ปัญหาการพัฒนาสูตรสกินแคร์: อาการแพ้, ความใส, และการปรับเนื้อสัมผัส
คำถาม
ฉันได้ทำสูตรสกินแคร์ที่มีส่วนผสมและสัดส่วนดังนี้:
- Vitamin B3, Niacinamide 4%
- N-Acetyl-D Glucosamine 4%
- Aloe Vera Extract(10:1) 5%
- Beta Glucan 5%
- Pro Polymer 1%
- Phenoxyethanol 1%
- น้ำ 80%
หลังจากที่ใช้สูตรนี้แล้วมีตุ่มคล้ายสิวอักเสบขึ้นเต็มหน้า อยากสอบถามว่า:
- สาเหตุของอาการแพ้นี้เกิดจากอะไร?
- ทำอย่างไรให้เนื้อเจลใส?
- ทำอย่างไรให้เนื้อเปลี่ยนจากเจลเป็นเซรั่ม?
- ขั้นตอนการผสมที่ถูกต้องสำหรับสูตรแบบนี้เป็นอย่างไร?
เข้าใจว่าสูตรอาจไม่เหมาะกับผิว แต่ต้องการคำแนะนำในการหาสาเหตุและปรับปรุงสูตรและขั้นตอนค่ะ
คำตอบ
โอเคค่ะ เข้าใจคำถามของคุณเกี่ยวกับสูตรสกินแคร์ที่คุณทำขึ้นมา รวมถึงคำถามเพิ่มเติมและคำตอบจากเจ้าหน้าที่นะคะ
จากข้อมูลที่คุณให้มาและคำตอบก่อนหน้านี้ ขอสรุปและให้คำแนะนำดังนี้ค่ะ
การวิเคราะห์สูตรและปัญหาผิว
สูตรที่คุณให้มาประกอบด้วย:
- Vitamin B3, Niacinamide 4%
- N-Acetyl-D Glucosamine 4%
- Aloe Vera Extract(10:1) 5%
- Beta Glucan 5%
- Pro Polymer 1%
- Phenoxyethanol 1%
- น้ำ 80%
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าสูตรนี้สามารถใช้งานได้ในหลักการ แต่จากที่คุณแจ้งว่ามีตุ่มคล้ายสิวอักเสบขึ้นเต็มหน้าหลังใช้ แสดงว่าสูตรนี้ ไม่เหมาะกับผิวของคุณเป็นการเฉพาะ และคุณควร หยุดใช้ทันที ค่ะ อาการแพ้หรือระคายเคืองสามารถเกิดขึ้นได้กับส่วนผสมใดก็ได้ในสูตร แม้จะเป็นส่วนผสมที่ดีและมีประโยชน์สำหรับคนส่วนใหญ่ก็ตาม
การหาสาเหตุของการแพ้
ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ วิธีเดียวที่เชื่อถือได้ในการระบุว่าคุณแพ้ส่วนผสมตัวใดคือ การทดสอบส่วนผสมแต่ละตัวแยกกัน โดยให้ผสมส่วนผสมแต่ละชนิดในน้ำกลั่นตามสัดส่วนที่คุณใช้ในสูตร (เช่น Niacinamide 4% ในน้ำ 96%) แล้วนำมาทดสอบทาบริเวณเล็กๆ ที่ผิว (เช่น ท้องแขน) เพื่อดูว่าส่วนผสมตัวใดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ค่ะ ดิฉันไม่สามารถระบุส่วนผสมที่ทำให้คุณแพ้ได้โดยตรงจากการดูแค่สูตรค่ะ
การปรับเปลี่ยนสูตร
- การทำให้เนื้อเจลใส: เจ้าหน้าที่ได้ให้คำตอบที่ถูกต้องแล้วค่ะว่า Beta Glucan เป็นส่วนผสมที่ทำให้เนื้อเจลขุ่น หากต้องการเนื้อเจลที่ใส คุณจะต้องตัด Beta Glucan ออกจากสูตรค่ะ
- การเปลี่ยนเป็นเนื้อเซรั่ม: เนื้อเซรั่มมักจะมีความหนืดน้อยกว่าเนื้อเจล ในสูตรของคุณ Pro Polymer ทำหน้าที่เป็นสารสร้างเนื้อเจล (สารเพิ่มความหนืด) หากต้องการเปลี่ยนเนื้อจากเจลเป็นเซรั่ม คุณจะต้อง ลดปริมาณ Pro Polymer ลง หรืออาจพิจารณาใช้สารเพิ่มความหนืดชนิดอื่นที่เหมาะกับการทำเซรั่มที่มีความหนืดต่ำกว่า
- เนื้อเจลกับเนื้อเซรั่ม แบบไหนดีกว่ากัน: ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง ไม่ได้มีแบบไหนดีกว่ากันโดยทั่วไปค่ะ การเลือกใช้เนื้อเจลหรือเซรั่มขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สภาพผิว และความรู้สึกที่ต้องการบนผิว รวมถึงการซึมซาบ
ขั้นตอนการผสม
แม้ว่าขั้นตอนการผสมอาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและความคงตัวของผลิตภัณฑ์ (เช่น เป็นก้อน แยกชั้น) แต่ ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของการแพ้ ซึ่งมักเกิดจากการตอบสนองของผิวต่อส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่งโดยตรง สำหรับสูตรเจล/เซรั่มพื้นฐานที่เป็นเบสน้ำแบบนี้ ขั้นตอนการผสมทั่วไปมีดังนี้ค่ะ:
- เตรียมส่วนของน้ำ (น้ำเปล่า อาจรวมถึง Aloe Vera Extract หากต้องใช้ความร้อนเพื่อละลายหรือฆ่าเชื้อ แต่สารสกัดส่วนใหญ่มักเติมภายหลัง)
- ละลายส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ (Niacinamide, N-Acetyl-D Glucosamine, Beta Glucan หากยังคงใช้) ในส่วนของน้ำ
- ค่อยๆ โปรยสารสร้างเนื้อเจล (Pro Polymer) ลงในส่วนของน้ำที่กำลังคนอยู่ช้าๆ เพื่อให้กระจายตัวได้ดี ควรคนอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-5 นาที ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนหรือความเย็น คนจนได้เนื้อเจลที่เนียนเข้ากันดี ไม่ควรปั่นด้วยความเร็วสูงเกินไป (เช่น เกิน 2500 รอบต่อนาที) เพราะอาจทำให้โครงสร้างโพลิเมอร์เสียหายและทำให้เนื้อเจลอ่อนลงได้
- เนื่องจาก Pro Polymer อาจต้องใช้เวลาในการดูดซับน้ำและขึ้นเนื้อเต็มที่ แนะนำให้คนให้กระจายตัวดีแล้ว พักทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน เพื่อให้ Pro Polymer ดูดซับน้ำได้อย่างเต็มที่ จากนั้นจึงค่อยๆ คนหรือปั่นเบาๆ อีกครั้ง เนื้อเจลจะเนียนเข้ากันได้ง่ายขึ้น
- หากมีการใช้ความร้อนในขั้นตอนแรก ให้รอจนส่วนผสมเย็นลงก่อน
- เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น สารกันเสีย (Phenoxyethanol) เมื่อส่วนผสมเย็นลงเพียงพอแล้ว (โดยทั่วไปคือต่ำกว่า 40°C)
- คนหรือปั่นให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- ปรับค่า pH หากจำเป็น เพื่อความคงตัวของสูตรและความเข้ากันได้กับผิว
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และทำการทดสอบส่วนผสมแยกรายตัวเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
