ปรับปรุงเซรั่มทำเอง: แก้ปัญหาความเหนียวและการใช้หลายสูตรร่วมกัน
คำถาม
มีคำถามเกี่ยวกับสูตรสกินแคร์ที่ทำเอง 4 สูตรค่ะ ต้องการทราบว่าเนื้อสัมผัสเป็นอย่างไร ควรปรับเปลี่ยนส่วนผสมหรือไม่ และสามารถใช้หลายสูตรร่วมกันในขั้นตอนเดียวได้หรือไม่
สูตรแรก (ลดริ้วรอย) มีส่วนผสมดังนี้ค่ะ:
- DMAE (เหลว) 20%
- Vitamin B3,Niacinamide 2%
- N-Acetyl-D Glucosamine 4%
- Pep-Coll(syn-coll) 4%
- Beta glucan 10%
- Pro Polymer 2%
- Phenoxyethanol 1%
- น้ำ 57%
เมื่อใช้สูตรนี้รู้สึกว่าเหนียวมาก ทาแล้วไม่ซึมหายไปแต่เหนียวหนึบติดหน้าเลยค่ะ เป็นเพราะส่วนผสมตัวไหนหรือขั้นตอนการผสมมีส่วนทำให้เป็นแบบนี้หรือไม่คะ และมีวิธีแก้ไหมคะ
นอกจากนี้ยังมีอีก 3 สูตรค่ะ:
- สูตรที่ 2 (บำรุงผิวแข็งแรง): มีส่วนผสมของ Aloe Vera, Vitamin B5, Rice Vitamin, Vitamin B12
- สูตรที่ 3 (โทนเนอร์กระชับรูขุมขน): มีส่วนผสมของ Witch Hazel, Natural Moisturizing Amino Acids, Sodium Lactate
- สูตรที่ 4 (ลดฝ้า): มีส่วนผสมของ Vitamin B3 (Niacinamide), N-Acetyl Glucosamine, Azelaic Acid, Tranexamic Acid, Vitamin B5
วางแผนจะใช้สูตรที่ 2 ตามด้วยสูตรที่ 1 และคุณแม่จะใช้สูตรที่ 2 ตามด้วยสูตรที่ 4 ลำดับการใช้แบบนี้เหมาะสมหรือไม่คะ มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการใช้หลายสูตรร่วมกัน และสามารถเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยกระชับรูขุมขนลงในสูตรที่ 1 ได้หรือไม่คะ
คำตอบ
สวัสดีค่ะ เข้าใจว่าคุณกำลังสอบถามเกี่ยวกับสูตรสกินแคร์ที่คุณได้คิดค้นขึ้นมาเอง 4 สูตร และต้องการคำแนะนำว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ มีส่วนผสมใดที่ต้องปรับเปลี่ยน และสามารถใช้ร่วมกันได้ในขั้นตอนเดียวหรือไม่นะคะ
จากการอ่านรายละเอียดที่คุณให้มา รวมถึงความคิดเห็นจากผู้ใช้งานท่านอื่น (C7, leelavalin, diow_tuatoo) ขอให้คำแนะนำดังนี้ค่ะ
ภาพรวมของสูตรและการใช้งานร่วมกัน:
- การใช้สกินแคร์หลายสูตรที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active Ingredients) เข้มข้นร่วมกันในขั้นตอนเดียว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิวได้ค่ะ โดยเฉพาะสูตรที่มีส่วนผสมผลัดเซลล์ผิว (เช่น Azelaic Acid ในสูตร 4) หรือส่วนผสมที่ความเข้มข้นค่อนข้างสูง (เช่น DMAE 20% ในสูตร 1)
- แนะนำให้เริ่มต้นทีละน้อย หรือใช้สลับกัน เช่น ใช้สูตรลดริ้วรอยในตอนเช้า และสูตรลดฝ้าในตอนกลางคืน หรือใช้วันเว้นวัน เพื่อให้ผิวได้ปรับตัวและลดโอกาสการระคายเคือง
- การเว้นระยะห่างระหว่างการทาแต่ละชั้น (layer) ประมาณ 1-2 นาที สามารถช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมได้ดีขึ้นและลดปัญหาการเป็นขุย (pilling) ได้ค่ะ
คำแนะนำสำหรับแต่ละสูตร:
สูตรที่ 1 (ลดริ้วรอย):
- ส่วนผสม: สูตรนี้มีส่วนผสมที่น่าสนใจหลายตัวที่ช่วยเรื่องริ้วรอยและความแข็งแรงของผิว เช่น DMAE, Niacinamide, N-Acetyl Glucosamine, Peptide (Syn-Coll), และ Beta Glucan
- ความเหนียวเหนอะหนะ: ตามที่คุณ diow_tuatoo กล่าวไว้ ส่วนผสมอย่าง Pro Polymer ในความเข้มข้น 2% อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนียวเหนอะหนะได้ค่ะ Pro Polymer เป็นสารสร้างเนื้อเจล (thickener) ที่ให้ความหนืด
