ปัญหาการขึ้นสูตรครีม: เนื้อสัมผัส การละลาย และกลิ่น
คำถาม
กำลังขึ้นสูตรครีมและพบปัญหาเกี่ยวกับเนื้อสัมผัสและส่วนผสมบางอย่างครับ สูตรทดลองล่าสุดของผมมีส่วนประกอบตามเฟสดังนี้:
Water Phase:
- น้ำ
- Satin Cream Maker
- Pro Polymer
Lipid Phase:
- Apricot Kernel Oil (เปลี่ยนจาก Shea Butter)
- Kojic Acid Dipalmitate
- Deoxyarbutin
- Reservoir-Tech
- SKIN-DEFENSE® V
- Sym-White™
ส่วนผสมอื่นๆ:
- Chamomile Extract
- Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus)
ในการทดลองก่อนหน้านี้พบปัญหา AnyGel จับตัวเป็นก้อน และในการทดลองล่าสุด Pro Polymer ก็จับตัวเป็นก้อน ทำให้เนื้อครีมเป็นเม็ดๆ ข้น และเหนียวเหนอะหนะ สูตรยังมีกลิ่นหืน (ก่อนหน้านี้คิดว่าเป็น Shea Butter แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Apricot Kernel Oil แล้ว) ส่วน Kojic Acid Dipalmitate ละลายยากใน Lipid phase และทำให้ส่วนนี้ข้นเมื่อเย็นตัวลง
มีคำถามดังนี้ครับ:
- สามารถใช้น้ำมันตัวไหนที่ละลายง่าย กลิ่นไม่หืนบ้างครับ (ซื้อตัว Octyldodecanol มา สามารถใช้แทนได้มั้ยครับ)
- ในขั้นตอนใช้ Pro Polymer ใช้ความร้อนช่วยจะทำให้ละลายดีขึ้นมั้ยครับ และถ้าใช้ปริมาณน้อยลงเนื้อครีมจะข้นน้อยลงมั้ยครับ
- ช่วง Lipid phase อยากลดตัว Kojic Acid Dipalmitate ลงอีกได้มั้ยครับ อยากให้ lipid เหลวมากขึ้น การผสมจะง่ายขึ้น เพราะเมื่อเย็นตัวลงจะเคลือบติดรอบบิกเกอร์
- จะปรับสูตรอย่างไรให้ได้เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย และซึมเร็วขึ้นครับ
- ในสูตรสามารถเพิ่มตัว Cyclomethicone เพื่อให้ทาง่ายแห้งเร็วได้มั้ยครับ ตอนนี้มีตัว Cyclomethicone อยู่ ไม่รู้จะไปเติมในส่วนไหนดี หรือต้องมีตัวประสานเนื้อตัวอื่นเพิ่มอีกครับ
- เรื่องกลิ่น สามารถใช้กลิ่นตัวไหนเติมลงไปดีครับ ส่วนตัวอยากได้กลิ่นอ่อนๆ เบาๆ เช่น คาโมมายล์ (Chamomile Oil (Roman) เห็นมีแจ้งว่า "ผสมเข้ากับน้ำหอม หรือองค์ประกอบน้ำหอมอื่นๆ และจึงเติมลงในสูตร โดยสามารถละลายในน้ำมัน แอลกอฮอลล์ Glycols และ Organic Solvents ต่างๆ") ไม่ทราบว่ามีตัวไหนที่ใส่ลงไปในสูตรโดยตรงเลยมั้ยครับ หรือต้องมาผสมน้ำหอมอีกทีนึง
คำตอบ
สวัสดีครับ เข้าใจว่ากำลังทดลองปรับปรุงสูตรครีมเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและประสิทธิภาพตามที่ต้องการนะครับ จากข้อมูลที่คุณให้มาและคำตอบจากเจ้าหน้าที่ ผมจะช่วยสรุปและให้คำแนะนำเพิ่มเติมตามคำถามของคุณครับ
สรุปจากคำแนะนำก่อนหน้า:
- เจ้าหน้าที่แนะนำให้ตัด
Deoxyarbutin
และDMAE
ออก หากกังวลเรื่องการระคายเคือง - แนะนำให้เพิ่มสัดส่วน
Satin Cream Maker
เป็น 1.5% หรือ 2-2.5% หากเนื้อเหลวไป - แนะนำว่า
Satin Cream Maker
ควรอยู่ในส่วนของน้ำ และการผสมควรค่อยๆ เติมส่วนน้ำมันลงในส่วนน้ำที่อุ่นใกล้เคียงกัน - แนะนำว่า
Kojic Acid Dipalmitate
จะกระจายตัวในเนื้อครีม ไม่ได้ละลายจนใส
