ตรวจสอบสูตรครีม/โลชั่นให้ความชุ่มชื้น: สารกันเสียและความร้อนที่จำเป็น
คำถาม
รบกวนตรวจสอบสูตรที่เน้นให้ผิวชุ่มชื่น ซึ่งมีส่วนประกอบดังนี้: Aqua, Caprylic/capric triglyceride, Glycerin, Hydrogenated Lecithin, butyrospermum parkii butter, Squalane, Ceramide 3, Jojoba Oil อยากทราบว่าต้องใส่สารกันเสียเพิ่มไหม ต้องใช้ความร้อนเป็นตัวทำละลาย หรือควรเติมสารอื่นเพิ่มเพื่อเสริมการให้ความชุ่มชื้นหรือไม่
คำตอบ
การตรวจสอบสูตรเพื่อผิวชุ่มชื้น
สูตรของคุณมีส่วนประกอบหลายอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและเสริมเกราะป้องกันผิว:
- Glycerin: เป็นสาร Humectant ที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว
- Caprylic/Capric Triglyceride, Shea Butter, Squalane, และ Jojoba Oil: เป็นสาร Emollients และ Occlusives ที่ช่วยให้ผิวนุ่มนวล ลดการสูญเสียน้ำ และให้ความรู้สึกเรียบเนียน
- Ceramide 3: เป็นส่วนประกอบสำคัญของเกราะป้องกันผิว ซึ่งจำเป็นต่อการกักเก็บความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสิ่งระคายเคืองภายนอก
- Hydrogenated Lecithin: สามารถทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์และช่วยในการนำพาสารอื่นๆ เข้าสู่ผิว
การผสมผสานนี้ให้ทั้งคุณสมบัติ Humectant (ดึงความชื้น) และ Emollient/Occlusive (กักเก็บความชุ่มชื้นและทำให้ผิวเรียบเนียน) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้น
จำเป็นต้องใส่สารกันเสียเพิ่มหรือไม่?
ใช่ เนื่องจากสูตรของคุณมีส่วนประกอบของน้ำ (Aqua) จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ระบบสารกันเสียแบบ Broad-spectrum สูตรที่มีน้ำมีแนวโน้มที่จะเกิดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ซึ่งอาจทำให้ผลิตภัณฑ์เสียและเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ คุณควรเลือกสารกันเสียที่เหมาะสมกับช่วง pH ที่ต้องการและเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ อาจพิจารณาใช้ Mild Preserved™ COS หรือ NaturePreserve™ Ultra แต่ควรตรวจสอบอัตราการใช้ที่ผู้จำหน่ายแนะนำและข้อจำกัดในการเข้ากันได้เสมอ
ต้องใช้ความร้อนเป็นตัวทำละลายหรือไม่?
ใช่ ส่วนผสมบางอย่างในสูตรของคุณต้องใช้ความร้อนในการละลายในส่วนของน้ำมันอย่างเหมาะสม:
- Shea Butter: โดยทั่วไปต้องให้ความร้อนถึง 60-70°C เพื่อให้ละลายและเข้ากันได้ดี
- Ceramide 3: ละลายได้ดีในน้ำมันที่อุณหภูมิ 75°C หรือสูงกว่า
ดังนั้น คุณจะต้องให้ความร้อนส่วนของน้ำมันที่มี Shea Butter, Ceramide 3, Caprylic/Capric Triglyceride, Squalane, Hydrogenated Lecithin, และ Jojoba Oil ถึงอย่างน้อย 75°C เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างละลายหมดก่อนที่จะนำไปผสมกับส่วนของน้ำ
ควรเพิ่มสารอื่นอีกหรือไม่?
สูตรปัจจุบันนี้ดีอยู่แล้วสำหรับการให้ความชุ่มชื้น อย่างไรก็ตาม เพื่อเสริมคุณสมบัติในการดึงดูดน้ำให้ดียิ่งขึ้น คุณอาจพิจารณาเพิ่ม Hyaluronic Acid ไฮยาลูรอนิกแอซิดที่มีโมเลกุลขนาดต่างกันจะให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การให้ความชุ่มชื้นบนพื้นผิวไปจนถึงการซึมซาบที่ลึกขึ้น การเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Vitamin E ก็สามารถให้ประโยชน์เพิ่มเติมในการปรับสภาพผิวและช่วยปกป้องน้ำมันในสูตรของคุณได้
ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการทั่วไป
การทำสูตรนี้มักจะเกี่ยวข้องกับการเตรียมส่วนของน้ำมันที่ให้ความร้อนและส่วนของน้ำที่ให้ความร้อนแยกกัน จากนั้นนำมารวมกันโดยใช้วิธี Emulsification เพื่อสร้างครีมหรือโลชั่นที่คงตัว สารกันเสียมักจะถูกเติมในระหว่างขั้นตอนการเย็นตัว ตามคำแนะนำของผู้จำหน่าย
ปฏิบัติตามหลักการผลิตที่ดีเสมอ และทดสอบความคงตัวและประสิทธิภาพของสารกันเสียในผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายของคุณ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Jojoba Oil (Golden - Deodorized)

Squalane (Olive)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Glycerin (USP/Food Grade)

Fractionated Coconut Oil

Shea Butter (Ultra Soft)

Hyaluronic Acid (Large Molecule)

4D Hyaluronic Acid

Ceramide 3 (Ceramide NP)

Hydrogenated Lecithin (95% Phosphatidylcholine)

Caprylic/Capric Triglyceride (e.q. Myritol 318)