- วิธีแก้ไขความเหนียว: คุณสามารถลองเจือจางสูตรที่ทำไว้แล้วด้วยน้ำสะอาด (น้ำกลั่นสำหรับทำเครื่องสำอาง) ค่อยๆ เติมทีละน้อย (เช่น 5-10% ของน้ำหนักสูตรเดิม) คนให้เข้ากัน แล้วลองทาดู หากยังเหนียวอยู่ก็ค่อยๆ เติมน้ำเพิ่มจนได้เนื้อที่ต้องการ การเติมน้ำจะทำให้ความเข้มข้นของส่วนผสมอื่นๆ ลดลงด้วย คุณ diow_tuatoo ได้อธิบายวิธีการคำนวณความเข้มข้นใหม่หลังเติมน้ำไว้อย่างละเอียด ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้องค่ะ
- การเพิ่มส่วนผสมกระชับรูขุมขน:
- ส่วนผสมที่ช่วยเรื่องกระชับรูขุมขนได้ดี มักจะเป็นกลุ่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขน เช่น AHA (Alpha Hydroxy Acids) หรือ BHA (Beta Hydroxy Acids) อย่าง Salicylic Acid
- ตามที่คุณ leelavalin แนะนำ:
- BHA (Salicylic Acid): เหมาะสำหรับผิวมัน เป็นสิว หรือมีปัญหารูขุมขนอุดตัน ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี อาจใช้ในรูปแบบ encapsulated เพื่อลดการระคายเคืองสำหรับผิวแพ้ง่าย
- AHA (เช่น Glycolic Acid, Lactic Acid): ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนอาจดูเล็กลงได้ ควรเริ่มใช้ที่ความเข้มข้นต่ำๆ (ไม่เกิน 10%) และระวังเรื่องการระคายเคือง
- การรวมกับสูตร 1: การนำ AHA หรือ BHA มารวมกับสูตร 1 ต้องพิจารณาเรื่องความเข้ากันได้ของส่วนผสม (compatibility) และค่า pH ที่เหมาะสมในการทำงานของ AHA/BHA ซึ่งอาจต้องปรับสูตรและทดสอบความเสถียร การทำแยกสูตรออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผลัดเซลล์ผิวโดยเฉพาะ (เช่น เซรั่ม AHA/BHA หรือโทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิว) แล้วใช้สลับกับสูตรลดริ้วรอย อาจเป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนและควบคุมได้ง่ายกว่าค่ะ แต่ถ้าต้องการรวมจริงๆ อาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสูตรโดยเฉพาะ
- รูปแบบผลิตภัณฑ์: ผลิตภัณฑ์สำหรับกระชับรูขุมขนสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น เซรั่ม เจล หรือโทนเนอร์ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของส่วนผสมและเนื้อสัมผัสที่ต้องการค่ะ
สูตรที่ 2 (บำรุงผิวแข็งแรง):
- ส่วนผสม: มีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมและให้ความชุ่มชื้น เช่น Aloe Vera, Vitamin B5, Rice Vitamin, Vitamin B12
- คำแนะนำจาก C7: C7 แนะนำว่าสูตร 1 ก็มีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความแข็งแรงของผิวอยู่แล้ว (Beta Glucan) การทำสูตร 2 แยกออกมาอาจไม่จำเป็น และแนะนำให้ลองใช้สูตร 1 ดูก่อน หากยังรู้สึกว่าผิวต้องการการบำรุงให้แข็งแรงหรือลดการแพ้เพิ่ม ค่อยพิจารณาปรับสูตร 1 หรือทำสูตร 2 เพิ่มเติม
- การใช้ร่วมกับสูตร 1: หากต้องการใช้ทั้งสองสูตร การใช้สูตร 2 ก่อน (ซึ่งเน้นปลอบประโลมและให้ความชุ่มชื้น) แล้วตามด้วยสูตร 1 (เน้นลดริ้วรอย) ก็เป็นลำดับที่เหมาะสมค่ะ
สูตรที่ 3 (โทนเนอร์กระชับรูขุมขน):
- ส่วนผสม: มี Witch Hazel ค่อนข้างสูง และมีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นอย่าง Natural Moisturizing Amino Acids และ Sodium Lactate
- คำแนะนำจาก C7: C7 ชี้ว่าสูตรนี้เน้นให้ความชุ่มชื้นมากกว่ากระชับรูขุมขน และกล่าวถึงกลิ่นของ Witch Hazel Extract ที่บางคนอาจไม่ชอบ
- ความเหมาะสม: หากคุณไม่ได้ต้องการโทนเนอร์ที่เน้นความชุ่มชื้นมากนัก และต้องการเน้นเรื่องกระชับรูขุมขนเป็นหลัก สูตรนี้อาจยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควรค่ะ หากต้องการผลเรื่องกระชับรูขุมขน แนะนำให้พิจารณาส่วนผสมกลุ่ม AHA/BHA ตามที่กล่าวไปในข้อ 1 และเลือกว่าจะทำเป็นผลิตภัณฑ์แยกหรือพยายามรวมกับสูตร 1 (ซึ่งต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม)
