ปริมาณน้ำมันที่เหมาะสมและการปรับปรุงสูตรครีมบำรุงผิวให้ขาวใส
คำถาม
สวัสดีคะที่สละเวลามาตอบคำถามให้คะ
คือมีข้อสงสัยว่า ถ้าเราจะทำครีมบำรุงผิวหน้า หรือผิวกาย เราจะต้องใช้ปริมาณของน้ำมันในส่วนผสมอยู่ที่ช่วงกี่เปอร์เซนต์คะ x-y%?
ขอบพระคุณมากคะ
อันนี้เป็นสูตรที่คิดว่าจะลองทำ ครั้งเเรกคะเลยเลือกส่วนผสมที่มีราคาไม่เเพงมากก่อนคะ เผื่อมันออกมาใช้ไม่ได้ ^_^
อยากได้ครีมที่เน้นขาวใส คะ ขอบคุณคะพี่ C 7 // Staff
สูตร:
- coconut oil 5%
- Phenoxyethanol 1%
- light cream maker 1%
- vitamin E 1%
- B3 4%
- N-acetyl 4%
- H2O 84%
ขอรบกวนช่วยปรับสูตรให้ด้วยนะคะว่าบกพร่องตรงไหนหรือเปล่าคะ ขอบคุณคะ
คำตอบ
สวัสดีค่ะ ขอบคุณสำหรับคำถามนะคะ เข้าใจเลยค่ะว่าการเริ่มต้นทำครีมเองครั้งแรกอาจจะมีข้อสงสัยหลายอย่างเลยค่ะ
ขอตอบคำถามและให้คำแนะนำเกี่ยวกับสูตรที่คุณวางแผนไว้ดังนี้นะคะ
1. ปริมาณน้ำมันในส่วนผสมของครีมบำรุงผิวหน้า/ผิวกายที่เหมาะสม
ปริมาณของส่วนที่เป็นน้ำมัน (Oil Phase) ในสูตรครีมนั้นไม่มีค่าตายตัวค่ะ จะขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์และเนื้อสัมผัสที่ต้องการเป็นหลัก ค่ะ
- สำหรับโลชั่นหรือครีมเนื้อบางเบา (Light Cream/Lotion) ส่วนของน้ำมันอาจจะอยู่ที่ประมาณ 5% - 15%
- สำหรับครีมเนื้อปานกลางถึงเข้มข้น (Medium to Rich Cream) ส่วนของน้ำมันอาจจะอยู่ที่ประมาณ 15% - 30% หรือมากกว่า
สูตรที่คุณให้มามีส่วนของน้ำมัน (Coconut Oil) อยู่ที่ 5% ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยค่ะ จะได้เนื้อสัมผัสที่บางเบาคล้ายโลชั่นหรือฟลูอิดมากกว่าครีมเนื้อหนักค่ะ
2. การปรับปรุงสูตรที่คุณวางแผนไว้ (เน้นขาวใส)
สูตรที่คุณให้มาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ มีส่วนผสมหลักที่เน้นเรื่องความขาวใสคือ B3 (Niacinamide) และ N-acetyl (N-acetylglucosamine) ซึ่งใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม (4% ทั้งคู่) และทำงานเสริมกันได้ดีค่ะ
อย่างไรก็ตาม มีบางจุดที่อาจจะต้องพิจารณาปรับปรุงเพื่อให้ได้เนื้อครีมที่เสถียรและมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นค่ะ
สูตรที่คุณให้มา:
- coconut oil 5%
- Phenoxyethanol 1%
- light cream maker 1%
- vitamin E 1%
- B3 4%
- N-acetyl 4%
- H2O 84%
ข้อแนะนำในการปรับปรุง:
- ส่วนของน้ำมัน (Oil Phase): Coconut oil ที่ 5% จะให้เนื้อบางเบาค่ะ หากต้องการเนื้อครีมที่เข้มข้นขึ้น อาจพิจารณาเพิ่มปริมาณส่วนของน้ำมันเป็น 10-15% และอาจลองใช้น้ำมันชนิดอื่นที่เบาลงหรือไม่ก่อให้เกิดการอุดตันง่ายเท่ามะพร้าว เช่น Jojoba Oil, Squalane, Grapeseed Oil หรือผสมผสานน้ำมันหลายชนิดค่ะ
- อิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier): "light cream maker" 1% นั้นค่อนข้างกว้างค่ะ อิมัลซิไฟเออร์แต่ละชนิดมีอัตราการใช้ที่แตกต่างกัน และต้องเลือกให้เหมาะสมกับปริมาณและชนิดของน้ำมันในสูตร การใช้อิมัลซิไฟเออร์ในปริมาณที่ไม่พอดีหรือไม่เหมาะสมกับสูตร อาจทำให้ครีมแยกชั้นหรือไม่เสถียรได้ค่ะ ควรระบุชื่ออิมัลซิไฟเออร์ที่ชัดเจนและตรวจสอบอัตราการใช้ที่ผู้ผลิตแนะนำค่ะ
- สารให้ความชุ่มชื้น (Humectants): สูตรนี้ยังขาดสารให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวและทำให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายขึ้นค่ะ แนะนำให้เพิ่ม Glycerin (กลีเซอรีน) ประมาณ 3-5% หรือ Propanediol ในส่วนของน้ำค่ะ
- สารเพิ่มความหนืด/คงตัว (Thickeners/Stabilizers): นอกจากอิมัลซิไฟเออร์แล้ว การเพิ่มสารเพิ่มความหนืดในส่วนของน้ำ เช่น Xanthan Gum (ประมาณ 0.2-0.5%) หรือ Carbomer จะช่วยให้เนื้อครีมมีความหนืดขึ้น เกาะตัวกันดีขึ้น และช่วยเพิ่มความเสถียรของอิมัลชั่นได้ค่ะ โดยเฉพาะเมื่อมีส่วนผสมที่เป็นประจุอย่าง Niacinamide ในปริมาณสูง
- การปรับค่า pH: Niacinamide และ N-acetylglucosamine ทำงานได้ดีและเสถียรในช่วง pH ประมาณ 5-7 ค่ะ หลังจากผสมส่วนผสมทั้งหมดแล้ว ควรวัดค่า pH ของครีมและปรับให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (เช่น 5.5-6.5) โดยใช้สารปรับ pH เช่น Citric Acid Solution หรือ Sodium Hydroxide Solution ค่ะ การควบคุม pH สำคัญต่อความเสถียรของสูตรและประสิทธิภาพของสารสำคัญค่ะ
- สารกันเสีย (Preservative): Phenoxyethanol 1% เป็นสารกันเสียที่ดีค่ะ แต่บางครั้งอาจต้องใช้ร่วมกับสารกันเสียตัวอื่นเพื่อให้ครอบคลุมเชื้อได้กว้างขึ้น (ทั้งแบคทีเรีย ยีสต์ และรา) ขึ้นอยู่กับระบบสารกันเสียที่คุณเลือกใช้ค่ะ
สรุป: สูตรเริ่มต้นของคุณมีส่วนผสมที่ดีสำหรับเรื่องความขาวใส แต่โครงสร้างพื้นฐานของเนื้อครีม (ส่วนของน้ำมัน, อิมัลซิไฟเออร์, สารเพิ่มความหนืด, สารให้ความชุ่มชื้น) ยังค่อนข้างพื้นฐานและอาจไม่เสถียรค่ะ แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของอิมัลซิไฟเออร์ สารเพิ่มความหนืด และความสำคัญของการปรับ pH ในการทำสูตรครีมค่ะ
การทำครีมต้องอาศัยการทดลองและปรับปรุงค่ะ สูตรแรกอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีในการเรียนรู้ค่ะ ขอให้สนุกกับการทำครีมนะคะ!