ปัญหาคราบที่ปากขวดเซรั่ม Niacinamide และ Ethyl Ascorbic Acid

ถามโดย: 611438006 เมื่อ: June 29, 2024 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

เกิดคราบคล้ายเกลือสีขาวหรือครีมที่ปากขวดเซรั่มที่มีส่วนผสมของ Niacinamide 5.5% และ Ethyl Ascorbic Acid 0.75% มีสาเหตุจากอะไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง?

คำตอบ

ปัญหาคราบที่ปากขวดเซรั่ม Niacinamide และ Ethyl Ascorbic Acid

คราบคล้ายเกลือสีขาวหรือสีครีมที่พบเกาะอยู่บริเวณปากขวดเซรั่มที่คุณทำขึ้น ซึ่งมีส่วนผสมของ Niacinamide (5.5%) และ Ethyl Ascorbic Acid (0.75%) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย สาเหตุน่าจะมาจากการตกผลึกของส่วนผสมเมื่อน้ำหรือตัวทำละลายระเหยไปบริเวณปากขวดค่ะ

สาเหตุและแนวทางการแก้ไขมีดังนี้ค่ะ:

  • การตกผลึกของ Niacinamide: Niacinamide โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นประมาณ 5% ขึ้นไป สามารถตกผลึกออกมาจากสารละลายได้เมื่อตัวทำละลายระเหย ความเข้มข้น 5.5% ในสูตรของคุณอยู่ในช่วงที่อาจเกิดปัญหานี้ได้ค่ะ
  • ความไม่เข้ากันของส่วนผสม: ปัจจัยสำคัญคือความไม่เข้ากันที่ทราบกันดีระหว่าง Niacinamide (วิตามินบี 3) และ Ethyl Ascorbic Acid (อนุพันธ์วิตามินซี) การนำส่วนผสมทั้งสองมารวมกันอาจทำให้สูตรไม่เสถียร เกิดการเสื่อมสภาพของส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่งหรือทั้งสอง และอาจเกิดสารพลอยได้ (เช่น Nicotinic Acid จาก Niacinamide) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการตกผลึกและปรากฏเป็นคราบสีขาวหรือสีครีมได้ ในรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของ Ethyl Ascorbic Acid ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ควรใช้ในสูตรที่มีวิตามินบี 3 ค่ะ

แนวทางการแก้ไข:

  1. หลีกเลี่ยงการรวมส่วนผสมที่ไม่เข้ากัน (แนะนำ): วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันปัญหานี้และเพื่อให้เซรั่มของคุณมีความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีคือการหลีกเลี่ยงการรวม Niacinamide และ Ethyl Ascorbic Acid ไว้ในสูตรเดียวกัน พิจารณาแยกใช้ในผลิตภัณฑ์คนละตัว หรือใช้ทาคนละเวลาค่ะ

  2. การปรับปรุงสูตร (หากจำเป็นต้องรวมกัน ให้ใช้อย่างระมัดระวัง): หากคุณจำเป็นต้องรวมส่วนผสมทั้งสองไว้ด้วยกัน คุณจะต้องปรับปรุงสูตรอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจากความไม่เข้ากันโดยธรรมชาติ และปัญหาคราบอาจยังคงเกิดขึ้นได้ ขั้นตอนที่อาจลองทำได้แก่:

    • เพิ่มสัดส่วนตัวทำละลาย/สารให้ความชุ่มชื้น: เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของสารให้ความชุ่มชื้นหรือไกลคอล (เช่น Glycerin, Propanediol, Butylene Glycol) ในสูตรของคุณ สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการละลายและลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณปากขวด ซึ่งช่วยลดการตกผลึกได้ค่ะ
    • ปรับค่า pH: ตรวจสอบและปรับค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับ Ethyl Ascorbic Acid (3.5-6.0) และยังคงอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้สำหรับ Niacinamide (ค่าที่เหมาะสมคือ 4.0-7.0) ค่า pH ในช่วง 4.0-5.0 อาจเป็นค่ากลางที่พอใช้ได้ แต่ความไม่เข้ากันยังคงเป็นข้อกังวลหลักโดยไม่ขึ้นกับค่า pH ค่ะ
    • ใช้สารคีเลต: ใส่สารคีเลต เช่น Disodium EDTA (ตามที่แนะนำสำหรับ Ethyl Ascorbic Acid) ที่ความเข้มข้นประมาณ 0.2% เพื่อช่วยให้สูตรมีความเสถียรมากขึ้นโดยการจับกับไอออนของโลหะ

เนื่องจากมีคำเตือนที่ชัดเจนเกี่ยวกับความไม่เข้ากันของ Ethyl Ascorbic Acid และวิตามินบี 3 ทางออกที่น่าเชื่อถือที่สุดคือการทำเซรั่มแยกกันสองสูตร แทนที่จะพยายามทำให้สูตรที่มีส่วนผสมที่ไม่เข้ากันมีความเสถียรค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)
เครื่องสำอาง