ตรวจสอบสูตรสบู่เหลว: ปัญหาวิตามินซีไม่เสถียรและน้ำหอมสูง

ถามโดย: tinnawith เมื่อ: August 18, 2021 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สวัสดีครับ รบกวนทีมงานตรวจสอบสูตรครับ สูตรสบู่เหลว เพิ่มความกระจ่างใส ลดรอยดำสำหรับผิวธรรมดาและผิวมัน: DI Water 31.00%, Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine) 15.00%, Potassium Laurate (30%) 10.00%, English Pear & Freesia 10.00%, emulPearl 5.00%, Glycerin 99.5% 5.00%, GlucoBright™ (Acetyl glucosamine) 4.00%, Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide) 4.00%, Lemon Peel Bioferment 3.00%, Lemon Freshy 3.00%, Natural Betaine 3.00%, Ascorbyl Glucoside (AA-2G stabilized vitamin c) 2.00%, Poly-Conditioner Eco 2.00%, Vitamin E (Tocopheryl Acetate) Water-Soluble 1.70%, PaeoniaPreserve™ 1.00%, Protec™ UV (Benzotriazolyl Dodecyl p-Cresol) 0.05%, Protec™ OX (Pentaerythrityl tetra-di-t-butyl hydroxyhydrocinnamate) 0.05%, Disodium EDTA 0.20%. สูตรสามารถผสมได้ไหมครับ??? ขอบคุณครับ

คำตอบ

สวัสดีครับ ขอบคุณที่ส่งสูตรเข้ามาให้ตรวจสอบนะครับ

สูตรที่คุณให้มามีส่วนผสมที่ดีหลายตัวที่ช่วยเรื่องความกระจ่างใสและลดรอยดำครับ เช่น Vitamin C (ทั้ง L-ascorbic acid และ Ascorbyl Glucoside), Niacinamide, Acetyl Glucosamine, Lemon Peel Bioferment และ Paeonia Suffruticosa Root Extract

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพิจารณาที่สำคัญสำหรับสูตรนี้ครับ:

  1. ความไม่เสถียรของ Vitamin C (L-ascorbic acid) ในเบสสบู่: L-ascorbic acid (วิตามินซีบริสุทธิ์) 15% เป็นความเข้มข้นที่สูงมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการบำรุงผิว แต่ L-ascorbic acid มีความไม่เสถียรสูงมากเมื่ออยู่ในน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่เป็นด่าง ซึ่งเบสสบู่ (Potassium Laurate) โดยทั่วไปจะมีค่า pH เป็นด่าง (ประมาณ 8-10) การนำ L-ascorbic acid มาผสมในเบสสบู่ด่างจะทำให้วิตามินซีสลายตัวอย่างรวดเร็วและสูญเสียประสิทธิภาพไปอย่างมากครับ แม้จะมี Ascorbyl Glucoside ซึ่งเป็นวิตามin ซีที่เสถียรกว่ารวมอยู่ด้วย แต่ค่า pH ที่สูงก็ยังคงส่งผลกระทบต่อความเสถียรได้
  2. ปริมาณน้ำหอมที่สูง: ปริมาณน้ำหอมรวม (English Pear & Freesia 10% + Lemon Freshy 3%) สูงถึง 13% ซึ่งสูงกว่าปริมาณที่แนะนำโดยทั่วไปสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว (wash-off product) มากครับ ปริมาณน้ำหอมที่สูงขนาดนี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายครับ

สรุป:

สูตรนี้ สามารถผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันได้ทางกายภาพ ครับ แต่ ไม่แนะนำ ให้ใช้สูตรนี้หากต้องการประสิทธิภาพจาก L-ascorbic acid อย่างเต็มที่ เนื่องจากวิตามินซีจะสลายตัวอย่างรวดเร็วในเบสสบู่ที่เป็นด่าง ทำให้ไม่เห็นผลเรื่องความกระจ่างใสเท่าที่ควร และปริมาณน้ำหอมที่สูงมากก็เป็นข้อกังวลเรื่องการระคายเคืองครับ

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • หากต้องการใช้ L-ascorbic acid เพื่อผิวขาวใส ควรนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นที่มีค่า pH เป็นกรด (ต่ำกว่า 3.5) เช่น เซรั่ม หรือครีม
  • หากต้องการทำสบู่เหลวเพื่อความกระจ่างใส สามารถปรับสูตรโดยใช้ส่วนผสมที่เสถียรในสภาวะด่างได้ดีกว่า เช่น Niacinamide, Acetyl Glucosamine, Ascorbyl Glucoside และสารสกัดต่างๆ โดยอาจลดหรือตัด L-ascorbic acid ออกไป
  • ปรับลดปริมาณน้ำหอมลงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผิว (โดยทั่วไปไม่เกิน 1-2% สำหรับ wash-off product)

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงสูตรนะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติมสอบถามได้เลยครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
เครื่องสำอาง
Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
เครื่องสำอาง
emulPearl™ (Pearlizer, Flakes/Pellets)
emulPearl™ (Pearlizer, Flakes/Pellets)
เครื่องสำอาง
Poly-Conditioner Eco
Poly-Conditioner Eco
เครื่องสำอาง
Potassium Laurate (30%)
Potassium Laurate (30%)
เครื่องสำอาง