จากสูตรและขั้นตอนที่คุณทดลองทำครั้งล่าสุด:
คุณได้ปรับสูตรโดยตัด DMAE
ออก และเปลี่ยน Shea Butter
เป็น Apricot Kernel Oil
รวมถึงเพิ่ม Pro Polymer
และ Satin Cream Maker
ใน Water phase และย้าย Deoxyarbutin
, Reservoir-Tech
, SKIN-DEFENSE® V
, Kojic Acid Dipalmitate
, Sym-White™
ไปอยู่ใน Lipid phase ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการแยกส่วนผสมตามประเภทครับ
ปัญหาที่พบคือเนื้อครีมมีเม็ดๆ และค่อนข้างข้นเหนียว มีกลิ่นหืน ซึ่งคุณได้ระบุสาเหตุของกลิ่นหืนว่าเป็น Shea Butter
(แต่ในสูตรล่าสุดเปลี่ยนเป็น Apricot Kernel Oil
แล้ว ซึ่งน้ำมันธรรมชาติก็มีโอกาสหืนได้เช่นกัน) และพบปัญหา AnyGel
จับตัวเป็นก้อนในการทดลองครั้งแรก และ Pro Polymer
จับตัวเป็นก้อนในการทดลองครั้งที่สอง รวมถึง Chamomile Extract
ไม่ค่อยละลาย และ Kojic Acid Dipalmitate
ละลายยากและทำให้ Lipid phase ข้นเมื่อเย็นตัวลง
คำตอบสำหรับคำถามของคุณ:
สามารถใช้น้ำมันตัวไหนที่ละลายง่าย กลิ่นไม่หืนบ้าง?
Octyldodecanol
ที่คุณมี สามารถใช้แทนน้ำมันธรรมชาติในสูตรได้ครับ จะช่วยให้เนื้อสูตรไม่เหนอะหนะเท่าShea Butter
หรือApricot Kernel Oil
และไม่มีกลิ่นหืน อย่างไรก็ตาม ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งไว้Octyldodecanol
เน้นการช่วยกระจายสีในสูตรเมคอัพเป็นหลัก แต่ก็สามารถใช้เป็น Emollient ในครีมบำรุงได้ครับ หากต้องการน้ำมันที่เนื้อบางเบา ซึมง่าย และไม่มีกลิ่นหืน สามารถพิจารณาใช้กลุ่ม Ester Oil อื่นๆ ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา เช่น Caprylic/Capric Triglyceride (MCT Oil), Isopropyl Myristate (IPM), Isopropyl Palmitate (IPP) หรือกลุ่ม Silicone Oil เช่นCyclomethicone
(ซึ่งจะตอบในข้อ 5) แทนที่น้ำมันธรรมชาติได้ครับ
ขั้นตอนใช้
Pro Polymer
ใช้ความร้อนช่วยละลายดีขึ้นมั้ย? ลดปริมาณแล้วเนื้อข้นน้อยลงมั้ย?- ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ก่อนหน้านี้ แนะนำให้ตัด
Pro Polymer
ออกจากสูตรเลยครับ เนื่องจากสูตรของคุณมีSatin Cream Maker
ซึ่งทำหน้าที่สร้างเนื้อครีมและประสานน้ำมันเข้ากับน้ำอยู่แล้ว การใช้Pro Polymer
ในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดปัญหาเนื้อไม่เนียน จับตัวเป็นก้อนตามที่คุณพบได้ครับ - หากยังต้องการใช้
Pro Polymer
(ซึ่งไม่แนะนำในสูตรนี้) การใช้ความร้อน (ตามที่คุณทดลองที่ 50-60 องศา) จะช่วยให้ละลายได้ดีขึ้นและกระจายตัวได้เนียนขึ้นครับ และใช่ครับ การใช้Pro Polymer
ในปริมาณน้อยลงจะทำให้เนื้อครีมข้นน้อยลงตามสัดส่วนการใช้ครับ
- ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ก่อนหน้านี้ แนะนำให้ตัด
ลดปริมาณ
Kojic Acid Dipalmitate
ได้มั้ย?- ได้แน่นอนครับ การลดปริมาณ
Kojic Acid Dipalmitate
จะช่วยให้ส่วนของ Lipid phase เหลวมากขึ้นและผสมได้ง่ายขึ้นเมื่อเย็นตัวลงครับ ในสูตรของคุณมีส่วนผสมเพื่อผิวขาวอื่นๆ อยู่แล้ว เช่นEthyl Ascorbic acid
