ปัญหาการทำสูตรครีม: อนุภาคไม่ละลาย ความเหนียว การแยกชั้น และวิธีการผสม

ถามโดย: taeioyou เมื่อ: February 25, 2017 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ในการทำสูตรครีม ผมพบปัญหาหลายอย่างดังนี้ครับ:

  • Pro Polymer ละลายไม่หมด ยังเป็นเม็ดๆ ที่บวมน้ำคล้ายเม็ดสาคู (ทั้งก่อนและหลังเทลงในสูตร)
  • เวลาทาครีมบนหน้าเหมือนเป็นเม็ดทราย/สครับ คิดว่าน่าจะมาจาก Phospholipid ที่ไม่สามารถละลายในน้ำมันได้
  • ขอวิธีที่ช่วยในการทำให้ Pro Polymer ละลายให้หมดด้วยครับ (เนื่องจากมีสารที่ไม่ทนร้อน ขอแบบไม่ร้อนครับ)
  • เนื่องจากสูตรด้านบนเหนียว คงเพราะ Pro Polymer เลยทำใหม่อีก 100 กรัม (สูตร 2) โดยลดปริมาณ Witch Hazel ลง และใส่ Satin Cream Maker 0.6% แทน และลด Pro Polymer เหลือ 0.2% สามารถใช้สารก่อครีม 3 ตัวร่วมกันได้ไหมครับ (Light Cream Maker, Pro Polymer, Satin Cream Maker)
  • ปัญหาที่เจอในสูตร 2 มีทั้ง Pro Polymer และ Satin Cream Maker ที่ละลายไม่หมด ถ้าจะแก้ไขด้วยใช้เครื่องปั่น overhead stirrer ที่ขายในหน้าเวป จะแก้ปัญหานี้ได้ไหมครับ แต่หน้าซื้อขาย Satin Cream Maker พบ “ไม่ควรปั่นเกิน 2500รอบต่อนาที เนื่องจากจะทำให้ polymer เสียหาย และเนื้อสูตรอ่อนตัวลงได้” ก็เลยถามคำถามนี้มาว่าผมต้องทำอย่างไรครับ ขอคำตอบทั้งใช้ overhead stirrer และไม่ใช้ overhead stirrer
  • จากสูตรด้านบน ต้องการลดความเหนียวและต้องการให้ Phospholipid ละลาย เลยปรับทำใหม่โดยการไม่ใส่ Vit E, Water Film และนำ Phospholipid ไปละลายในน้ำแทนน้ำมัน พบว่าละลายได้ดีมากและไม่เป็นเม็ดทราย จึงนำสูตรที่เคยทำไปแล้วทั้ง 2 สูตรมาผสมกับสูตรล่าสุด แล้วเติม Ethoxydiglycol ลงไป 10 กรัม ปรากฏว่าเนื้อครีมจากที่เนียนๆ มีลักษณะผิดปกติ เป็นคล้ายๆ โปรตีนที่ถูกกรดไฮโรไลซ์ หรือคล้ายตะกอนแขวนลอยในครีม อีกทั้งยังมีการแยกชั้นของครีมเวลาบีบครีมออกมาจะเป็น 2 ส่วนที่ไม่เข้ากัน คำถามคือ เกิดจากอะไรครับ เพราะอะไรเหรอครับ ถ้าทำครั้งหน้าจะได้ระวังขึ้น หมดสารไปเยอะเลย

คำตอบ

ปัญหาและแนวทางแก้ไขในการทำสูตรครีม

จากรายละเอียดที่คุณให้มาเกี่ยวกับสูตรครีมที่คุณทำและปัญหาที่พบ รวมถึงการตอบกลับจากทีมงาน นี่คือคำอธิบายและคำแนะนำในการแก้ไข:

ปัญหาที่พบในสูตรที่ 1 (ข้อ i, ii, iii, iv)

คุณพบปัญหา Pro Polymer และ Phospholipid ละลายไม่หมด ทำให้เนื้อครีมมีลักษณะเป็นเม็ดและเหนียว

