การตรวจสอบสูตรและคำแนะนำ

สูตรที่คุณให้มาเป็นสูตรพื้นฐานที่เป็น Water-based gel ซึ่งส่วนผสมส่วนใหญ่เข้ากันได้ดีและละลายในน้ำได้ เหมาะสำหรับทำเป็นเซรั่มหรือเจลบำรุงผิว

1. สูตรนี้สามารถผสมได้ไหมคะ มีตัวไหนควรตัดหรือควรเพิ่มสารตัวไหนเข้าไปในสูตร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและผิวสัมผัสในการใช้ที่ซึมเร็ว ทาง่าย ไม่เหนอะหนะ ไม่หนักหน้า

• ความเข้ากันได้: ส่วนผสมส่วนใหญ่ในสูตรสามารถเข้ากันได้และผสมได้
• ผลลัพธ์: ส่วนผสมที่เลือกมามีคุณสมบัติที่ช่วยเรื่องลดริ้วรอย (Pep®-Coll, Vitamin B3, GlucoBright), ให้ความชุ่มชื้น (Rose Petal Water, Allantoin, Panthenol, GlucoBright), และผิวกระจ่างใส (Vitamin B3, GlucoBright, EGCG) ซึ่งตรงกับความต้องการของคุณ
• ผิวสัมผัส:
  • Aristoflex AVC ที่ 1% จะให้เนื้อเจลที่ชัดเจน
  • DMAE ที่ 5% และ Panthenol ที่ 3% อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหนึบผิวได้ เนื่องจากเป็นอัตราการใช้ที่ค่อนข้างสูงในกลุ่มที่อาจทำให้เกิดความเหนอะหนะได้
  • Rose (Rosa Damascena) Extract ที่ 5% เป็นสารสกัดที่เน้นเรื่องกลิ่นเป็นหลัก ไม่ได้มีผลวิจัยรองรับด้านประสิทธิภาพต่อผิวโดยตรง หากต้องการเน้นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจพิจารณาตัดออกหรือลดปริมาณลง หรือแทนที่ด้วยสารสกัดจากกุหลาบชนิดที่มีการวิจัยรองรับด้านประสิทธิภาพ
  • 1,2-Hexanediol ที่ 3% ช่วยเรื่องการนำพาสารเข้าสู่ผิวและให้ความชุ่มชื้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมได้ดีขึ้น
• คำแนะนำเพื่อปรับปรุงผิวสัมผัส: หากต้องการให้ซึมเร็ว ทาง่าย ไม่เหนอะหนะ ไม่หนักหน้า ควรพิจารณาปรับลดปริมาณ DMAE ลงมาที่ 3% ตามคำแนะนำการใช้ หรือลด Panthenol ลงมาที่ 1-2% เพื่อลดความเหนอะหนะที่อาจเกิดขึ้นได้

2. สูตรนี้ ต้องการให้ช่วยในเรื่องลดริ้วรอย ผิวนุ่มชุ่มชื่นและให้ผิวกระจ่างใส ต้องเพิ่มหรือลดสารตัวไหนอีกไหมคะ

• สูตรนี้มีส่วนผสมหลักที่ตอบโจทย์ทั้ง 3 ด้านอยู่แล้ว ได้แก่
  • ลดริ้วรอย: Pep®-Coll, DMAE, Vitamin B3, GlucoBright
  • ผิวนุ่มชุ่มชื้น: Rose Petal Water, Allantoin, Panthenol, GlucoBright
  • ผิวกระจ่างใส: Vitamin B3, GlucoBright, EGCG
• ปริมาณที่ใช้ของสารออกฤทธิ์หลัก เช่น Pep®-Coll 3%, Vitamin B3 3%, GlucoBright 4% ถือเป็นปริมาณที่แนะนำและมีประสิทธิภาพตามข้อมูลของสารนั้นๆ
• EGCG ที่ 2% เป็นสารที่รู้จักในด้านการต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และช่วยเรื่องความกระจ่างใสได้เช่นกัน
• โดยรวมแล้ว สูตรนี้มีส่วนผสมที่ครอบคลุมเป้าหมายที่ต้องการได้ดี ไม่จำเป็นต้องเพิ่มหรือลดสารออกฤทธิ์หลักเพื่อเป้าหมายเหล่านี้โดยเฉพาะ แต่การปรับปริมาณ DMAE และ Panthenol อาจช่วยเรื่องผิวสัมผัสได้ตามที่กล่าวในข้อ 1

3. ในสูตรนี้ ต้องใส่สารกันเสียอีกไหมคะ

• จำเป็นต้องใส่สารกันเสีย เนื่องจากสูตรนี้เป็น Water-based formula ซึ่งเป็นสภาวะที่เชื้อจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ดี
• แม้ว่า Rose Petal Water บางชนิดอาจมีสารกันเสียผสมมาแล้ว และ 1,2-Hexanediol ที่ 3% จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของสารกันเสียได้ แต่ปริมาณสารกันเสียที่มีมาใน Rose Petal Water อาจไม่เพียงพอที่จะควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อในสูตรทั้งหมดที่มีส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเข้ามา
• ควรเลือกใช้สารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่ครอบคลุมทั้งแบคทีเรีย ยีสต์ และรา และทดสอบความเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ ในสูตร