,L-Glutathione
,Tranexamic Acid
,Deoxyarbutin
,Sym-White™
ซึ่งเพียงพอที่จะช่วยเรื่องความขาวได้ครับ การลดKojic Acid Dipalmitate
ลงเหลือ 1% หรือตามความเหมาะสมที่คุณทดลองแล้วละลายง่ายขึ้น เป็นแนวทางที่ดีครับ
- ได้แน่นอนครับ การลดปริมาณ
ปรับสูตรให้เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย แห้งเร็ว?
- ลดปริมาณรวมของส่วน Lipid phase: สัดส่วน Lipid phase ในสูตรล่าสุดของคุณคือ 14.10% ซึ่งค่อนข้างสูงสำหรับครีมที่ต้องการเนื้อบางเบา ลองลดปริมาณรวมของส่วนน้ำมันลง เช่น เหลือประมาณ 8-10% โดยอาจลดปริมาณ
Apricot Kernel Oil
หรือKojic Acid Dipalmitate
(ตามข้อ 3) - ใช้น้ำมัน/Emollient ที่เนื้อบางเบา: แทนที่จะใช้
Shea Butter
หรือApricot Kernel Oil
ซึ่งเนื้อค่อนข้างหนัก ลองใช้ Ester Oil หรือ Silicone Oil ที่เนื้อบางเบาและซึมง่ายกว่า เช่น Caprylic/Capric Triglyceride (MCT Oil), Isopropyl Myristate (IPM), Isopropyl Palmitate (IPP) หรือCyclomethicone
(ตามข้อ 5) - ปรับ Emulsifier: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้
Satin Cream Maker
ในปริมาณที่เหมาะสม (ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่คือ 1.5% หรือเพิ่มเป็น 1.8-2.0% หากเนื้อเหลวไป) เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่ข้นตามต้องการและคงตัว - ตัด
Pro Polymer
ออก: ตามที่แนะนำในข้อ 2 การตัดPro Polymer
ออกจะช่วยให้เนื้อครีมเนียนขึ้นและไม่เป็นเม็ดเจล
- ลดปริมาณรวมของส่วน Lipid phase: สัดส่วน Lipid phase ในสูตรล่าสุดของคุณคือ 14.10% ซึ่งค่อนข้างสูงสำหรับครีมที่ต้องการเนื้อบางเบา ลองลดปริมาณรวมของส่วนน้ำมันลง เช่น เหลือประมาณ 8-10% โดยอาจลดปริมาณ
เพิ่ม
Cyclomethicone
ได้มั้ย? เติมส่วนไหน? ต้องมีตัวประสานเพิ่มมั้ย?- ได้ครับ การเพิ่ม
Cyclomethicone
(5-8% ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่) จะช่วยให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายขึ้นและซึมเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกบางเบาและไม่เหนอะหนะ - เติมในส่วน Lipid phase:
Cyclomethicone
เป็น Silicone Oil ควรเติมในส่วนของน้ำมัน (Lipid phase) ครับ - ไม่ต้องมีตัวประสานเพิ่ม:
Satin Cream Maker
ที่คุณใช้เป็น Emulsifier ที่สามารถประสานน้ำมันเข้ากับน้ำได้อยู่แล้ว รวมถึง Silicone Oil ด้วย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเพิ่ม Emulsifier ตัวอื่นเพื่อประสานCyclomethicone
ครับ
- ได้ครับ การเพิ่ม
เรื่องกลิ่น สามารถใช้กลิ่นตัวไหนเติมลงไปดี? เติมลงในสูตรโดยตรงได้มั้ย?
- สามารถใช้
น้ำมันหอมระเหย
หรือน้ำหอม
ที่คุณต้องการเติมลงในสูตรได้ครับ หากต้องการกลิ่นอ่อนๆ เบาๆ เช่น คาโมมายล์ ก็สามารถใช้Chamomile Oil (Roman)
ได้ - เติมในขั้นตอนสุดท้าย: ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ สามารถเติม
