผสานกัน อาจเป็นสีชมพูอมน้ำตาล หรือสีน้ำตาลแดงอ่อนๆ มากกว่าสีชมพูหรือสีเหลืองบริสุทธิ์
หากคุณต้องการให้สีชมพูเด่นชัดขึ้น คุณอาจพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นของ Vitamin B12 ได้ แต่คุณใช้ในปริมาณที่สูงอยู่แล้ว (7%) ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณสูงสุดที่แนะนำสำหรับบางสภาวะ (เช่น โรคสะเก็ดเงิน) การเพิ่มขึ้นอีกอาจไม่เหมาะสมหรือไม่ทำให้สีเข้มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเติมสีสังเคราะห์เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ โดยทั่วไปไม่แนะนำสำหรับสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย เนื่องจากสีสังเคราะห์อาจเป็นแหล่งของการระคายเคือง เพื่อรักษาความอ่อนโยนและคุณสมบัติที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ของสูตรของคุณ ควรยอมรับสีตามธรรมชาติที่ได้จากส่วนผสมออกฤทธิ์มากกว่าการเติมสีสังเคราะห์
4. เนื้อสัมผัสและการซึมซาบ
การผสมผสานของส่วนผสมในสูตรของคุณควรให้เนื้อเซรั่มที่เกลี่ยง่ายและซึมซาบได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
- Pro Polymer ที่ 0.5% มีคุณสมบัติในการสร้างเจลและเพิ่มความหนืด แม้จะอยู่ในช่วงต่ำของปริมาณที่แนะนำสำหรับเจลทั่วไป แต่ก็ช่วยให้เซรั่มมีความคงตัว
- LipidSoft Lite ที่ 4% เป็น Emollient เนื้อบางเบาที่ช่วยปรับปรุงการเกลี่ยได้อย่างมาก และให้ความรู้สึกเรียบเนียน ไม่เหนอะหนะ ช่วยให้ซึมซาบเร็ว
- Dimethyl Isosorbide ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและสารช่วยนำพา ช่วยให้ส่วนผสมต่างๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- Moist 24 ยังช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและช่วยในการซึมซาบ
ปริมาณส่วนผสมเหล่านี้ในปัจจุบันมีความสมดุลเพื่อให้ได้เซรั่มที่ควรเกลี่ยง่ายและซึมซาบได้ดีโดยไม่รู้สึกหนักหรือเหนอะหนะ หากคุณพบว่าเนื้อข้นเกินไป อาจพิจารณาลด Pro Polymer เล็กน้อย หรือเพิ่ม LipidSoft Lite หรือน้ำได้ แต่การลด Pro Polymer มากเกินไปอาจส่งผลต่อความคงตัว และการเพิ่ม Emollient มากเกินไปอาจทำให้รู้สึกหนักหรือส่งผลต่อการซึมซาบสำหรับผิวผสม ปริมาณปัจจุบันดูเหมือนจะเหมาะสมสำหรับเนื้อเซรั่มที่ไม่ข้นจนเกินไป
5. Prebio-care และ Beta Glucan
Prebio-care (Alpha-glucan oligosaccharide) และ Beta Glucan (จากสารสกัด Saccharomyces cerevisiae) ไม่ใช่ส่วนผสมเดียวกัน แม้ว่าทั้งสองจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย
- Prebio-care เป็น Prebiotic หน้าที่หลักคือการเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่ดี (Normal Flora) บนผิวของคุณ ช่วยสร้างสมดุลของจุลินทรีย์บนผิว (Skin Microbiome) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกราะป้องกันผิวที่แข็งแรง และสามารถช่วยลดปัญหาต่างๆ เช่น อาการคัน รอยแดง และการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย รวมถึงแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวและอาจรวมถึงความไม่สมดุลของเชื้อรา
- Beta Glucan เป็น Polysaccharide ที่มีคุณสมบัติในการปรับภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ ทำงานโดยการกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันของผิวให้ป้องกันการระคายเคืองและเชื้อโรคได้ดีขึ้น ลดการอักเสบและปฏิกิริยาภูมิแพ้ และส่งเสริมการฟื้นฟูผิว ไม่ได้เป็น Prebiotic โดยตรง
เมื่อพิจารณาจากปัญหาผิวของคุณ (แพ้ง่าย แห้ง คัน แสบแดง ลอกเป็นขุย สิวผด) การใช้ ทั้งสองอย่าง คือ Prebio-care และ Beta Glucan ในสูตรของคุณมีประโยชน์และแนะนำให้ใช้ร่วมกัน ทั้งสองทำงานผ่านกลไกที่แตกต่างกันแต่เสริมฤทธิ์กันเพื่อปรับปรุงสุขภาพผิว Prebio-care สนับสนุนความสมดุลของระบบนิเวศบนผิวในระยะยาว ในขณะที่ Beta Glucan ช่วยปลอบประโลมและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวโดยตรงต่อการระคายเคืองและการอักเสบในทันที สูตรปัจจุบันของคุณมีทั้งสองอย่างในปริมาณที่เหมาะสม (3% เท่ากัน) ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการดูแลผิวแพ้ง่ายและผิวที่ไวต่อการระคายเคืองอย่างครอบคลุม
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)

Rhamnose (น้ำตาลแรมโนส)

Micro Silver Porous™

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

MOIST24

Ectoine (Ectoin, from Bio-fermentation)

Odor-Kill™

Horse Placenta รกม้าสกัด

Vitamin B12 (Cyanocobalamin 1%) วิตามิน B12

Dimethyl Isosorbide (DMI)

Prebio-care (Skin Prebiotic)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)

CosmoWhite™ (1-Methylhydantoin-2-Imide)