  • Pro Polymer และ Phospholipid ละลายไม่หมด (i, ii): คุณเข้าใจถูกต้องว่าลักษณะที่เป็นเม็ดทราย/สครับ น่าจะมาจากส่วนผสมที่ละลายไม่สมบูรณ์ ทั้ง Pro Polymer และ Phospholipid ต้องการแรงปั่นที่เพียงพอในการกระจายตัวและดูดซับน้ำ การใช้เครื่อง magnetic stirrer ในตอนแรกอาจมีแรงปั่นไม่พอ
  • วิธีละลาย Pro Polymer โดยไม่ใช้ความร้อน (iii): ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ Pro Polymer ยืนยันว่าสามารถละลายในน้ำได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อน แต่ต้องใช้การคน/ปั่นอย่างช้าๆ เป็นเวลา 3-5 นาที หรือหากสูตรมี Glycerin หรือ Butylene Glycol มากกว่า 5% สามารถนำ Pro Polymer ไปผสมกับ Glycerin/Butylene Glycol ก่อน แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำ วิธีนี้จะช่วยให้กระจายตัวได้ดีขึ้น การใช้เครื่องปั่นที่มีแรงปั่นสูงขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ
  • ความเหนียวจาก Pro Polymer (iv): Pro Polymer เป็นสารก่อเจลที่ให้ความหนืด การใช้ 0.3% ในสูตรแรก ร่วมกับสารก่อเจล/เพิ่มความหนืดอื่นๆ เช่น Hydrogel และ Natto Gum อาจทำให้เนื้อสูตรเหนียวเกินไป การลดปริมาณลงเหลือ 0.2% ในสูตรที่สองเป็นการปรับที่ดีเพื่อลดความหนืด

คำถามเกี่ยวกับสูตรที่ 2 (ข้อ iv - คำถามย่อย)

คุณได้ปรับปรุงสูตรโดยลด Witch Hazel และ Pro Polymer และเพิ่ม Satin Cream Maker คุณได้ถามเกี่ยวกับการใช้สารก่อครีมร่วมกันและการใช้เครื่องปั่น overhead stirrer

  • การใช้ Light Cream Maker, Pro Polymer และ Satin Cream Maker ร่วมกัน (iv - คำถามย่อย 1): โดยทั่วไปแล้วสามารถใช้สารเพิ่มความหนืดและสารก่ออิมัลชันหลายชนิดร่วมกันในสูตรได้ เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและความคงตัวตามที่ต้องการ Light Cream Maker และ Satin Cream Maker เป็นทั้งสารก่ออิมัลชันและสารเพิ่มความหนืด ส่วน Pro Polymer เป็นหลักคือสารก่อเจล/เพิ่มความหนืด อย่างไรก็ตาม ส่วนผสมแต่ละชนิดมีข้อกำหนดในการเข้ากันได้ (เช่น ช่วง pH, ความทนต่ออิเล็กโทรไลต์, วิธีการผสม) คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ และองค์ประกอบโดยรวมของสูตร ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ Light Cream Maker และ Satin Cream Maker กล่าวถึงความทนต่ออิเล็กโทรไลต์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับส่วนผสมอย่าง Natto Gum
  • การใช้เครื่องปั่น Overhead Stirrer และข้อจำกัดความเร็ว (iv - คำถามย่อย 2):
    • Overhead Stirrer: เครื่องปั่นแบบ overhead stirrer ให้แรงเฉือนสูงกว่า magnetic stirrer อย่างมาก ซึ่งจำเป็นต่อการกระจายตัวและละลายส่วนผสมอย่าง Pro Polymer และ Satin Cream Maker ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้ควรช่วยแก้ปัญหาเม็ดที่ไม่ละลายที่คุณพบได้ คำแนะนำของทีมงานให้ใช้ overhead stirrer เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
    • ข้อจำกัดความเร็ว: คำเตือนบนผลิตภัณฑ์ Satin Cream Maker ที่ไม่ควรปั่นเกิน 2500 รอบต่อนาทีเป็นสิ่งสำคัญ แรงเฉือนที่สูงเกินไปสามารถทำลายโครงสร้างโพลิเมอร์ของส่วนผสมเหล่านี้ได้ ทำให้ความหนืดลดลงหรืออิมัลชันไม่คงตัวได้ แม้ว่า overhead stirrer จะทำความเร็วได้สูง แต่หลายรุ่นสามารถควบคุมความเร็วได้ คุณควรใช้เครื่องปั่น overhead stirrer ที่ความเร็วที่เพียงพอสำหรับการผสมและการละลายที่เหมาะสม แต่ต้องไม่เกินความเร็วสูงสุดที่แนะนำสำหรับ Satin Cream Maker (และ Pro Polymer ซึ่งก็มีข้อควรระวังคล้ายกัน) ปฏิบัติตามคำแนะนำการผสมเฉพาะสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิด โดยให้แน่ใจว่าใช้เวลาปั่นที่เพียงพอที่ความเร็วที่เหมาะสม