สูตรที่ 4 (ลดฝ้า):
- ส่วนผสม: มีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องลดจุดด่างดำและฝ้าหลายตัว เช่น Vitamin B3 (Niacinamide), N-Acetyl Glucosamine, Azelaic Acid, Tranexamic Acid, Vitamin B5
- คำแนะนำจาก C7: C7 แนะนำให้เพิ่ม Vitamin B3 เป็น 4% ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่นิยมใช้และมีงานวิจัยรองรับเรื่องลดจุดด่างดำได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความเหนอะหนะที่อาจมาจาก Vitamin B5 5% และแนะนำให้ลองใช้ Vitamin B5 ExtraLite หากต้องการเนื้อที่เบาลง
- ข้อควรระวัง: สูตรนี้มี Azelaic Acid ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอักเสบ แต่ก็ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดได้ง่าย การทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Azelaic Acid ค่ะ
การใช้หลายสูตรพร้อมกัน (ตามที่คุณและคุณแม่จะใช้):
- ของคุณ: สูตร 2 (บำรุง) -> สูตร 1 (ลดริ้วรอย) -> กันแดด
- ลำดับนี้เหมาะสมค่ะ สูตร 2 ช่วยเตรียมผิวและให้ความชุ่มชื้นก่อน จากนั้นตามด้วยสูตร 1 ที่เน้น Active Ingredients
- หากรู้สึกว่าการใช้สองสูตรซ้อนกันหนักไป หรือเหนียวเหนอะหนะ (โดยเฉพาะถ้าสูตร 1 ยังไม่ได้ปรับความเหนียว) อาจลองใช้แค่สูตร 1 (ที่ปรับปรุงแล้ว) อย่างเดียวดูก่อน ตามคำแนะนำของ C7 หรือใช้สูตร 2 ในตอนเช้า และสูตร 1 ในตอนกลางคืน สลับกันไป
- ของคุณแม่: สูตร 2 (บำรุง) -> สูตร 4 (ลดฝ้า) -> กันแดด
- ลำดับนี้ก็เหมาะสมเช่นกันค่ะ โดยมีสูตร 2 ช่วยบำรุงผิวก่อนตามด้วยสูตรลดฝ้า
- ข้อควรระวังที่สำคัญมากสำหรับสูตร 4 คือการใช้กันแดดอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมี Azelaic Acid ที่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด การไม่ทากันแดดอาจทำให้ฝ้าแย่ลงได้ค่ะ
- เช่นเดียวกับของคุณ หากรู้สึกว่าใช้สองสูตรซ้อนกันแล้วหนักไป อาจลองใช้สูตร 2 ในตอนเช้า และสูตร 4 ในตอนกลางคืน หรือสลับวันกัน
สรุปและคำแนะนำเพิ่มเติม:
- ทดสอบก่อนใช้: ก่อนใช้สูตรใดๆ ที่ทำขึ้นเอง ควรทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนเสมอ (เช่น หลังใบหู หรือท้องแขน) เพื่อดูว่ามีอาการแพ้ ระคายเคือง หรือแสบแดงหรือไม่
- เริ่มต้นทีละน้อย: หากตัดสินใจใช้หลายสูตรพร้อมกัน ควรเริ่มจากความถี่น้อยๆ ก่อน เช่น วันละครั้ง หรือใช้วันเว้นวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่เมื่อผิวปรับตัวได้
- สังเกตผิว: หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิว หากมีอาการระคายเคือง แสบ แดง ลอก หรือสิวเห่อ ควรหยุดใช้และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
- ความเหนียวของสูตร 1: ลองปรับโดยการเติมน้ำตามคำแนะนำของคุณ diow_tuatoo ดูก่อนค่ะ
- กระชับรูขุมขน: พิจารณาใช้ส่วนผสมกลุ่ม AHA/BHA โดยอาจทำเป็นผลิตภัณฑ์แยก หรือหากต้องการรวมกับสูตร 1 ต้องศึกษาเพิ่มเติมเรื่องความเข้ากันได้และค่า pH
- สูตร 2 และ 3: พิจารณาความจำเป็นในการใช้สูตร 2 แยก หากสูตร 1 ที่ปรับปรุงแล้วเพียงพอ และสูตร 3 อาจไม่ตรงโจทย์เรื่องกระชับรูขุมขนเท่าที่ควร
หวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ การทำสกินแคร์ใช้เองต้องอาศัยการเรียนรู้และปรับปรุงค่ะ ขอให้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสูตรที่เหมาะกับผิวของคุณและคุณแม่นะคะ.