ปัญหาคราบที่ปากขวดเซรั่ม Niacinamide และ Ethyl Ascorbic Acid
คำถาม
เกิดคราบคล้ายเกลือสีขาวหรือครีมที่ปากขวดเซรั่มที่มีส่วนผสมของ Niacinamide 5.5% และ Ethyl Ascorbic Acid 0.75% มีสาเหตุจากอะไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง?
คำตอบ
ปัญหาคราบที่ปากขวดเซรั่ม Niacinamide และ Ethyl Ascorbic Acid
คราบคล้ายเกลือสีขาวหรือสีครีมที่พบเกาะอยู่บริเวณปากขวดเซรั่มที่คุณทำขึ้น ซึ่งมีส่วนผสมของ Niacinamide (5.5%) และ Ethyl Ascorbic Acid (0.75%) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย สาเหตุน่าจะมาจากการตกผลึกของส่วนผสมเมื่อน้ำหรือตัวทำละลายระเหยไปบริเวณปากขวดค่ะ
สาเหตุและแนวทางการแก้ไขมีดังนี้ค่ะ:
- การตกผลึกของ Niacinamide: Niacinamide โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นประมาณ 5% ขึ้นไป สามารถตกผลึกออกมาจากสารละลายได้เมื่อตัวทำละลายระเหย ความเข้มข้น 5.5% ในสูตรของคุณอยู่ในช่วงที่อาจเกิดปัญหานี้ได้ค่ะ
- ความไม่เข้ากันของส่วนผสม: ปัจจัยสำคัญคือความไม่เข้ากันที่ทราบกันดีระหว่าง Niacinamide (วิตามินบี 3) และ Ethyl Ascorbic Acid (อนุพันธ์วิตามินซี) การนำส่วนผสมทั้งสองมารวมกันอาจทำให้สูตรไม่เสถียร เกิดการเสื่อมสภาพของส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่งหรือทั้งสอง และอาจเกิดสารพลอยได้ (เช่น Nicotinic Acid จาก Niacinamide) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการตกผลึกและปรากฏเป็นคราบสีขาวหรือสีครีมได้ ในรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของ Ethyl Ascorbic Acid ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ควรใช้ในสูตรที่มีวิตามินบี 3 ค่ะ
แนวทางการแก้ไข:
หลีกเลี่ยงการรวมส่วนผสมที่ไม่เข้ากัน (แนะนำ): วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันปัญหานี้และเพื่อให้เซรั่มของคุณมีความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีคือการหลีกเลี่ยงการรวม Niacinamide และ Ethyl Ascorbic Acid ไว้ในสูตรเดียวกัน พิจารณาแยกใช้ในผลิตภัณฑ์คนละตัว หรือใช้ทาคนละเวลาค่ะ
การปรับปรุงสูตร (หากจำเป็นต้องรวมกัน ให้ใช้อย่างระมัดระวัง): หากคุณจำเป็นต้องรวมส่วนผสมทั้งสองไว้ด้วยกัน คุณจะต้องปรับปรุงสูตรอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจากความไม่เข้ากันโดยธรรมชาติ และปัญหาคราบอาจยังคงเกิดขึ้นได้ ขั้นตอนที่อาจลองทำได้แก่:
- เพิ่มสัดส่วนตัวทำละลาย/สารให้ความชุ่มชื้น: เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของสารให้ความชุ่มชื้นหรือไกลคอล (เช่น Glycerin, Propanediol, Butylene Glycol) ในสูตรของคุณ สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการละลายและลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณปากขวด ซึ่งช่วยลดการตกผลึกได้ค่ะ
- ปรับค่า pH: ตรวจสอบและปรับค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับ Ethyl Ascorbic Acid (3.5-6.0) และยังคงอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้สำหรับ Niacinamide (ค่าที่เหมาะสมคือ 4.0-7.0) ค่า pH ในช่วง 4.0-5.0 อาจเป็นค่ากลางที่พอใช้ได้ แต่ความไม่เข้ากันยังคงเป็นข้อกังวลหลักโดยไม่ขึ้นกับค่า pH ค่ะ
- ใช้สารคีเลต: ใส่สารคีเลต เช่น Disodium EDTA (ตามที่แนะนำสำหรับ Ethyl Ascorbic Acid) ที่ความเข้มข้นประมาณ 0.2% เพื่อช่วยให้สูตรมีความเสถียรมากขึ้นโดยการจับกับไอออนของโลหะ
เนื่องจากมีคำเตือนที่ชัดเจนเกี่ยวกับความไม่เข้ากันของ Ethyl Ascorbic Acid และวิตามินบี 3 ทางออกที่น่าเชื่อถือที่สุดคือการทำเซรั่มแยกกันสองสูตร แทนที่จะพยายามทำให้สูตรที่มีส่วนผสมที่ไม่เข้ากันมีความเสถียรค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