การจัดการสิ่งแปลกปลอม (v)

การป้องกันการปนเปื้อนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจำหน่าย

  • การป้องกันการปนเปื้อน: คำแนะนำของทีมงานเกี่ยวกับการทำงานในสถานที่ผลิตที่ปิดเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเป็น clean room เต็มรูปแบบสำหรับการผลิตขนาดเล็ก แต่การลดอนุภาคในอากาศเป็นสิ่งสำคัญ การใช้เครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยได้ นอกจากนี้:
    • ทำงานในพื้นที่ที่สะอาดและจัดไว้โดยเฉพาะ
    • ทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์และภาชนะทั้งหมดอย่างทั่วถึงก่อนใช้งาน
    • ใช้ส่วนผสมที่สะอาดและมีคุณภาพสูง
    • สวมถุงมือ หมวกคลุมผม และหน้ากาก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากตัวคุณเอง
    • กรองส่วนผสมที่เป็นของเหลวหากจำเป็น เพื่อกำจัดอนุภาคที่มองเห็นได้ ก่อนนำไปผสมในส่วนผสมหลัก
  • วิธีแก้ไขที่ปลายเหตุ: หากเกิดการปนเปื้อน โดยเฉพาะอนุภาคหรือก้อนที่มองเห็นได้ การกรองผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายผ่านตะแกรงละเอียดหรือผ้ากรองสามารถช่วยกำจัดสิ่งเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นวิธีแก้ไขที่ "ปลายเหตุ" และไม่ได้จัดการกับการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์หรือป้องกันปัญหาในอนาคต การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนตั้งแต่แรก

ปัญหาจากการผสมสูตรและ Ethoxydiglycol (vi)

การนำสูตรที่ทำไว้ก่อนหน้านี้มาผสมกับสูตรใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการผสมส่วนผสม (Phospholipid ในน้ำ) และการเติม Ethoxydiglycol น่าจะเป็นสาเหตุของความไม่คงตัว การแยกชั้น และเนื้อสัมผัสที่ผิดปกติ

  • ความไม่เข้ากันและความไม่คงตัว: การผสมสูตรที่แตกต่างกันซึ่งอาจมีการกระจายตัวของส่วนผสมและความคงตัวของอิมัลชันที่แตกต่างกัน อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้
  • การกระจายตัวของ Phospholipid: แม้ว่า Phospholipid จะสามารถกระจายตัวในน้ำหรือน้ำมันได้ แต่ข้อมูลผลิตภัณฑ์เน้นย้ำให้ปั่นผสมในสูตรขั้นสุดท้ายที่มีทั้งส่วนของน้ำและน้ำมัน เพื่อให้กระจายตัวและทำหน้าที่เป็น co-emulsifier/penetration enhancer ได้อย่างเหมาะสม การละลายในน้ำเพียงอย่างเดียวแล้วนำไปเติมในอิมัลชันที่มีอยู่แล้ว อาจทำให้ไม่สามารถรวมตัวเข้ากับสูตรได้อย่างถูกต้อง
  • ความเข้มข้นและคุณสมบัติการละลายของ Ethoxydiglycol: Ethoxydiglycol เป็นตัวทำละลายและตัวนำพาที่ค่อนข้างแรง แม้จะมีประโยชน์ แต่การใช้ในความเข้มข้นสูง (10 กรัมในปริมาณที่คุณทำ) สามารถรบกวนสมดุลที่ละเอียดอ่อนของอิมัลชันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากระบบอิมัลชันมีความเครียดอยู่แล้ว (เช่น จากการผสมสูตรที่ไม่เข้ากัน หรือการผสมส่วนผสมที่ไม่ถูกต้อง) คำแนะนำของทีมงานให้ลดความเข้มข้นลงเหลือ 5% และผสมในส่วนของน้ำ เป็นวิธีมาตรฐานในการลดปัญหาความไม่คงตัว ลักษณะที่คล้าย "โปรตีนที่ถูกไฮโดรไลซ์" อาจเป็นผลมาจากการรวมตัวกันของส่วนผสม (เช่น Hydrolyzed Silk Protein หรือแม้แต่สารก่ออิมัลชัน/โพลิเมอร์ที่ไม่คงตัว) เนื่องมาจากคุณสมบัติการละลายของ Ethoxydiglycol และความไม่คงตัวโดยรวมของสูตร

