คำแนะนำสำหรับสูตรโลชั่นบำรุงผิวขาวและเจลผลัดเซลล์ผิว

สูตรโลชั่นบำรุงผิวขาว

สำหรับสูตรโลชั่นบำรุงผิวขาวที่คุณต้องการให้มีเนื้อเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวขาวขึ้น ส่วนผสมที่คุณเลือกใช้หลายตัวทำงานได้ดีร่วมกัน:

• Niacinamide (B3) 5% และ N-acetyl-d (N-Acetyl Glucosamine) 4%: เป็นส่วนผสมที่ดีมากในการช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และทำงานเสริมกันได้ดีเพื่อผลลัพธ์เรื่องความขาว
• Licorice 1%: สารสกัดชะเอมเทศมีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบและระคายเคือง อย่างไรก็ตาม สารสกัดชะเอมเทศบางชนิด (เช่น Licochalcone A 1%) อาจไม่ได้เน้นเรื่องความขาวโดยตรง แต่ช่วยเรื่องลดการอักเสบและควบคุมความมันแทน
• RoseHip 5%: ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสารสกัดหรือน้ำมันโรสฮิป หากเป็นสารสกัดมักให้ความชุ่มชื้นและสารต้านอนุมูลอิสระ หากเป็นน้ำมันจะช่วยเรื่องความชุ่มชื้นจากไขมันและวิตามินต่างๆ
• Moist72 1% และ Glycerin 3%: เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดี ช่วยให้ผิวนุ่มเนียน
• Phenoxylethanol 1%: เป็นสารกันเสียมาตรฐาน

การเปลี่ยน Alpha Arbutin เป็น Deoxyarbutin:
Deoxyarbutin เป็นสารให้ความขาวที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีข้อจำกัดในการใช้งานที่แตกต่างจาก Alpha Arbutin อย่างมาก Deoxyarbutin ละลายได้ในน้ำมันและแอลกอฮอล์ ไม่ละลายในน้ำ และต้องการค่า pH ที่ค่อนข้างจำเพาะ (ประมาณ 5.0-5.8) เพื่อความคงตัว ในขณะที่สูตรของคุณมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักถึง 84% และดูเหมือนจะไม่มีส่วนของน้ำมันที่ชัดเจน (เว้นแต่ RoseHip 5% จะเป็นน้ำมัน) การนำ Deoxyarbutin มาผสมในสูตรนี้โดยตรงจึงทำได้ยากและอาจไม่คงตัว นอกจากนี้ Deoxyarbutin อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่า Alpha Arbutin และช่วง pH ที่เหมาะสมกับ Deoxyarbutin (5.0-5.8) อาจไม่เหมาะสมที่สุดสำหรับ Niacinamide และ N-Acetyl Glucosamine ที่ทำงานได้ดีในช่วง pH ที่กว้างกว่าเล็กน้อย (3-7, เหมาะสมที่สุด 4-7) ดังนั้น Deoxyarbutin จึงไม่ใช่สารที่สามารถนำมาใช้แทน Alpha Arbutin ได้โดยตรงในสูตรนี้

การเปลี่ยน Sepiplus เป็น Satin Mousse 1%:
ตามคำแนะนำเดิม การเปลี่ยนตัวประสานน้ำกับน้ำมันจาก Sepiplus เป็น Satin Mousse (Sepinov EMT10) ที่ 1% สามารถทำได้ และไม่จำเป็นต้องเพิ่มส่วนผสมอื่นเพื่อให้เนื้อครีมลื่นขึ้น Satin Mousse เป็นสารก่อเนื้อเจลและอิมัลซิไฟเออร์ที่ให้เนื้อสัมผัสที่ดี

สูตรเจล AHA 70%

สำหรับสูตรเจล AHA 70% เพื่อผลัดเซลล์ผิวกาย:

ความเข้มข้นของ Glycolic Acid:
ตามที่ได้มีการพูดคุยกันไปก่อนหน้านี้ การใช้ Glycolic Acid ที่ความเข้มข้นสูงถึง 70% หรือแม้แต่ 50% ถือว่าอันตรายอย่างยิ่งและเกินกว่าข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของ อย. ไทยสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้บริโภค ซึ่งกำหนดให้ใช้ AHA ได้ไม่เกิน 5% และผลิตภัณฑ์ต้องมีค่า pH ไม่ต่ำกว่า 3.5 แม้จะใช้กับผิวกาย ความเข้มข้นระดับนี้ก็ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ผิวไหม้ แสบร้อน หรือเกิดการระคายเคืองรุนแรง ควรเริ่มต้นใช้ที่ความเข้มข้นต่ำๆ เช่น 10% หรือน้อยกว่า และสังเกตการตอบสนองของผิวอย่างใกล้ชิด การใช้ความเข้มข้นสูงมากควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ตัวประสาน (Pro polymer):
Carbomer (ซึ่งน่าจะเป็น Pro polymer ที่คุณกล่าวถึง) ไม่เหมาะสำหรับใช้ในสูตรที่มีความเป็นกรดสูงมาก เนื่องจากโครงสร้างของ Carbomer จะไม่สามารถสร้างเนื้อเจลได้ในสภาวะที่เป็นกรดจัด (pH ต่ำกว่า 5) Glycolic Acid ที่ความเข้มข้นสูงจะมีค่า pH ต่ำมาก ดังนั้น Carbomer จะไม่สามารถทำให้เจลข้นขึ้นได้ คุณจะต้องใช้สารก่อเนื้อเจลที่ทนกรดได้ดีกว่า เช่น Xanthan Gum หรือ Hydroxyethyl Cellulose แทน

สรุปคือ ควรปรับความเข้มข้นของ Glycolic Acid ลงมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัยตามข้อกำหนด (ไม่เกิน 5% สำหรับผู้บริโภค) และเปลี่ยนไปใช้สารก่อเนื้อเจลที่ทนกรดได้ในสูตรเจล AHA ครับ