ปัญหาความเข้ากันได้และความเสถียรในสูตรเครื่องสำอาง
ถามโดย: vichai_chan
เมื่อ: September 10, 2022
ประเภทผลิตภัณฑ์:
เครื่องสำอาง
คำถาม
ฉันมีสูตรเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์หลากหลายชนิด รบกวนช่วยตรวจสอบรายการส่วนผสมว่ามีปัญหาความเข้ากันได้หรือความเสถียรหรือไม่?
คำตอบ
การตรวจสอบความเข้ากันได้ของสูตรของคุณ
สูตรของคุณประกอบด้วยส่วนผสมออกฤทธิ์ที่มีประโยชน์หลากหลาย ซึ่งมีเป้าหมายในการต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวกระจ่างใส และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว อย่างไรก็ตาม มีความท้าทายด้านความเข้ากันได้ที่สำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อให้สูตรมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ
ประเด็นสำคัญด้านความเข้ากันได้:
- ปัญหา pH ที่ไม่เข้ากันอย่างรุนแรง: นี่คือปัญหาที่สำคัญที่สุด สูตรมีส่วนผสมที่ต้องการ pH ที่เป็นกรดหรือกรดอ่อนๆ เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพ เช่น Ethyl Ascorbic Acid (Vitamin C Ethyl Ether) (pH ที่เหมาะสม 3.5-6.0) และ Phenylethyl Resorcinol (pH ที่เหมาะสม 4-5) ในขณะเดียวกัน สูตรก็มี Sodium Hydroxide 1% ซึ่งเป็นเบสที่แรง การเติม Sodium Hydroxide 1% จะทำให้ pH สูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งน่าจะเกินช่วง pH ที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมออกฤทธิ์ที่เป็นกรดเหล่านี้ pH ที่สูงจะทำให้ Ethyl Ascorbic Acid และ Phenylethyl Resorcinol เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพ และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนสีได้
- การใช้ CysWhite™ (Cysteamine HCL) ในสูตรแบบไม่ต้องล้างออก: Cysteamine HCL (CysWhite™) ที่ความเข้มข้น 5% มักใช้เป็นการรักษาแบบสัมผัสระยะสั้น (แล้วล้างออก) สำหรับปัญหาจุดด่างดำ เนื่องจากมีกลิ่นแรง อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่เสถียรในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะในช่วง pH บางค่า แม้ว่าจะมี ActiveProtec™ OX เพื่อช่วยเรื่องการเกิดออกซิเดชัน แต่การรักษาความเสถียรและการจัดการกลิ่นแรงของ Cysteamine HCL 5% ในผลิตภัณฑ์แบบไม่ต้องล้างออกที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบและมีส่วนผสมออกฤทธิ์อื่นๆ ที่ทำปฏิกิริยาได้ง่าย รวมถึงปัญหา pH นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง คำอธิบายผลิตภัณฑ์ของ CysWhite™ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าควรล้างออกหลังจากทาทิ้งไว้ 15-30 นาที และแนะนำสูตรที่ไม่มีน้ำเพื่อความเสถียรในระยะยาว
- ความเสถียรของอิมัลชันและเจล: สูตรนี้เป็นการผสมผสานที่ซับซ้อนของส่วนผสมที่ละลายในน้ำและละลายในน้ำมัน รวมถึงแอลกอฮอล์และอิเล็กโทรไลต์ที่อาจเกิดขึ้นจากส่วนผสมต่างๆ เช่น Dipotassium Glycyrrhizate, Sodium Hydroxide, ActiveProtec™ OX และ CysWhite™ HCL แม้ว่าจะมี LecithinGel™ และ Phospholipid เป็นสารช่วยประสาน/อิมัลซิไฟเออร์ แต่การมีอยู่ของแอลกอฮอล์และอิเล็กโทรไลต์ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลง pH อย่างรุนแรงที่เกิดจาก Sodium Hydroxide สามารถทำลายความเสถียรของอิมัลชันและโครงสร้างเจลที่ได้จาก Xanthan Gum ได้ง่าย
- ปฏิกิริยาระหว่างส่วนผสม: Phenylethyl Resorcinol สามารถทำปฏิกิริยากับกรดอะมิโน ยูเรีย และโปรตีนบางชนิด ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนสีหรือไม่เสถียรได้ แม้ว่าจะไม่ได้ระบุชื่อส่วนผสมเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจน แต่ส่วนผสมที่มีชื่อทางการค้าบางชนิด (เช่น Skin-Barrier™ หรือ RoseShield™) อาจ มีส่วนประกอบที่ทำปฏิกิริยาได้ Ethyl Ascorbic Acid ไม่ควรใช้ร่วมกับ Vitamin B3 และ Zinc PCA แม้ว่าจะไม่ได้ระบุไว้ในสูตรนี้ แต่ก็ควรตรวจสอบส่วนผสมในชื่อทางการค้า การมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดในความเข้มข้นสูง (Vitamin E, Astaxanthin, ROE, EUK-134, RoseShield™, Pure-EGCG™, ActiveProtec™ OX) อาจนำไปสู่ปฏิกิริยาที่ซับซ้อนได้เช่นกัน แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะมีประโยชน์