4. ระหว่าง 1,2-Hexanediol (Super-Purified, Odorless) 3% และ Ethoxydiglycol 2% ควรใช้ตัวไหนคะ

• 1,2-Hexanediol ที่ 3% เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสูตรนี้
• เหตุผล:
  • ให้ประโยชน์หลายอย่างในตัวเดียว ทั้งเป็นตัวทำละลาย ช่วยนำพาสารเข้าสู่ผิว (Penetration Enhancer) เป็น Humectant ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเป็น Preservative Booster ช่วยเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย
  • ที่ความเข้มข้น 3% เหมาะสมกับการเป็น Preservative Booster และช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและการนำพาสาร
  • เป็นชนิด Super-Purified, Odorless จึงไม่รบกวนกลิ่นของสูตร
• Ethoxydiglycol เป็นตัวทำละลายและตัวนำพาสารที่ดีเช่นกัน แต่มีข้อจำกัดด้านอัตราการใช้ตามข้อกำหนดของ อย. และมีกลิ่นเฉพาะตัว
• ดังนั้น การใช้ 1,2-Hexanediol ที่ 3% ในสูตรนี้ให้ประโยชน์ที่หลากหลายและไม่มีข้อจำกัดด้านกลิ่นหรืออัตราการใช้เท่า Ethoxydiglycol

5. สูตรนี้หลังจากผสมแล้วต้องเก็บไว้ในตู้เย็นไหมคะและควรใส่กระปุก หรือขวดปั้มคะ

• การเก็บรักษา: แนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อช่วยรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์บางตัว เช่น Pep®-Coll และ EGCG ซึ่งข้อมูลระบุว่าควรเก็บในตู้เย็นเพื่อการเก็บรักษาในระยะยาว และ Rose Petal Water บางชนิดก็แนะนำให้เก็บในตู้เย็นเช่นกัน การเก็บในที่เย็นจะช่วยยืดอายุของผลิตภัณฑ์โดยรวมได้
• บรรจุภัณฑ์: ควรใส่ในขวดปั๊ม (Pump Bottle) บรรจุภัณฑ์แบบขวดปั๊มช่วยป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอกและลดการสัมผัสกับอากาศ ซึ่งช่วยรักษาความเสถียรและสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่าการใส่ในกระปุก

6. สูตรนี้ใช้การกวนมือในการผสมได้ไหมคะ ขอคำแนะนำขั้นตอนการผสมด้วยคะ

• การกวนมือ: สามารถใช้การกวนมือในการผสมได้ เนื่องจากส่วนผสมส่วนใหญ่ละลายในน้ำและ Aristoflex AVC สามารถขึ้นเนื้อเจลได้ด้วยการกวนในน้ำ
• ขั้นตอนการผสม (แนะนำ):
  1. ชั่งส่วนผสมทุกอย่างให้ถูกต้องตามสัดส่วน
  2. ในภาชนะที่สะอาด ใส่ Rose Petal Water (ส่วนของน้ำ)
  3. ทยอยเติมสารที่ละลายน้ำได้ลงไปทีละตัว ได้แก่ Allantoin, Vitamin B3, GlucoBright, Panthenol, 1,2-Hexanediol, EGCG, Pep®-Coll, DMAE กวนผสมให้เข้ากันดีจนสารละลายหมด (Allantoin อาจต้องใช้การกวนนานขึ้นเล็กน้อย หรืออาจอุ่นเบาๆ ไม่เกิน 40°C เพื่อช่วยละลาย แต่ต้องระวังสารออกฤทธิ์บางตัวที่ไวต่อความร้อน เช่น Pep®-Coll และ EGCG ควรเติมเมื่ออุณหภูมิต่ำลงแล้ว)
  4. ค่อยๆ โรย Aristoflex AVC ลงบนผิวของเหลวทีละน้อย พร้อมกับกวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ Aristoflex AVC กระจายตัวและขึ้นเนื้อเจล หลีกเลี่ยงการกวนแรงๆ ที่จะทำให้เกิดฟองอากาศมากเกินไป กวนจนเนื้อเจลเนียนเข้ากันดี
  5. เติม Rose (Rosa Damascena) Extract (ถ้ายังต้องการใช้) และสารกันเสียที่เลือกใช้ลงไป กวนผสมให้เข้ากัน
  6. ตรวจสอบและปรับค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับสารออกฤทธิ์ต่างๆ (โดยทั่วไปควรอยู่ในช่วง 4.0-6.5 เพื่อประสิทธิภาพและความเสถียรของสารส่วนใหญ่)
  7. กวนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวอีกครั้งก่อนบรรจุ

ข้อควรระวังเพิ่มเติม:

• ควรทำการทดสอบความเข้ากันได้ของสูตร (Stability Test) และการทดสอบประสิทธิภาพของสารกันเสีย (Challenge Test) หากต้องการผลิตเพื่อจำหน่าย
• ปริมาณการใช้สารออกฤทธิ์บางตัว (เช่น DMAE, Panthenol) ที่สูงอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ ควรทดลองทำในปริมาณน้อยๆ ก่อนเพื่อทดสอบผิวสัมผัสที่ต้องการ