การตรวจสอบสูตรครีมบำรุงผิวของคุณ

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรครีมและคำถามของคุณค่ะ เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณได้ทำสกินแคร์ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของผิวคุณ สูตรของคุณมีส่วนผสมที่มีประโยชน์มากมายสำหรับผิวผสม แพ้ง่าย ซึ่งมีปัญหาริ้วรอย รูขุมขนกว้าง และผิวแห้ง

นี่คือการตรวจสอบสูตรของคุณและคำตอบสำหรับคำถามของคุณค่ะ:

การตรวจสอบสูตร

สูตรของคุณมีส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ดีที่มุ่งเน้นไปที่ปัญหาผิวของคุณ:

• ลดเลือนริ้วรอย/ต่อต้านริ้วรอย: DMAE, Wrinkle Fill, BaicaVital, Safe B3, Double Hyaluron Liquid, Phytosterols
• ควบคุมความมัน/กระชับรูขุมขน: Safe B3, Vitamin B6
• ให้ความชุ่มชื้น/ลดผิวแห้ง: Safe B3, n-acetyl glucosamine, Vitamin B5, Double Hyaluron Liquid, Phytosterols
• ลดการระคายเคือง/ปลอบประโลมผิว: Chamomile extract, Safe B3, Vitamin B5, Phytosterols

เปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมส่วนใหญ่อยู่ในช่วงที่แนะนำ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่า:

• DMAE (10%): แม้ว่า DMAE จะมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว แต่ความเข้มข้น 10% ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสำหรับผิวแพ้ง่าย คำอธิบายผลิตภัณฑ์แนะนำที่ 3% และระบุว่าการใช้เกิน 5% อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ คุณอาจพิจารณาลดความเข้มข้นลงเหลือ 3-5% เพื่อลดความเสี่ยงในการแพ้หรือระคายเคือง
• Vitamin B5 (5%): อยู่ในช่วงการใช้งานที่แนะนำ แต่ที่ความเข้มข้น 5% อาจทำให้เนื้อครีมสุดท้ายมีความเหนอะหนะเล็กน้อยได้
• DOUBLE HYA (4%): สำหรับบริเวณผิวที่แห้งมาก โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ Double Hyaluron Liquid ที่ความเข้มข้นสูงขึ้น (5-10%) เพื่อให้ความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
• Phytosterol (10%): เป็นเปอร์เซ็นต์ที่ดีสำหรับผิวแห้ง อย่างไรก็ตาม ส่วนของน้ำมันทั้งหมดในสูตรของคุณมีเพียง 10% (Phytosterol) Light Cream Maker สามารถอิมัลชันน้ำมันได้ถึง 20% แม้ว่าส่วนของน้ำมันที่น้อยลงจะทำให้ได้เนื้อครีมที่บางเบา ซึ่งอาจเหมาะสำหรับบริเวณทีโซนที่มัน แต่ก็อาจไม่ให้ความชุ่มชื้นเพียงพอสำหรับบริเวณยูโซนที่แห้งมาก คุณอาจพิจารณาเพิ่มส่วนของน้ำมันเล็กน้อยโดยการเพิ่มน้ำมันตัวอื่นหากจำเป็น แต่จะต้องปรับลดเปอร์เซ็นต์ของส่วนน้ำลง

คำตอบสำหรับคำถามของคุณ

1. การละลายของ Phytosterol: ใช่ค่ะ Phytosterol ละลายในน้ำมัน คุณเข้าใจถูกต้องแล้วว่าต้องใช้น้ำมันเป็นตัวทำละลาย คุณสามารถใช้น้ำมันเช่น Fractionated Coconut Oil หรือ Sweet Almond Oil ได้ เนื่องจากสูตรของคุณใช้ Phytosterol เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำมันที่ 10% คุณจะผสม Phytosterol ในส่วนของน้ำมัน ปริมาณน้ำมันที่ต้องใช้คือเปอร์เซ็นต์ที่คุณกำหนดไว้สำหรับส่วนของน้ำมัน ซึ่งในสูตรปัจจุบันของคุณคือ 10% Phytosterol