ข้อเสนอแนะ:
- แก้ไขปัญหาความขัดแย้งของ pH: ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขปัญหาความไม่เข้ากันของ pH เป็นไปได้ยากมากที่ส่วนผสมออกฤทธิ์ทั้งหมดในสูตรนี้จะมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพที่ pH เดียวกัน คุณอาจต้อง:
- ปรับปรุงสูตรใหม่ โดยแยกส่วนผสมที่ไม่เข้ากันออกเป็นผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน (เช่น สูตรหนึ่งสำหรับส่วนผสมออกฤทธิ์ที่เป็นกรด อีกสูตรสำหรับส่วนผสมที่เสถียรที่ pH สูงกว่า)
- ลดหรือกำจัด Sodium Hydroxide อย่างมีนัยสำคัญ และปรับ pH อย่างระมัดระวังให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับส่วนผสมออกฤทธิ์ที่สำคัญที่สุด โดยยอมรับว่าส่วนผสมอื่นๆ อาจมีประสิทธิภาพลดลงหรือไม่เสถียร อย่างไรก็ตาม การทำให้ส่วนผสมออกฤทธิ์ที่เป็นกรดและ CysWhite™ มีความเสถียรในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบเดียวกันและมี pH ที่เหมาะสมนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
- พิจารณาการใช้ CysWhite™ ใหม่: ไม่แนะนำให้ใช้ CysWhite™ 5% ในสูตรแบบไม่ต้องล้างออก เนื่องจากปัญหาด้านความเสถียร กลิ่น และอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง พิจารณาใช้ความเข้มข้นที่ต่ำลง ปรับสูตรให้อยู่ในเบสที่ไม่มีน้ำ หรือใช้ในผลิตภัณฑ์แบบล้างออกตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
- การทดสอบความเสถียร: เนื่องจากความซับซ้อนและโอกาสที่จะเกิดความไม่เข้ากัน การทดสอบความเสถียรอย่างเข้มงวด (รวมถึงการตรวจสอบ pH ความหนืด ลักษณะปรากฏ และความเข้มข้นของส่วนผสมออกฤทธิ์เมื่อเวลาผ่านไปและภายใต้สภาวะอุณหภูมิที่แตกต่างกัน) เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
- ตรวจสอบรายละเอียดส่วนผสมชื่อทางการค้า: ขอข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับส่วนประกอบและแนวทางการเข้ากันได้สำหรับส่วนผสมชื่อทางการค้า เช่น Mild Preserved Eco™, Skin-Barrier™, RoseShield™, LecithinGel™ และ ActiveProtec™ OX เพื่อระบุข้อห้ามเฉพาะใดๆ (หมายเหตุ: ไม่มีข้อมูลเฉพาะสำหรับ RoseShield™ ในฐานข้อมูลของเรา)
- ตรวจสอบการซ้ำซ้อนของ Vitamin E: ยืนยันว่าต้องการใช้ Vitamin E ที่ความเข้มข้นรวม 1% หรือ 2% เนื่องจากระบุไว้สองครั้งที่ 1%.
โดยสรุป แม้ว่าสูตรจะมีส่วนผสมที่มีแนวโน้มที่ดีหลายชนิด แต่ส่วนประกอบปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งของ pH และการรวม CysWhite™ 5% ในระบบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบและน่าจะเป็นแบบไม่ต้องล้างออก ทำให้เกิดความท้าทายด้านความเสถียรและประสิทธิภาพอย่างมาก.
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Squalane (Olive)
เครื่องสำอาง

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง

Rosemary Oleoresin Extract (ROE)
เครื่องสำอาง

Xanthan Gum (ชนิดเจลใส, เนื้อเนียนไม่ยืด)
เครื่องสำอาง

Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)
เครื่องสำอาง

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
เครื่องสำอาง

Dipotassium Glycyrrhizate (DPG, High Purity)
เครื่องสำอาง

Phospholipid
เครื่องสำอาง

Pure-EGCG™ (Green Tea Extract, 98% EGCG)
เครื่องสำอาง

Skin-Barrier™ (Skin Mimic Ceramides Liposome)
เครื่องสำอาง

ActiveProtec™ OX
เครื่องสำอาง

Fullerene C60 (Encapsulated in Hyaluron, 500ppm)
เครื่องสำอาง

Ethylbisiminomethylguaiacol Manganese Chloride
เครื่องสำอาง

CysWhite™ (Cysteamine HCL)
เครื่องสำอาง

LecithinGel™
เครื่องสำอาง

Astaxanthin แอสตาแซนธิน (10% Algae Extract, น้ำมัน)
เครื่องสำอาง