ตรวจสอบสูตรดูแลฝ้าเลือด
คำถาม
มีสูตรสำหรับดูแลฝ้าที่เชื่อว่าเป็น 'ฝ้าเลือด' (เกิดจากประจำเดือนไม่ปกติ/ฮอร์โมน) และไปพบแพทย์แล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น อยากสอบถามว่าสูตรนี้สามารถนำไปใช้ได้หรือไม่คะ
สูตรมีส่วนประกอบดังนี้ค่ะ:
- Azelaic Acid (Liquid Azelaic™) 10%
- Tranexamic Acid (Trans-White™) 5%
- Vitamin C (L-ascorbic acid, Ultra-Fine) 15%
- Panthenol (Pro Vitamin B5) 5%
- Disodium EDTA 0.2%
- emulPearl™ 1%
- น้ำ > 60%
คำตอบ
หัวข้อ: การตรวจสอบสูตรฝ้า
ขอบคุณที่ส่งสูตรมาให้ตรวจสอบค่ะ เข้าใจว่าคุณกำลังมองหาวิธีดูแลฝ้าของคุณแม่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝ้าเลือดและยังไม่ดีขึ้นหลังจากการปรึกษาแพทย์
จากส่วนผสมและความเข้มข้นที่แจ้งมา มีข้อสังเกตดังนี้ค่ะ:
- Azelaic Acid (Liquid Azelaic™) (10%): ส่วนผสมนี้มีคุณสมบัติช่วยลดจุดด่างดำ ปรับผิวให้กระจ่างใส และควบคุมความมัน ความเข้มข้น 10% อยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับการดูแลฝ้าและควบคุมความมัน
- Tranexamic Acid (Trans-White™) (5%): Tranexamic Acid ช่วยลดการสร้างเม็ดสี และนิยมใช้กับฝ้าที่เกิดจากแสงแดด อย่างไรก็ตาม ความเข้มข้น 5% เกินกว่าที่กฎหมายเครื่องสำอางกำหนด (โดยทั่วไปไม่เกิน 3%) และจะต้องจดแจ้งเป็นยา แม้ Tranexamic Acid อาจมีผลช่วยเรื่องเส้นเลือดฝอยในบางกรณี แต่การทำงานหลักคือการลดเม็ดสี
- Vitamin C (L-ascorbic acid, Ultra-Fine) (15%): L-ascorbic acid เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและกระตุ้นคอลลาเจน อย่างไรก็ตาม L-ascorbic acid ไม่เสถียรอย่างยิ่งในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (สูตรนี้มีน้ำมากกว่า 60%) และต้องการค่า pH ที่ต่ำมาก (ประมาณ 3.5) เพื่อให้มีประสิทธิภาพและคงตัว การทำให้ค่า pH ต่ำขนาดนั้นในขณะที่ส่วนผสมอื่น เช่น Azelaic Acid และ Tranexamic Acid มีช่วง pH ที่เหมาะสมต่างกัน เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก หากไม่มีการทำให้คงตัวอย่างเหมาะสม Vitamin C จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วและไม่ได้ผล
- Panthenol (Pro Vitamin B5) (5%): Panthenol ช่วยให้ความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว และเสริมเกราะป้องกันผิว ความเข้มข้น 5% อยู่ในระดับค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนียวเหนอะหนะได้
- Disodium EDTA (0.2%): เป็นสารคีเลต ช่วยจับไอออนในน้ำเพื่อเพิ่มความคงตัวของสูตร ความเข้มข้น 0.2% อยู่ในช่วงที่ใช้ทั่วไป
- emulPearl™ (1%): ส่วนผสมนี้เป็นสารที่ทำให้เกิดประกายมุก นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น สบู่ แชมพู เพื่อความสวยงาม ไม่มีคุณสมบัติในการรักษาฝ้า และไม่เหมาะที่จะใช้ในเซรั่มหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบไม่ต้องล้างออก
สรุปการประเมิน:
สูตรที่คุณเสนอมา แม้จะมีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องเม็ดสี (Azelaic Acid, Tranexamic Acid, Vitamin C) แต่มีปัญหาสำคัญในการพัฒนาสูตรและข้อควรพิจารณาอื่นๆ ดังนี้ค่ะ:
- ความคงตัวและการเข้ากันได้ของส่วนผสม: การผสม L-Ascorbic Acid ความเข้มข้นสูง (ซึ่งต้องการ pH ต่ำ) กับ Azelaic Acid และ Tranexamic Acid (ซึ่งมีช่วง pH ที่เหมาะสมต่างกัน) ในสูตรน้ำ เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คงตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ Vitamin C มีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
- ความเข้มข้นของ Tranexamic Acid: ความเข้มข้น 5% เกินกว่าที่อนุญาตในเครื่องสำอาง
- ส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม: emulPearl™ ไม่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าแบบไม่ต้องล้างออก
- การดูแลฝ้าเลือด: แม้ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเรื่องเม็ดสีได้ แต่ฝ้าเลือดมักเกี่ยวข้องกับปัญหาเส้นเลือดฝอย ซึ่งส่วนผสมที่เน้นลดเม็ดสีเพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้ผลเต็มที่
ดังนั้น สูตรนี้ตามที่แจ้งมา ไม่แนะนำให้ใช้ เนื่องจากปัญหาด้านความคงตัว ข้อจำกัดทางกฎหมายเกี่ยวกับความเข้มข้นของ Tranexamic Acid และการมีส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม
การดูแลฝ้าเลือดอาจมีความซับซ้อน โดยเฉพาะหากมีปัญหาเส้นเลือดฝอยเป็นหลัก ในเมื่อการปรึกษาแพทย์ทั่วไปยังไม่เห็นผล อาจลองปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญด้านฝ้าหรือปัญหาเส้นเลือดบนใบหน้าโดยเฉพาะ เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ตรงจุดกับสาเหตุของฝ้าค่ะ
หากต้องการทำสูตรเพื่อดูแลปัญหาเม็ดสี อาจพิจารณาการใช้ส่วนผสมที่คงตัวกว่า หรือใช้ Vitamin C ในรูปแบบอนุพันธ์ที่เสถียรและเข้ากับสูตรน้ำได้ง่ายกว่าค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Disodium EDTA

Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)

emulPearl™ (Pearlizer, Dispersed Liquid)
