การตรวจสอบและคำแนะนำสำหรับสูตร

สูตรของคุณมีการผสมผสานส่วนผสมที่มีประโยชน์หลายอย่าง:

• ให้ความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว: Sea Kelp Extract, Rice Vitamin (Inositol), Jojoba Oil, Pomegranate Seed Oil, VersaMoist.
• ปรับผิวกระจ่างใสและสีผิวสม่ำเสมอ: Safe-B3 (Niacinamide), GlucoBright (Acetyl Glucosamine), Alpha Arbutin, Cosmo White.
• ลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูผิว: Sea Kelp Extract, Safe-B3, Sheep Placenta.
• กระชับรูขุมขน: Witch Hazel Extract.
• ช่วยนำพาสารเข้าสู่ผิว: DMI, VersaMoist.
• สารประสานเนื้อและปรับความข้น: Satin Cream Maker.
• สารกันเสีย: Mild Preserved Eco.

ความเข้มข้นที่คุณเลือกใช้สำหรับส่วนผสมส่วนใหญ่อยู่ในช่วงที่แนะนำหรือเป็นที่นิยม

นี่คือข้อควรพิจารณาและคำแนะนำในการปรับปรุง:

• ความเข้มข้นของ Alpha Arbutin: คุณใช้ Alpha Arbutin ที่ 1% คำอธิบายผลิตภัณฑ์แนะนำช่วง 0.2-2% โดยแนะนำที่ 2% เพื่อประสิทธิภาพในการปรับผิวกระจ่างใสสูงสุด หากเป้าหมายหลักคือการปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้นอย่างชัดเจน คุณอาจพิจารณาเพิ่ม Alpha Arbutin เป็น 2% หากงบประมาณเอื้ออำนวย
• ความเข้มข้นของ Witch Hazel Extract: คุณใช้ Witch Hazel Extract ที่ 10% คำอธิบายระบุช่วง 10-100% โดยทั่วไปใช้มากกว่า 50% ในโทนเนอร์เพื่อผลในการกระชับรูขุมขนที่ชัดเจน ที่ 10% จะช่วยให้คุณสมบัติสมานผิวได้บ้าง แต่ไม่ควรคาดหวังผลการกระชับรูขุมขนที่เด่นชัดในเนื้อครีม อย่างไรก็ตาม 10% ถือว่าเหมาะสมสำหรับครีมที่มีคุณสมบัติหลากหลาย
• Satin Cream Maker: คุณใช้ Satin Cream Maker ที่ 1% สารประสานเนื้อตัวนี้สามารถรองรับน้ำมันได้ถึง 25% และสูตรของคุณมีน้ำมัน 10% (Jojoba Oil 5% + Pomegranate Seed Oil 5%) ดังนั้น Satin Cream Maker 1% ควรเพียงพอที่จะสร้างอิมัลชันที่คงตัวได้ หากคุณต้องการเนื้อครีมที่ข้นขึ้น คุณสามารถเพิ่ม Satin Cream Maker เป็น 1.5% หรือ 2% ได้
• การปรับค่า pH: นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิดต้องการค่า pH ที่เหมาะสมเพื่อความคงตัวและประสิทธิภาพ:
  • Alpha Arbutin: pH 3.5-6.5 (ต้องหลีกเลี่ยง pH > 8)
  • Safe-B3 (Niacinamide): pH 3-8 (ดีที่สุด 4-7)
  • GlucoBright (Acetyl Glucosamine): pH 3-7
  • Rice Vitamin (Inositol): pH 4-7
  • Witch Hazel Extract: pH 3-5
  • Mild Preserved Eco: pH 4-9
    
    เพื่อให้ส่วนผสมเหล่านี้ทำงานได้อย่างถูกต้องและคงตัว ค่า pH สุดท้ายของสูตรควรปรับให้อยู่ในช่วง pH 4.0-6.5 ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ Alpha Arbutin ที่จะเสื่อมสภาพในค่า pH ที่สูงกว่า 8
• ขั้นตอนการผสม (ความไวต่อความร้อน): ส่วนผสมหลายชนิดมีความไวต่อความร้อนสูงและควรเติมในช่วงที่สูตรเย็นตัวลงแล้ว:
  • Alpha Arbutin: เติมเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 30°C.
  • Witch Hazel Extract: เติมเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 40°C.
  • Sea Kelp Extract: หลีกเลี่ยงความร้อนสูงกว่า 60°C.
  • Sheep Placenta: ห้ามโดนความร้อน ให้เติมในขั้นตอนสุดท้าย.
  • Safe-B3 & GlucoBright: หลีกเลี่ยงการให้ความร้อนเป็นเวลานาน.
    
    Satin Cream Maker เป็นสารประสานเนื้อที่ใช้ในกระบวนการเย็น ซึ่งเป็นข้อดี คุณควรเตรียมส่วนของน้ำและส่วนของน้ำมันแยกกัน (อาจอุ่นส่วนน้ำมันเบาๆ หากมีส่วนผสมที่เป็นของแข็งที่ต้องละลาย แต่ในสูตรนี้เป็นน้ำมันเหลว) จากนั้นนำมารวมกันโดยใช้ Satin Cream Maker ในส่วนของน้ำ และเติมส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ไวต่อความร้อนเมื่ออิมัลชันก่อตัวและเย็นตัวลงจนอุณหภูมิต่ำกว่า 30°C Mild Preserved Eco สามารถทนความร้อนได้ถึง 80°C ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ควรเติมในช่วงที่เย็นตัวลงแล้วเช่นกัน
• สารกันเสีย: คุณใช้ Mild Preserved Eco ที่ 1% คำอธิบายระบุว่าสำหรับสูตรที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติจำนวนมากหรือมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสูง (เช่น สูตรที่มีสารสกัดและส่วนผสมจากสัตว์อย่าง Sheep Placenta) อาจต้องใช้ในอัตราที่สูงขึ้นคือ 1.5-2% เมื่อพิจารณาจากความซับซ้อนและส่วนผสมในสูตรของคุณ แนะนำอย่างยิ่งให้เพิ่ม Mild Preserved Eco เป็น 1.5% หรือ 2% เพื่อให้แน่ใจว่ามีการป้องกันจุลชีพที่เพียงพอ จำเป็นต้องทำการทดสอบ Challenge Test เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของระบบสารกันเสียในสูตรสุดท้ายของคุณ

โดยสรุป สูตรของคุณมีการผสมผสานส่วนผสมที่ดี จุดสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญคือ การปรับค่า pH สุดท้ายให้ถูกต้อง (ควรอยู่ในช่วง pH 4.0-6.5), การเติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อนในช่วงที่สูตรเย็นตัวลง และการพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นของ Mild Preserved Eco เป็น 1.5-2% หลังจากทำการทดสอบ Challenge Test เพื่อยืนยันประสิทธิภาพ