2. การใส่ Light Cream Maker: คำอธิบายผลิตภัณฑ์ Light Cream Maker ระบุว่าสามารถผสมในส่วนของน้ำมัน หรือในส่วนของน้ำ (หากไม่มีส่วนของน้ำมัน) วิธีทั่วไปสำหรับอิมัลซิไฟเออร์แบบ Cold Process เช่นนี้คือการผสมลงในส่วนของน้ำมัน แล้วจึงนำส่วนของน้ำมันมาผสมกับส่วนของน้ำ

3. การใส่ DMAE: ใช่ค่ะ คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว DMAE ควรใส่ในขั้นตอนสุดท้าย หลังจากที่เนื้อครีมได้ก่อตัวขึ้นแล้วและมีอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C เนื่องจาก DMAE เป็นอิเล็กโทรไลต์ การใส่ก่อนหน้านี้อาจรบกวนกระบวนการอิมัลชันและทำให้เนื้อครีมเหลวได้ คุณอาจต้องค่อยๆ ใส่ทีละน้อยและคนให้เข้ากันดี

4. การใส่สารกันเสีย: ใช่ค่ะ คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว Mild Preserved Eco ควรใส่เป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากที่เนื้อครีมได้ก่อตัวเต็มที่และเย็นลงแล้ว จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อผสมลงในผลิตภัณฑ์ที่ทำเสร็จแล้ว

ขั้นตอนการผสมที่แนะนำ

จากคุณสมบัติของส่วนผสมของคุณ นี่คือขั้นตอนการผสมที่แนะนำ:

1. ส่วนน้ำ: รวมน้ำกับส่วนผสมที่ละลายในน้ำที่ไม่มีความไวต่อความร้อนหรืออิเล็กโทรไลต์ในขั้นต้น ซึ่งได้แก่ n-acetyl glucosamine, Vitamin B5, Double Hyaluron Liquid และ Chamomile extract ผสมจนละลายเข้ากัน
2. ส่วนน้ำมัน: รวม Phytosterol กับ Light Cream Maker ผสมให้เข้ากันดี
3. การทำอิมัลชัน: ค่อยๆ เทส่วนของน้ำมันลงในส่วนของน้ำพร้อมกับคนอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเนื้อครีมก่อตัวขึ้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผสมเข้ากันดีเพื่อให้ได้เนื้อครีมที่เนียน
4. ใส่ส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ไวต่อความร้อน/อิเล็กโทรไลต์: เมื่อเนื้อครีมก่อตัวขึ้นและอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C ให้ค่อยๆ ใส่ส่วนผสมที่ละลายในน้ำที่เหลือทีละตัว โดยผสมให้เข้ากันดีหลังจากการใส่แต่ละครั้ง ซึ่งได้แก่ DMAE, Wrinkle Fill, BaicaVital, Safe B3, Tomato Extract และ Vitamin B6 เนื่องจาก DMAE และ Vitamin B6 เป็นอิเล็กโทรไลต์ อาจทำให้เนื้อครีมเหลวลง หากเกิดเหตุการณ์นี้ คุณสามารถเพิ่ม Light Cream Maker อีกเล็กน้อย (เช่น 0.5-1%) และผสมเพื่อปรับความข้นตามที่คุณต้องการได้ ตามคำแนะนำของ Light Cream Maker สำหรับสูตรที่มีอิเล็กโทรไลต์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C ก่อนใส่ DMAE, Tomato Extract และ Tomato Extract และต่ำกว่า 60°C ก่อนใส่ BaicaVital
5. ใส่สารกันเสีย: ใส่ Mild Preserved Eco เป็นขั้นตอนสุดท้ายและผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึง
6. ตรวจสอบขั้นสุดท้าย: ตรวจสอบค่า pH ของครีมสุดท้ายของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสม (โดยทั่วไป pH 4-7 เหมาะสำหรับส่วนผสมออกฤทธิ์ส่วนใหญ่)

การทำตามขั้นตอนเหล่านี้และพิจารณาการปรับเปลี่ยนที่แนะนำ จะช่วยให้คุณสร้างครีมที่มีประโยชน์สำหรับสภาพผิวของคุณได้ อย่าลืมทำการทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนทาครีมทั่วใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากคุณมีผิวแพ้ง่าย

ขอให้ประสบความสำเร็จกับการทำสูตรของคุณนะคะ!