ปัญหาการขึ้นเนื้อครีม: เนื้อไม่ชุ่มชื้นและเหลวลงเมื่อใส่สารกันเสีย
คำถาม
สอบถามเกี่ยวกับสูตรครีมที่มีส่วนประกอบดังนี้ค่ะ:
- Aloe Vera Extract 2%
- Cucumber Extract 3%
- Calendula Extract 3%
- German Chamomile Extract 1%
- Luxury Cream Maker 3%
- Nature Preserve 1%
- Water 87%
มีคำถามดังนี้ค่ะ:
- เนื้อสัมผัสของครีมพอทาได้สักพักแล้วรู้สึกว่าผิวไม่ชุ่มชื้น ควรมีส่วนผสมอะไรเพิ่มเติม หรือควรใช้ตัวสร้างเนื้อครีมตัวไหนคะ
- ตอนใส่
Nature Preserve
ขั้นตอนสุดท้าย ทำให้เนื้อครีมเหลวลงเยอะกว่าก่อนใส่สารกันเสีย มีวิธีแก้ไขยังไงคะ
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับการปรับปรุงสูตร
จากสูตรที่คุณได้ให้มาและปัญหาที่คุณพบ นี่คือคำแนะนำบางประการ:
ปัญหาเนื้อครีมไม่ชุ่มชื้นหลังทา
สูตรปัจจุบันของคุณมีสารสกัดที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น สารสกัดว่านหางจระเข้ สารสกัดแตงกวา สารสกัดดาวเรือง และสารสกัดคาโมมายล์เยอรมัน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมและให้ความชุ่มชื้นบางส่วน อย่างไรก็ตาม สูตรนี้ยังขาดส่วนผสมที่ช่วยสร้างเกราะป้องกันความชุ่มชื้นบนผิวที่ยาวนานกว่าเดิม
เพื่อปรับปรุงความรู้สึกชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้ผิวรู้สึกแห้งหลังทา ลองพิจารณาเพิ่มสารให้ความนุ่มลื่น (emollients) และสารให้ความชุ่มชื้น (humectants):
- สารให้ความนุ่มลื่น: การเพิ่มน้ำมันบางเบา เช่น Fractionated Coconut Oil (Caprylic/Capric Triglyceride) ในอัตราส่วน 3-5% สามารถช่วยปรับปรุงความรู้สึกบนผิวได้อย่างมาก ทำให้ผิวนุ่มและเรียบเนียนขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนอะหนะ ช่วยลดการสูญเสียน้ำจากผิว
- สารให้ความชุ่มชื้น: การเพิ่ม Hyaluronic Acid สามารถช่วยเสริมความชุ่มชื้นได้ การใช้ Hyaluronic Acid ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกัน เช่น Hyaluronic Acid (Standard Molecule) สำหรับให้ความชุ่มชื้นที่ผิวชั้นนอก และ Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons) สำหรับการซึมซาบที่ลึกขึ้น สามารถให้ความชุ่มชื้นได้หลายระดับ คุณสามารถเพิ่มแต่ละชนิดในอัตราส่วน 0.1-0.3%
- สารให้ความชุ่มชื้นที่ไม่มีน้ำมัน: หากคุณต้องการตัวเลือกที่ไม่มีน้ำมัน Glass Moist เป็นเจลครีมเข้มข้นที่สามารถกระจายตัวในสูตรของคุณเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและให้ผลลัพธ์แบบ "Glass Skin"
ปัญหาเนื้อครีมเหลวลงเมื่อใส่สารกันเสีย
การที่เนื้อครีมเหลวลงหลังจากใส่ Nature Preserve มีแนวโน้มสูงว่าเกิดจากสารกันเสียมีส่วนประกอบของอิเล็กโทรไลต์ (Sodium Benzoate) แม้ว่า Luxury Cream Maker จะค่อนข้างทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ แต่ก็ยังสามารถได้รับผลกระทบ ทำให้ความหนืดลดลงได้
นี่คือวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าว:
- เพิ่ม Luxury Cream Maker: คุณอาจลองเพิ่มอัตราส่วนของ Luxury Cream Maker ในสูตรเล็กน้อย (เช่น จาก 3% เป็น 3.5% หรือ 4%) เพื่อชดเชยผลกระทบจากการเหลวลง
- พิจารณาใช้ Cream Maker ชนิดอื่น: ลองพิจารณาใช้ Cream Maker ชนิดอื่นที่อาจไวต่ออิเล็กโทรไลต์น้อยกว่า หรือให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างออกไป Soft Cream Maker ให้เนื้อครีมนุ่มเงา ต้องใช้ความร้อนและใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงในการเซ็ตตัว Moist Cream Maker เหมาะสำหรับครีมเนื้อหนักและเข้ากันได้ดีกับอิเล็กโทรไลต์ แต่อาจต้องเสริมด้วยสารเพิ่มความหนืด เช่น Xanthan Gum ในสูตรที่มีอิเล็กโทรไลต์สูง Velvet Cream Maker ให้ความรู้สึกแมตต์และไม่เหนอะหนะ
- ปรับขั้นตอนการใส่สารกันเสีย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อครีมมีการสร้างโครงสร้างที่สมบูรณ์แล้วก่อนที่จะใส่สารกันเสีย ค่อยๆ เติมสารกันเสียลงไปพร้อมกับคนเบาๆ
อาจต้องมีการทดลองเพื่อหาสมดุลที่เหมาะสมและได้เนื้อสัมผัสและความรู้สึกชุ่มชื้นที่คุณต้องการ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Calendula Extract (Water Soluble)

Fractionated Coconut Oil

Cucumber Extract (France)

Luxury Cream Maker™

Soft Cream Maker™

Moist Cream Maker™ (e.q. Emulgade PL 68/50)

Velvet Cream Maker™ (e.q. Sensanov WR)
