ปัญหาการขึ้นสูตรครีม: เนื้อสัมผัส การละลาย และกลิ่น

ถามโดย: j.tasuta เมื่อ: June 23, 2018 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

กำลังขึ้นสูตรครีมและพบปัญหาเกี่ยวกับเนื้อสัมผัสและส่วนผสมบางอย่างครับ สูตรทดลองล่าสุดของผมมีส่วนประกอบตามเฟสดังนี้:

Water Phase:

  • น้ำ
  • Satin Cream Maker
  • Pro Polymer

Lipid Phase:

  • Apricot Kernel Oil (เปลี่ยนจาก Shea Butter)
  • Kojic Acid Dipalmitate
  • Deoxyarbutin
  • Reservoir-Tech
  • SKIN-DEFENSE® V
  • Sym-White™

ส่วนผสมอื่นๆ:

  • Chamomile Extract
  • Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus)

ในการทดลองก่อนหน้านี้พบปัญหา AnyGel จับตัวเป็นก้อน และในการทดลองล่าสุด Pro Polymer ก็จับตัวเป็นก้อน ทำให้เนื้อครีมเป็นเม็ดๆ ข้น และเหนียวเหนอะหนะ สูตรยังมีกลิ่นหืน (ก่อนหน้านี้คิดว่าเป็น Shea Butter แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Apricot Kernel Oil แล้ว) ส่วน Kojic Acid Dipalmitate ละลายยากใน Lipid phase และทำให้ส่วนนี้ข้นเมื่อเย็นตัวลง

มีคำถามดังนี้ครับ:

  1. สามารถใช้น้ำมันตัวไหนที่ละลายง่าย กลิ่นไม่หืนบ้างครับ (ซื้อตัว Octyldodecanol มา สามารถใช้แทนได้มั้ยครับ)
  2. ในขั้นตอนใช้ Pro Polymer ใช้ความร้อนช่วยจะทำให้ละลายดีขึ้นมั้ยครับ และถ้าใช้ปริมาณน้อยลงเนื้อครีมจะข้นน้อยลงมั้ยครับ
  3. ช่วง Lipid phase อยากลดตัว Kojic Acid Dipalmitate ลงอีกได้มั้ยครับ อยากให้ lipid เหลวมากขึ้น การผสมจะง่ายขึ้น เพราะเมื่อเย็นตัวลงจะเคลือบติดรอบบิกเกอร์
  4. จะปรับสูตรอย่างไรให้ได้เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย และซึมเร็วขึ้นครับ
  5. ในสูตรสามารถเพิ่มตัว Cyclomethicone เพื่อให้ทาง่ายแห้งเร็วได้มั้ยครับ ตอนนี้มีตัว Cyclomethicone อยู่ ไม่รู้จะไปเติมในส่วนไหนดี หรือต้องมีตัวประสานเนื้อตัวอื่นเพิ่มอีกครับ
  6. เรื่องกลิ่น สามารถใช้กลิ่นตัวไหนเติมลงไปดีครับ ส่วนตัวอยากได้กลิ่นอ่อนๆ เบาๆ เช่น คาโมมายล์ (Chamomile Oil (Roman) เห็นมีแจ้งว่า "ผสมเข้ากับน้ำหอม หรือองค์ประกอบน้ำหอมอื่นๆ และจึงเติมลงในสูตร โดยสามารถละลายในน้ำมัน แอลกอฮอลล์ Glycols และ Organic Solvents ต่างๆ") ไม่ทราบว่ามีตัวไหนที่ใส่ลงไปในสูตรโดยตรงเลยมั้ยครับ หรือต้องมาผสมน้ำหอมอีกทีนึง

คำตอบ

สวัสดีครับ เข้าใจว่ากำลังทดลองปรับปรุงสูตรครีมเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและประสิทธิภาพตามที่ต้องการนะครับ จากข้อมูลที่คุณให้มาและคำตอบจากเจ้าหน้าที่ ผมจะช่วยสรุปและให้คำแนะนำเพิ่มเติมตามคำถามของคุณครับ

สรุปจากคำแนะนำก่อนหน้า:

  • เจ้าหน้าที่แนะนำให้ตัด Deoxyarbutin และ DMAE ออก หากกังวลเรื่องการระคายเคือง
  • แนะนำให้เพิ่มสัดส่วน Satin Cream Maker เป็น 1.5% หรือ 2-2.5% หากเนื้อเหลวไป
  • แนะนำว่า Satin Cream Maker ควรอยู่ในส่วนของน้ำ และการผสมควรค่อยๆ เติมส่วนน้ำมันลงในส่วนน้ำที่อุ่นใกล้เคียงกัน
  • แนะนำว่า Kojic Acid Dipalmitate จะกระจายตัวในเนื้อครีม ไม่ได้ละลายจนใส

จากสูตรและขั้นตอนที่คุณทดลองทำครั้งล่าสุด:
คุณได้ปรับสูตรโดยตัด DMAE ออก และเปลี่ยน Shea Butter เป็น Apricot Kernel Oil รวมถึงเพิ่ม Pro Polymer และ Satin Cream Maker ใน Water phase และย้าย Deoxyarbutin, Reservoir-Tech, SKIN-DEFENSE® V, Kojic Acid Dipalmitate, Sym-White™ ไปอยู่ใน Lipid phase ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการแยกส่วนผสมตามประเภทครับ

ปัญหาที่พบคือเนื้อครีมมีเม็ดๆ และค่อนข้างข้นเหนียว มีกลิ่นหืน ซึ่งคุณได้ระบุสาเหตุของกลิ่นหืนว่าเป็น Shea Butter (แต่ในสูตรล่าสุดเปลี่ยนเป็น Apricot Kernel Oil แล้ว ซึ่งน้ำมันธรรมชาติก็มีโอกาสหืนได้เช่นกัน) และพบปัญหา AnyGel จับตัวเป็นก้อนในการทดลองครั้งแรก และ Pro Polymer จับตัวเป็นก้อนในการทดลองครั้งที่สอง รวมถึง Chamomile Extract ไม่ค่อยละลาย และ Kojic Acid Dipalmitate ละลายยากและทำให้ Lipid phase ข้นเมื่อเย็นตัวลง

คำตอบสำหรับคำถามของคุณ:

  1. สามารถใช้น้ำมันตัวไหนที่ละลายง่าย กลิ่นไม่หืนบ้าง?

    • Octyldodecanol ที่คุณมี สามารถใช้แทนน้ำมันธรรมชาติในสูตรได้ครับ จะช่วยให้เนื้อสูตรไม่เหนอะหนะเท่า Shea Butter หรือ Apricot Kernel Oil และไม่มีกลิ่นหืน อย่างไรก็ตาม ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งไว้ Octyldodecanol เน้นการช่วยกระจายสีในสูตรเมคอัพเป็นหลัก แต่ก็สามารถใช้เป็น Emollient ในครีมบำรุงได้ครับ หากต้องการน้ำมันที่เนื้อบางเบา ซึมง่าย และไม่มีกลิ่นหืน สามารถพิจารณาใช้กลุ่ม Ester Oil อื่นๆ ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา เช่น Caprylic/Capric Triglyceride (MCT Oil), Isopropyl Myristate (IPM), Isopropyl Palmitate (IPP) หรือกลุ่ม Silicone Oil เช่น Cyclomethicone (ซึ่งจะตอบในข้อ 5) แทนที่น้ำมันธรรมชาติได้ครับ
  2. ขั้นตอนใช้ Pro Polymer ใช้ความร้อนช่วยละลายดีขึ้นมั้ย? ลดปริมาณแล้วเนื้อข้นน้อยลงมั้ย?

    • ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ก่อนหน้านี้ แนะนำให้ตัด Pro Polymer ออกจากสูตรเลยครับ เนื่องจากสูตรของคุณมี Satin Cream Maker ซึ่งทำหน้าที่สร้างเนื้อครีมและประสานน้ำมันเข้ากับน้ำอยู่แล้ว การใช้ Pro Polymer ในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดปัญหาเนื้อไม่เนียน จับตัวเป็นก้อนตามที่คุณพบได้ครับ
    • หากยังต้องการใช้ Pro Polymer (ซึ่งไม่แนะนำในสูตรนี้) การใช้ความร้อน (ตามที่คุณทดลองที่ 50-60 องศา) จะช่วยให้ละลายได้ดีขึ้นและกระจายตัวได้เนียนขึ้นครับ และใช่ครับ การใช้ Pro Polymer ในปริมาณน้อยลงจะทำให้เนื้อครีมข้นน้อยลงตามสัดส่วนการใช้ครับ
  3. ลดปริมาณ Kojic Acid Dipalmitate ได้มั้ย?

