การทำโลชั่นบำรุงผิวคล้าย Eucerin White Therapy ด้วยตนเอง

เข้าใจว่าคุณต้องการทำโลชั่นบำรุงผิวด้วยตนเองที่คล้ายกับ Eucerin White Therapy Body Lotion โดยเน้นที่เนื้อสัมผัส กลิ่นอ่อนๆ และคุณสมบัติหลัก โดยเฉพาะเรื่องความขาวจากสารสกัดชะเอมเทศ พร้อมทั้งควบคุมค่าใช้จ่าย

จากรายการส่วนประกอบที่คุณให้มาและกระทู้สนทนาที่เป็นประโยชน์ โลชั่น Eucerin นี้มีเบสที่ค่อนข้างเรียบง่าย และพึ่งพาคุณภาพและองค์ประกอบเฉพาะของสารสกัดจากรากชะเอมเทศ (Glycyrrhiza Inflata Root Extract) เป็นหลัก ได้แก่ Glabridin (สำหรับผิวขาว) และ Licochalcone A (สำหรับปลอบประโลมผิวและควบคุมความมัน)

นี่คือแนวทางในการทำโลชั่นที่คล้ายกันโดยใช้ส่วนผสมที่มีจำหน่ายที่ MySkinRecipes:

ส่วนประกอบเบสโลชั่น

เบสของโลชั่น Eucerin ประกอบด้วย:

• Mineral Oil (Paraffinum Liquidum): เป็นสารให้ความนุ่มลื่นพื้นฐาน ทำให้ผิวเรียบเนียนและช่วยลดการสูญเสียน้ำ MySkinRecipes มี Mineral Oil หลายความหนืด เช่น Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Light (26cst) หรือ Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Heavy (68cst)
• Cetearyl Alcohol: ทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มความข้นและช่วยให้เนื้อครีมคงตัว Cetearyl Alcohol (50/50, e.q. Lanette O) มีจำหน่าย
• ส่วนประกอบพื้นฐานอื่นๆ เช่น น้ำ (Aqua), Glycerine (สารให้ความชุ่มชื้น), สารประสานเนื้อครีม (Glyceryl Stearate SE, PEG-40 Castor Oil, Sodium Cetearyl Sulfate), สารเพิ่มความหนืด (Carbomer) และสารกันเสีย (Phenoxyethanol, Parabens, BHT, Trisodium EDTA) คุณจะต้องใช้ Cream Maker หรือระบบอิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสมในการรวมเฟสน้ำและเฟสน้ำมันเข้าด้วยกัน พร้อมด้วยสารเพิ่มความหนืดและระบบสารกันเสียที่ครอบคลุม

สารออกฤทธิ์หลัก: สารสกัดชะเอมเทศ

สารออกฤทธิ์หลักคือ Glycyrrhiza Inflata Root Extract ประเด็นสำคัญตามที่กล่าวในกระทู้คือประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารประกอบเฉพาะ:

• Glabridin: เป็นหลักสำหรับผิวขาวโดยยับยั้งการสร้างเม็ดสี MySkinRecipes มีหลายตัวเลือก:
  • Pure-Glabridin™ Licorice Extract (Glabridin 90%): เป็นผงความเข้มข้นสูง ต้องละลายใน Butylene Glycol หรือ Ethanol ก่อนนำไปผสมในสูตร ใช้ในอัตราต่ำ (0.02-0.1%)
  • Hi-Glabridin™ Licorice Extract (Glabridin 40%): เป็นผงความเข้มข้นสูงอีกชนิดหนึ่ง ต้องละลายใน Butylene Glycol หรือ Ethanol เช่นกัน ใช้ในอัตราต่ำ (0.02-0.1%)
  • Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble): เป็นของเหลวที่ละลายน้ำได้ ใช้งานง่าย สามารถละลายในน้ำได้โดยตรง ใช้ที่อัตรา 1-2%
• Licochalcone A: เป็นหลักสำหรับปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ รอยแดง และควบคุมความมัน ไม่ใช่ สำหรับผิวขาว MySkinRecipes มี:
  • Hi-LiconeA™ Licorice Extract (Licochalcone A 20%): เป็นผงความเข้มข้นสูง ต้องละลายใน Glycol (เช่น Propylene Glycol) ก่อนนำไปผสมในสูตร ใช้ที่อัตรา 0.1-0.3%
  • Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble): เป็นของเหลวที่ละลายน้ำได้ ใช้งานง่าย ใช้ที่อัตรา 0.5-3%

เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่คล้ายกับโลชั่น Eucerin (ผิวขาว + ปลอบประโลมผิว) คุณควรใช้สารสกัดที่มี Glabridin ร่วมกับสารสกัดที่มี Licochalcone A การเลือกระหว่างชนิดผงกับชนิดน้ำที่ละลายน้ำได้ขึ้นอยู่กับความถนัดในการทำสูตรและความสะดวกในการใช้งาน