น้ำมันหอมระเหย
หรือน้ำหอม
ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำครีม หลังจากที่ผสมส่วนน้ำและน้ำมันเข้าด้วยกันและเนื้อครีมเริ่มเย็นตัวลงแล้ว จากนั้นปั่นหรือคนให้เข้ากันครับSatin Cream Maker
จะช่วยประสานกลิ่นให้เข้ากับเนื้อครีมได้ดีครับ
- สามารถใช้
สรุปการปรับปรุงสูตรและขั้นตอนที่แนะนำ:
- ตัด
Pro Polymer
ออก จาก Water phase. - ลดปริมาณ
Kojic Acid Dipalmitate
ใน Lipid phase ลง (เช่น เหลือ 1-2%). - พิจารณาเปลี่ยนน้ำมันใน Lipid phase จาก
Apricot Kernel Oil
เป็น Ester Oil หรือ Silicone Oil ที่เนื้อบางเบาและไม่มีกลิ่นหืน หรือใช้ร่วมกับOctyldodecanol
ที่คุณมีอยู่. - เพิ่ม
Cyclomethicone
5-8% ในส่วน Lipid phase เพื่อช่วยให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายและซึมเร็วขึ้น. - ตรวจสอบปริมาณ
Satin Cream Maker
ให้เหมาะสม (1.5-2.0%) เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่ข้นตามต้องการและคงตัว. - ขั้นตอนการผสม:
- เตรียม Water phase โดยละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำ (รวมถึง
Satin Cream Maker
) และปั่น/คนให้เนียนเป็นเนื้อเจลครีมก่อน. - เตรียม Lipid phase โดยละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน (รวมถึง
Cyclomethicone
และKojic Acid Dipalmitate
ที่ลดปริมาณแล้ว). - ค่อยๆ เติมส่วน Lipid phase ลงในส่วน Water phase ทีละน้อย พร้อมปั่นหรือคนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ทั้งสองส่วนมีอุณหภูมิใกล้เคียงกัน (ประมาณ 70 องศาตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ).
- เมื่อเนื้อครีมเริ่มเย็นตัวลง ค่อยเติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น
Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus)
และน้ำมันหอมระเหย/น้ำหอม
ในขั้นตอนสุดท้ายและคนให้เข้ากัน.
- เตรียม Water phase โดยละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำ (รวมถึง
การปรับเปลี่ยนเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้เนื้อครีมที่เนียนขึ้น บางเบาขึ้น เกลี่ยง่าย ซึมเร็วขึ้น และไม่มีกลิ่นหืนครับ.
หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการปรับแก้สูตรอีก สามารถสอบถามได้เลยครับ.
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Allantoin

Apricot Kernel Oil (Refined)

Avocado Oil (Refined)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Shea Butter (Refined , Deodorised)

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Light Cream Maker™

Kojic Acid Dipalmitate

Cetrimonium Chloride (CTAC)

Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)

Disodium EDTA

Shea Butter (Ultra Soft)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Satin Cream Maker™

WaterLock™ (Polyquaternium-51)