    • ได้แน่นอนครับ การลดปริมาณ Kojic Acid Dipalmitate จะช่วยให้ส่วนของ Lipid phase เหลวมากขึ้นและผสมได้ง่ายขึ้นเมื่อเย็นตัวลงครับ ในสูตรของคุณมีส่วนผสมเพื่อผิวขาวอื่นๆ อยู่แล้ว เช่น Ethyl Ascorbic acid, L-Glutathione, Tranexamic Acid, Deoxyarbutin, Sym-White™ ซึ่งเพียงพอที่จะช่วยเรื่องความขาวได้ครับ การลด Kojic Acid Dipalmitate ลงเหลือ 1% หรือตามความเหมาะสมที่คุณทดลองแล้วละลายง่ายขึ้น เป็นแนวทางที่ดีครับ
  4. ปรับสูตรให้เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย แห้งเร็ว?

    • ลดปริมาณรวมของส่วน Lipid phase: สัดส่วน Lipid phase ในสูตรล่าสุดของคุณคือ 14.10% ซึ่งค่อนข้างสูงสำหรับครีมที่ต้องการเนื้อบางเบา ลองลดปริมาณรวมของส่วนน้ำมันลง เช่น เหลือประมาณ 8-10% โดยอาจลดปริมาณ Apricot Kernel Oil หรือ Kojic Acid Dipalmitate (ตามข้อ 3)
    • ใช้น้ำมัน/Emollient ที่เนื้อบางเบา: แทนที่จะใช้ Shea Butter หรือ Apricot Kernel Oil ซึ่งเนื้อค่อนข้างหนัก ลองใช้ Ester Oil หรือ Silicone Oil ที่เนื้อบางเบาและซึมง่ายกว่า เช่น Caprylic/Capric Triglyceride (MCT Oil), Isopropyl Myristate (IPM), Isopropyl Palmitate (IPP) หรือ Cyclomethicone (ตามข้อ 5)
    • ปรับ Emulsifier: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้ Satin Cream Maker ในปริมาณที่เหมาะสม (ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่คือ 1.5% หรือเพิ่มเป็น 1.8-2.0% หากเนื้อเหลวไป) เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่ข้นตามต้องการและคงตัว
    • ตัด Pro Polymer ออก: ตามที่แนะนำในข้อ 2 การตัด Pro Polymer ออกจะช่วยให้เนื้อครีมเนียนขึ้นและไม่เป็นเม็ดเจล
  5. เพิ่ม Cyclomethicone ได้มั้ย? เติมส่วนไหน? ต้องมีตัวประสานเพิ่มมั้ย?

    • ได้ครับ การเพิ่ม Cyclomethicone (5-8% ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่) จะช่วยให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายขึ้นและซึมเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกบางเบาและไม่เหนอะหนะ
    • เติมในส่วน Lipid phase: Cyclomethicone เป็น Silicone Oil ควรเติมในส่วนของน้ำมัน (Lipid phase) ครับ
    • ไม่ต้องมีตัวประสานเพิ่ม: Satin Cream Maker ที่คุณใช้เป็น Emulsifier ที่สามารถประสานน้ำมันเข้ากับน้ำได้อยู่แล้ว รวมถึง Silicone Oil ด้วย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเพิ่ม Emulsifier ตัวอื่นเพื่อประสาน Cyclomethicone ครับ
  6. เรื่องกลิ่น สามารถใช้กลิ่นตัวไหนเติมลงไปดี? เติมลงในสูตรโดยตรงได้มั้ย?