คำแนะนำสำหรับการทำสูตรในครั้งต่อไป:

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำการผสมเฉพาะสำหรับวัตถุดิบแต่ละชนิดเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโพลิเมอร์อย่าง Pro Polymer และสารก่ออิมัลชันอย่าง Light Cream Maker และ Satin Cream Maker ให้ความสำคัญกับวิธีการกระจายตัว ข้อจำกัดอุณหภูมิ และความเร็วในการปั่น
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีอุปกรณ์การผสมที่เพียงพอ เช่น overhead stirrer สำหรับส่วนผสมที่ต้องการแรงเฉือนสูง ควบคุมความเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อโพลิเมอร์
  • เมื่อใช้สารเพิ่มความหนืด/สารก่ออิมัลชันหลายชนิดร่วมกัน ให้ตรวจสอบความเข้ากันได้และพิจารณาเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นที่ต่ำลงและปรับเพิ่มตามต้องการ
  • ผสมส่วนผสมอย่าง Phospholipid และ Ethoxydiglycol ตามวิธีการที่แนะนำ (เช่น กระจาย Phospholipid ในส่วนของน้ำและน้ำมันที่รวมกันแล้ว โดยใช้การปั่นที่เพียงพอ, เติม Ethoxydiglycol ในส่วนของน้ำ)
  • หลีกเลี่ยงการนำสูตรที่ทำเสร็จแล้วหรือกึ่งสำเร็จรูปมาผสมกัน เว้นแต่สูตรและกระบวนการจะถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับสิ่งนี้ เพราะมักนำไปสู่ความไม่คงตัว
  • สำหรับการผลิตเพื่อจำหน่าย ให้ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยและหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการปนเปื้อน

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าคุณสูญเสียส่วนผสมไปในการทดลอง การทำสูตรมักเกี่ยวข้องกับการลองผิดลองถูก การทำความเข้าใจคุณสมบัติของส่วนผสมและปฏิบัติตามขั้นตอนที่แนะนำ จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จมากขึ้นในการทำครั้งต่อไป.

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
NaturalProfile™ Safflower Seed Oil (Cold-Pressed)
NaturalProfile™ Safflower Seed Oil (Cold-Pressed)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Light Cream Maker™
Light Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Witch Hazel (Distillate - Alcohol Free, Paraben Free)
Witch Hazel (Distillate - Alcohol Free, Paraben Free)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
Satin Cream Maker™
Satin Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Soy Extract (Isoflavones / Genistein)
Soy Extract (Isoflavones / Genistein)
เครื่องสำอาง
Butylene Glycol
Butylene Glycol
เครื่องสำอาง
Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)
Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)
เครื่องสำอาง
Natto Gum (Nutto Gum)
Natto Gum (Nutto Gum)
เครื่องสำอาง
Hydro Gel (Biosaccharide Gum-1)
Hydro Gel (Biosaccharide Gum-1)
เครื่องสำอาง
Hydrolyzed Silk Protein (Sericin)
Hydrolyzed Silk Protein (Sericin)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
เครื่องสำอาง
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
เครื่องสำอาง
Water-Film™ (Galactoarabinan)
Water-Film™ (Galactoarabinan)
เครื่องสำอาง
MOIST24
MOIST24
เครื่องสำอาง
Phospholipid
Phospholipid
เครื่องสำอาง