ปัญหาการขึ้นสูตรครีมกันแดด: ฟองอากาศ ความหนืด และการเลือก Emollient
คำถาม
กำลังปรับสูตรครีมกันแดดจากกระทู้เดิม ([url]http://www.myskinrecipes.com/topic5001.html[/url]) เนื่องจาก LipidSoft™ Dry หมดสต็อก เลยเปลี่ยนมาใช้ LipidSoft™ แทน และมีการปรับส่วนผสมอื่นๆ เล็กน้อยครับ
สูตรที่ปรับปรุงมีดังนี้:
ส่วนน้ำมัน:
- SPF Protect Ultra 25%
- Titanium nano 3.00%
- Zinc Oxide nano 3%
- LipidSoft™ 10.00% (จริงๆตั้งใจใช้ 7.5% แต่บีบเกินไปหน่อย)
- Water in Oil 3.00%
- สีเบจ
ส่วนน้ำ:
- Light Cream Maker 1.50%
- PowderCream 3%
- MatteSilica™ 4%
- Phenoxyethanol 0.50%
- Disodium EDTA 0.20%
- Distilled Water (ส่วนที่เหลือ)
วิธีผสม:
- ผสมส่วนน้ำมันเข้ากันแล้วปั่น
- ผสมส่วนน้ำเข้ากันแล้วปั่น
- เทส่วนน้ำเข้าไปในส่วนน้ำมันทีละน้อย แล้วปั่น จนหมด
- ปั่นความเร็วสูงมาก
คำถามคือ:
- มันเป็นฟองครับ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับสีเบจรึเปล่า เพราะก่อนนั้นไม่ใส่สีเบจ ไม่เป็นฟอง แต่แยกชั้น ฟีลลิ่งการทาโอเคมากๆ แล้วครับ ต้องปรับอะไรไหม?
- ถ้าผมอยากให้เนื้อมันข้นขึ้น เติม Light Cream Maker ได้ระดับไหนครับ เพราะตอนนี้มันเหลวกว่าตอนที่ใช้ LipidSoft™ Dry พอสมควร
- เนื้อสัมผัสของครีมที่ทำจาก LipidSoft™ Dry มันหนืดมากเวลาทาบนผิว ซึ่ง LipidSoft™ เฉยๆ ไม่เป็น ผมเปลี่ยนไปใช้ LipidSoft™ เฉยๆ ได้เลยใช่ไหมครับ เพราะจะสั่งเยอะๆ มาทำขาย ปกติสั่งอย่างละนิดหน่อยมาทดลองครับ ตอนนี้จดทะเบียนบริษัทอยู่ อยากทำขาย
คำตอบ
ข้อเสนอแนะและคำแนะนำการปรับสูตร
ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรครีมกันแดดและคำถามของคุณครับ เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณกำลังทดลองและวางแผนที่จะขยายการผลิต เรามาดูคำถามและสูตรของคุณกันครับ
การตอบคำถามของคุณ
ปัญหาฟอง: ฟองที่คุณพบส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากการใช้ความเร็วในการปั่นที่สูงมากในขั้นตอนสุดท้าย อิมัลซิไฟเออร์และสารสร้างเนื้อครีม เช่น Light Cream Maker™ สามารถดักจับอากาศได้ง่ายเมื่อปั่นด้วยความเร็วสูงมาก คำอธิบายของ Light Cream Maker™ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ควรปั่นเกิน 2500 รอบต่อนาที เนื่องจากอาจทำให้โพลีเมอร์เสียหายและทำให้สูตรไม่เสถียร ซึ่งอาจส่งผลต่อความคงตัวหรือเนื้อสัมผัสในระยะยาวได้ แม้ว่าสีเบจ อาจ มีส่วนทำให้เกิดฟองได้ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบ แต่ความเร็วในการปั่นที่สูงน่าจะเป็นสาเหตุหลักครับ
- คำแนะนำ: ลดความเร็วในการปั่นลงอย่างมาก โดยเฉพาะในขั้นตอนสุดท้ายของการทำอิมัลชันและหลังจากที่เนื้อครีมเริ่มเข้ากันแล้ว ปั่นเพียงพอเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันดีโดยไม่ทำให้เกิดฟองอากาศมากเกินไป
การเพิ่มความข้นด้วย Light Cream Maker™: คุณสามารถเพิ่มความเข้มข้นของ Light Cream Maker™ เพื่อให้เนื้อครีมข้นขึ้นได้ อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 0.5-3% เนื่องจากตอนนี้คุณใช้ 1.5% คุณสามารถลองเพิ่มได้ถึง 3% อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าการใช้มากเกินไปอาจทำให้เนื้อครีมข้นมากจนยากต่อการบรรจุ โดยเฉพาะในขวดปั๊ม
- คำแนะนำ: ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นของ Light Cream Maker™ จาก 1.5% ไปจนถึงสูงสุด 3% โดยทดสอบความหนืดในแต่ละครั้งที่คุณเพิ่ม จนกว่าจะได้ความข้นที่ต้องการ โปรดคำนึงถึงข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของส่วนผสมที่กล่าวถึงด้านล่างด้วยครับ
การเปลี่ยน LipidSoft™: ได้ครับ คุณสามารถเปลี่ยนจาก LipidSoft™ Dry ไปใช้ LipidSoft™ ชนิดอื่นได้แน่นอน เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ไม่เหนอะหนะ LipidSoft™ Dry ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความรู้สึกแห้ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่คุณรู้สึกเหนอะหนะ หากต้องการเนื้อสัมผัสที่นุ่มลื่นขึ้นและไม่เหนอะหนะ ลองพิจารณา:
- LipidSoft™ C1215: เป็น Emollient มาตรฐานที่ให้ความนุ่มปานกลางและนิยมใช้ทั่วไป
LipidSoft™ Moist: ชนิดนี้เน้นการให้ความชุ่มชื้นโดยเฉพาะ โดยไม่เหนอะหนะหรืออุดตันรูขุมขน และมีการเกลี่ยที่ดีเยี่ยม ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงความรู้สึกในการทาได้
คำแนะนำ: ผมแนะนำให้ลองใช้ LipidSoft™ C1215 หรือ LipidSoft™ Moist ในอัตราส่วนที่คุณต้องการ (ประมาณ 10%) เพื่อดูว่าชนิดใดให้เนื้อสัมผัสที่ดีที่สุดสำหรับสูตรของคุณครับ
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในการปรับสูตร
จากสูตรของคุณ มีประเด็นสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของส่วนผสมและระบบอิมัลชันที่มีผลต่อความคงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณวางแผนที่จะขยายการผลิต:
ชนิดของ Zinc Oxide: คุณใช้ Zinc Oxide nano ในส่วนของน้ำมัน คำอธิบายของผลิตภัณฑ์ที่คุณน่าจะใช้ (Zinc Oxide (Ultra-Fine, Non-Yellow, Non-Coated, USP)) ระบุว่าสามารถกระจายตัวได้ใน น้ำ และ ไม่เหมาะสำหรับใช้ในครีมกันแดด การใช้ผงที่กระจายตัวในน้ำในส่วนของน้ำมันในสูตรของคุณจะทำให้การกระจายตัวไม่ดีและอาจเกิดการแยกชั้นได้ สำหรับอิมัลชันครีมกันแดดที่เสถียร คุณต้องใช้ Zinc Oxide ที่ผ่านการปรับปรุงมาโดยเฉพาะเพื่อให้กระจายตัวได้ในน้ำมันหรือซิลิโคน หรือใช้ในรูปแบบที่กระจายตัวไว้ล่วงหน้าแล้วซึ่งเหมาะสำหรับส่วนของน้ำมัน
ระบบอิมัลซิไฟเออร์: สูตรของคุณใช้ทั้ง Water-in-Oil EZ™ (อิมัลซิไฟเออร์ชนิด W/O) และ Light Cream Maker™ (อิมัลซิไฟเออร์/สารสร้างเนื้อครีมชนิด O/W) แม้ว่าคุณจะใช้วิธีผสมแบบ W/O (เติมส่วนน้ำลงในส่วนน้ำมัน) แต่การรวมอิมัลซิไฟเออร์ทั้งสองชนิดนี้เข้าด้วยกันในลักษณะนี้อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและอาจนำไปสู่ความไม่เสถียรในระยะยาวหรือพฤติกรรมที่ไม่คาดคิดได้ Water-in-Oil EZ™ ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างอิมัลชันแบบ W/O (หยดน้ำกระจายตัวในเฟสน้ำมัน ซึ่งโดยทั่วไปจะกันน้ำได้ดีกว่าและให้ความรู้สึกเคลือบผิว) ในขณะที่ Light Cream Maker™ ใช้สำหรับอิมัลชันแบบ O/W (หยดน้ำมันกระจายตัวในเฟสน้ำ ซึ่งโดยทั่วไปจะบางเบาและซึมซาบเร็วกว่า)
- คำแนะนำ: เพื่อความเสถียรและความแน่นอนที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการผลิตในเชิงพาณิชย์ ควรพิจารณาเน้นใช้ระบบอิมัลซิไฟเออร์แบบ W/O หรือ O/W เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หากต้องการให้สูตรกันน้ำได้ดีและให้ความรู้สึกเคลือบผิวมากขึ้น ให้เน้นใช้ Water-in-Oil EZ™ เป็นหลักและใช้ผงที่กระจายตัวได้ในน้ำมัน หากต้องการเนื้อสัมผัสที่บางเบาและซึมซาบเร็ว ให้เปลี่ยนไปใช้ระบบอิมัลซิไฟเออร์แบบ O/W (เช่น ใช้ Light Cream Maker™ เป็นอิมัลซิไฟเออร์หลัก) และปรับส่วนของน้ำมันให้เหมาะสม โดยใช้ผงที่กระจายตัวได้ในน้ำในส่วนที่เหมาะสม
การแก้ไขชนิดของ Zinc Oxide และการพิจารณาปรับปรุงระบบอิมัลซิไฟเออร์จะช่วยเพิ่มความเสถียรและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างมาก เมื่อคุณก้าวไปสู่การผลิตในปริมาณที่มากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Light Cream Maker™

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Disodium EDTA

LipidSoft™ C1215 (C12-15 alkyl benzoate)

Beige Iron Oxides EasyMix™

MatteSilica 5™ (5 Micron)

PowderCream™ (Water Absorbing PMMA)

Water-in-Oil EZ™ (Cetyl PEG/PPG-10/1 Dimethicone)

LipidSoft™ Moist (Triethylhexanoin)

Titanium Dioxide Nanosil

SPF Protect Ultra™ III (UVA+UVB)
