ตรวจสอบสูตรเซรั่มและคำถาม
ถามโดย: officialpon
เมื่อ: April 07, 2017
ประเภทผลิตภัณฑ์:
เครื่องสำอาง
คำถาม
เกี่ยวกับสูตรเซรั่มที่มีส่วนประกอบดังนี้:
- Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
- Safe-B3 (Niacinamide)
- AA2G (Ascorbyl Glucoside)
- Zinc PCA
- Licorice Extract (Licochalcone A)
- Dipotassium Glycyrrhizate
- Pro Polymer
มีคำถามหลายข้อดังนี้:
- ต้องการทำให้เนื้อสูตรข้นขึ้น การเพิ่ม Hyaluronic Acid (Standard Molecule) จะช่วยได้หรือไม่ และต้องใช้ความเข้มข้นเท่าใดจึงจะขึ้นเนื้อเจลได้? การใช้ HA ในความเข้มข้นสูงเพื่อเพิ่มความข้นมีข้อเสียอย่างไรบ้าง?
- จริงหรือไม่ที่ B3 (Niacinamide) และ AA2G (Ascorbyl Glucoside) ไม่ควรผสมรวมกันในสูตรเดียว? (อ้างอิงจากข้อมูลที่เคยเห็นเกี่ยวกับแบรนด์อื่น เช่น Paula's Choice)
- สามารถเก็บเซรั่มสูตรนี้ในขวดใสได้หรือไม่?
- หากต้องการทาเซรั่มนี้บริเวณรอบดวงตา ต้องปรับลดความเข้มข้นของส่วนผสมใดหรือไม่? ถ้ามี คือส่วนผสมใดและควรลดเหลือความเข้มข้นเท่าใด?
- ลำดับการผสมส่วนผสมต่างๆ ควรเป็นอย่างไร โดยเฉพาะผง Hyaluronic Acid Standard?
- ช่วยเปรียบเทียบระหว่าง Licorice Extract (Licochalcone A) และ Dipotassium Glycyrrhizate ในด้านการลดการระคายเคืองและการควบคุมความมัน ทั้งสองตัวแตกต่างกันอย่างไร และตัวใดถือว่าดีกว่าในการลดการระคายเคืองเพียงอย่างเดียว?
- สูตรนี้เหมาะสมกับผิวมันหรือไม่?
คำตอบ
หัวข้อ: ตรวจสอบสูตรเซรั่ม
ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรเซรั่มและคำถามครับ จากส่วนผสมและการตอบกลับก่อนหน้านี้:
- ความเข้ากันได้ของ B3 (Niacinamide) และ AA2G (Ascorbyl Glucoside): ตามข้อมูลที่มีอยู่ B3 (Safe-B3) และ AA2G ไม่ควรผสมรวมกันในสูตรเดียวกัน ทางทีมงานไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับสูตรของแบรนด์อื่นอย่าง Paula's Choice ได้ครับ
- การเก็บในขวดใส: โดยทั่วไปแล้วไม่แนะนำให้เก็บเซรั่มในขวดใส โดยเฉพาะส่วนผสมที่ไวต่อแสง เช่น AA2G (อนุพันธ์วิตามินซี) การโดนแสงอาจทำให้ส่วนผสมเหล่านี้เสื่อมสภาพและลดประสิทธิภาพลง ควรเก็บเซรั่มในขวดทึบแสงหรือขวดสีชา และหลีกเลี่ยงแสงโดยตรงครับ
- การทารอบดวงตา: ทีมงานแนะนำให้ลดความเข้มข้นของส่วนผสมบางชนิดหากต้องการทารอบดวงตา เนื่องจากผิวบริเวณนี้บอบบางกว่า สำหรับสูตรของคุณ ทีมงานแนะนำให้ลด Safe-B3 (Niacinamide) จาก 10% เหลือ 2-3% และ Zinc PCA จาก 1% เหลือ 0.5% สำหรับใช้รอบดวงตาครับ
- ลำดับการผสมและการสร้างเนื้อเจล:
- เกี่ยวกับลำดับการผสม HA Standard แม้ว่าคุณจะสามารถผสมของเหลวทั้งหมดก่อนแล้วค่อยเติม HA ในภายหลังได้ แต่ทีมงานระบุว่าการละลาย HA จะทำได้ยากกว่าการละลายส่วนผสมที่เป็นผงในน้ำก่อน
- ทีมงานยังชี้แจงว่า HA Standard 0.1% ไม่เพียงพอที่จะสร้างเนื้อเจล สูตรจะยังคงเหลวเหมือนน้ำ การเพิ่ม HA Standard เป็น 0.2-0.3% อาจทำให้ข้นขึ้นเล็กน้อย แต่อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะและมีต้นทุนสูงเกินความจำเป็น
- เพื่อให้ได้เนื้อเจลที่เหมาะสมสำหรับผิวมัน ทีมงานแนะนำให้ใช้สารสร้างเนื้อเจลโดยเฉพาะ เช่น Pro Polymer ที่ความเข้มข้น 0.5-1.0% ครับ
- Licorice Extract (Licochalcone A) vs. Dipotassium Glycyrrhizate: ทั้งสองชนิดสกัดมาจากชะเอมเทศและช่วยลดการระคายเคืองได้เหมือนกัน Licochalcone A มีข้อดีเพิ่มเติมคือช่วยควบคุมความมันของผิวได้ ส่วน Dipotassium Glycyrrhizate โดยทั่วไปมีราคาถูกกว่า หากเป้าหมายหลักของคุณคือการลดการระคายเคืองและไม่ต้องการคุณสมบัติควบคุมความมัน Dipotassium Glycyrrhizate เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าครับ ทีมงานไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าชนิดใดลดการระคายเคืองได้ดีกว่ากันหากไม่มีผลการวิจัยเปรียบเทียบ
- ความเหมาะสมสำหรับผิวมัน: ใช่ สูตรนี้ถือว่าเหมาะสมสำหรับผิวมัน อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไปเรื่องเนื้อเจล คุณควรเพิ่มสารสร้างเนื้อเจล เช่น Pro Polymer (0.5-1.0%) เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่สะดวกในการทามากขึ้น เนื่องจาก HA Standard 0.1% จะไม่สร้างเนื้อเจลครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง

Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง

Zinc PCA
เครื่องสำอาง

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
เครื่องสำอาง

Dipotassium Glycyrrhizate (DPG, High Purity)
เครื่องสำอาง