ส่วนประกอบบำรุงผิวอื่นๆ

• Vitamin E (Tocopheryl Acetate): มีอยู่ในสูตรเดิมและมีจำหน่ายที่ MySkinRecipes ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับผิวและช่วยปกป้องสูตร แนะนำให้ใช้ในอัตรา 0.1-1%
• น้ำมันทางเลือก: แม้ว่าสูตรเดิมจะใช้ Mineral Oil แต่คุณสามารถใช้น้ำมันธรรมชาติที่มีประโยชน์แทนหรือผสมร่วมด้วยได้ เช่น Jojoba Oil (Golden - Deodorized) เพื่อเพิ่มการบำรุงผิว ตามที่แนะนำในกระทู้

สารให้ความขาวทางเลือก

หาก Glabridin ความเข้มข้นสูงมีราคาสูงเกินไปหรือไม่สะดวกในการหา/ผสม คุณสามารถพิจารณาสารให้ความขาวอื่นๆ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและมีจำหน่ายที่ MySkinRecipes เช่น:

• Kojic Acid Dipalmitate: เป็นอนุพันธ์ที่เสถียรของ Kojic Acid ละลายได้ในน้ำมัน ใช้ที่อัตรา 1-5%
• Kojic Acid: เป็นสารให้ความขาวแบบดั้งเดิม ละลายน้ำได้ แต่มีความเสถียรน้อยกว่าชนิด Dipalmitate ใช้ที่อัตรา 0.1-2.0%

สารกันแดด

โลชั่นเดิมมี Ethylhexyl Methoxycinnamate (OMC) ซึ่งให้ค่า SPF 7 ให้การป้องกัน UVB เพียงเล็กน้อย คุณสามารถเลือกที่จะใส่สารกันแดดหรือไม่ใส่ก็ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการ หากต้องการการป้องกันแสงแดด ให้พิจารณาใช้สารกันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA/UVB

กลิ่น

"กลิ่นอ่อนๆ" ของโลชั่นเดิมน่าจะมาจากกลิ่นของวัตถุดิบเอง หรืออาจมีการเติมน้ำหอมสำหรับเครื่องสำอางในปริมาณเล็กน้อย เมื่อทำเอง กลิ่นจะขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่คุณเลือกใช้ (เช่น น้ำมันธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านการสกัดกลิ่นอาจมีกลิ่นเฉพาะตัว) คุณสามารถเติมน้ำหอมสำหรับเครื่องสำอางในปริมาณเล็กน้อยได้ตามอัตราที่แนะนำ หากต้องการให้มีกลิ่น

แนวทางการทำสูตร

1. เลือกส่วนประกอบเบส: เลือก Mineral Oil หรือน้ำมันเบสอื่นๆ, Cetearyl Alcohol, Cream Maker/อิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสม, สารเพิ่มความหนืด, สารให้ความชุ่มชื้น (เช่น Glycerine) และระบบสารกันเสีย
2. เลือกสารออกฤทธิ์: เลือกแหล่ง Glabridin (เช่น Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble) เพื่อความสะดวกในการใช้งาน) และแหล่ง Licochalcone A (เช่น Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble))
3. เติม Vitamin E: ใส่ Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
4. รวมและทำอิมัลชัน: ทำตามขั้นตอนการทำสูตรเครื่องสำอางทั่วไปสำหรับการทำอิมัลชัน ซึ่งโดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการให้ความร้อนเฟสน้ำมันและเฟสน้ำแยกกันพร้อมกับอิมัลซิไฟเออร์และสารเพิ่มความหนืด จากนั้นนำมารวมกันและผสมจนได้เนื้อโลชั่นที่คงตัว เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น สารสกัดและสารกันเสียในระหว่างที่สูตรกำลังเย็นตัวลง
5. ปรับเนื้อสัมผัส: ปรับปริมาณ Cetearyl Alcohol และสารเพิ่มความหนืดเพื่อให้ได้ความข้นของโลชั่นตามที่ต้องการ
6. เติมกลิ่น (ถ้าต้องการ): เติมน้ำหอมสำหรับเครื่องสำอางในปริมาณเล็กน้อยหากต้องการกลิ่นเฉพาะ

การทำสูตรต้องอาศัยการชั่งตวงที่แม่นยำและความเข้าใจในความเข้ากันได้ของส่วนผสมและขั้นตอนการผสม แนะนำให้เริ่มจากการทำในปริมาณน้อยๆ เพื่อทดลอง

โปรดจำไว้ว่าการทำเนื้อสัมผัสและประสิทธิภาพให้เหมือนกับผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์อย่าง Eucerin ทุกประการอาจเป็นเรื่องท้าทายและต้องอาศัยการทดลอง อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ส่วนผสมประเภทเดียวกันและเน้นที่สารออกฤทธิ์หลักอย่างสารสกัดชะเอมเทศ จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์โลชั่นที่มีประโยชน์และคุ้มค่าได้.