    • สามารถใช้ น้ำมันหอมระเหย หรือ น้ำหอม ที่คุณต้องการเติมลงในสูตรได้ครับ หากต้องการกลิ่นอ่อนๆ เบาๆ เช่น คาโมมายล์ ก็สามารถใช้ Chamomile Oil (Roman) ได้
    • เติมในขั้นตอนสุดท้าย: ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ สามารถเติม น้ำมันหอมระเหย หรือ น้ำหอม ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำครีม หลังจากที่ผสมส่วนน้ำและน้ำมันเข้าด้วยกันและเนื้อครีมเริ่มเย็นตัวลงแล้ว จากนั้นปั่นหรือคนให้เข้ากันครับ Satin Cream Maker จะช่วยประสานกลิ่นให้เข้ากับเนื้อครีมได้ดีครับ

สรุปการปรับปรุงสูตรและขั้นตอนที่แนะนำ:

  • ตัด Pro Polymer ออก จาก Water phase.
  • ลดปริมาณ Kojic Acid Dipalmitate ใน Lipid phase ลง (เช่น เหลือ 1-2%).
  • พิจารณาเปลี่ยนน้ำมันใน Lipid phase จาก Apricot Kernel Oil เป็น Ester Oil หรือ Silicone Oil ที่เนื้อบางเบาและไม่มีกลิ่นหืน หรือใช้ร่วมกับ Octyldodecanol ที่คุณมีอยู่.
  • เพิ่ม Cyclomethicone 5-8% ในส่วน Lipid phase เพื่อช่วยให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายและซึมเร็วขึ้น.
  • ตรวจสอบปริมาณ Satin Cream Maker ให้เหมาะสม (1.5-2.0%) เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่ข้นตามต้องการและคงตัว.
  • ขั้นตอนการผสม:
    • เตรียม Water phase โดยละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำ (รวมถึง Satin Cream Maker) และปั่น/คนให้เนียนเป็นเนื้อเจลครีมก่อน.
    • เตรียม Lipid phase โดยละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน (รวมถึง Cyclomethicone และ Kojic Acid Dipalmitate ที่ลดปริมาณแล้ว).
    • ค่อยๆ เติมส่วน Lipid phase ลงในส่วน Water phase ทีละน้อย พร้อมปั่นหรือคนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ทั้งสองส่วนมีอุณหภูมิใกล้เคียงกัน (ประมาณ 70 องศาตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ).
    • เมื่อเนื้อครีมเริ่มเย็นตัวลง ค่อยเติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus) และ น้ำมันหอมระเหย/น้ำหอม ในขั้นตอนสุดท้ายและคนให้เข้ากัน.

การปรับเปลี่ยนเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้เนื้อครีมที่เนียนขึ้น บางเบาขึ้น เกลี่ยง่าย ซึมเร็วขึ้น และไม่มีกลิ่นหืนครับ.

หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการปรับแก้สูตรอีก สามารถสอบถามได้เลยครับ.

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)
Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Allantoin
Allantoin
เครื่องสำอาง
Apricot Kernel Oil (Refined)
Apricot Kernel Oil (Refined)
เครื่องสำอาง
Avocado Oil (Refined)
Avocado Oil (Refined)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Refined , Deodorised)
Shea Butter (Refined , Deodorised)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Light Cream Maker™
Light Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Kojic Acid Dipalmitate
Kojic Acid Dipalmitate
เครื่องสำอาง
Cetrimonium Chloride (CTAC)
Cetrimonium Chloride (CTAC)
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Ultra Soft)
Shea Butter (Ultra Soft)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
Satin Cream Maker™
Satin Cream Maker™
เครื่องสำอาง
WaterLock™ (Polyquaternium-51)
WaterLock™ (Polyquaternium-51)
เครื่องสำอาง
Trans-White™
Trans-White™
เครื่องสำอาง
Double Hyaluron Liquid
Double Hyaluron Liquid
เครื่องสำอาง
DMAE (SkinTight MD™) Liquid
DMAE (SkinTight MD™) Liquid
เครื่องสำอาง
Ethyl Alcohol (99.9% , 200 Proof, Research/Perfumer Grade)
Ethyl Alcohol (99.9% , 200 Proof, Research/Perfumer Grade)
เครื่องสำอาง
Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)
Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
เครื่องสำอาง
Trisiloxane
Trisiloxane
เครื่องสำอาง
Chamomile Extract (Apigenin)
Chamomile Extract (Apigenin)
เครื่องสำอาง
Octyldodecanol
Octyldodecanol
เครื่องสำอาง
AnyGel™
AnyGel™
เครื่องสำอาง
Deoxyarbutin (D-Arbutin)
Deoxyarbutin (D-Arbutin)
เครื่องสำอาง