ปัญหาความเสถียรของสูตรเจลครีมที่มีสารแอคทีฟหลายชนิดและสารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรเจลครีมที่มีส่วนผสมของ:
1. `Carbopol Ultraz 21`
2. `Triethanolamine`
3. สารออกฤทธิ์ (Active): `Alpha Arbutin`, `Tranexamic Acid`, `B3`, `vit c (GO VC)`
ปัญหาที่พบคือ หลังจากเก็บไว้สักพัก ครีมเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลอ่อน และมีกลิ่นเปรี้ยว
จึงได้ลองเตรียมใหม่โดยใส่ `Active Protec ™ OX` 1% ในส่วนน้ำ พบว่า เนื้อครีมเหลวขึ้น ได้เป็นเนื้อโลชั่น และข้นขึ้นเมื่ออยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิสูง แต่สีครีมไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ไม่ทราบว่าต้องปรับเปลี่ยนอะไร หรือมีสารป้องกันการเปลี่ยนสีและกลิ่นตัวอื่นที่น่าจะเข้ากับสูตรเจลครีมนี้แนะนำไหมคะ?
คำตอบ
จากการค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารก่อเจลที่ทนต่ออิเล็กโทรไลต์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ Carbomer U21 และ Ethylcellulose ซึ่ง Carbomer U21 คือตัวที่คุณใช้อยู่และมีปัญหาเรื่องความหนืดลดลงเมื่อมีอิเล็กโทรไลต์อย่าง Active Protec™ OX ส่วน Ethylcellulose อาจไม่ได้ให้เนื้อสัมผัสแบบเจลครีมที่คุณต้องการ
ปัญหาที่คุณพบเรื่องเนื้อครีมเหลวลงหลังจากเติม Active Protec™ OX เกิดจาก Active Protec™ OX มีคุณสมบัติเป็นอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งไปรบกวนโครงสร้างเจลของ Carbomer U21 ทำให้ความหนืดลดลงและเนื้อเหลวขึ้นครับ
ส่วนปัญหาเรื่องสีเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนและมีกลิ่นเปรี้ยว เกิดจากการเสื่อมสภาพ (Oxidation) ของสารแอคทีฟ โดยเฉพาะ Alpha Arbutin และอนุพันธ์วิตามินซี (GO VC) ซึ่ง Active Protec™ OX ช่วยป้องกันปัญหาสีเปลี่ยนได้ดีตามที่คุณสังเกต
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Product Description ของ Ascorbyl Glucoside (AA-2G) ซึ่งเป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่มีความเสถียร ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ควรใช้ร่วมกับ Niacinamide (Safe-B3™) เนื่องจากจะส่งผลต่อความเสถียรของ AA-2G เป็นไปได้สูงว่า GO VC ซึ่งเป็นอนุพันธ์วิตามินซีเช่นกัน อาจมีปัญหาความเข้ากันได้ (Incompatibility) กับ Niacinamide เช่นกัน ซึ่งปัญหานี้อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สูตรของคุณไม่เสถียร เกิดการเปลี่ยนสีและกลิ่นได้ง่ายตั้งแต่แรก ก่อนที่คุณจะเติม Active Protec™ OX.
คำแนะนำในการปรับปรุงสูตร:
แก้ไขปัญหาความเข้ากันได้ของสารแอคทีฟ: ปัญหาสำคัญที่สุดคือความเข้ากันไม่ได้ระหว่าง Niacinamide และอนุพันธ์วิตามินซี (GO VC) แนะนำอย่างยิ่งให้แยกสารสองตัวนี้ออกจากกัน โดยทำเป็นสูตรเจลครีม 2 สูตรแทน:
- สูตรที่ 1: มี Alpha Arbutin, Tranexamic Acid, และ Vitamin C (GO VC) + Active Protec™ OX
- สูตรที่ 2: มี Niacinamide (Safe-B3™) + สารแอคทีฟอื่นๆ ที่เข้ากันได้ (อาจมี Alpha Arbutin, Tranexamic Acid ได้ หากต้องการ) + Active Protec™ OX
การแยกสูตรจะช่วยให้ควบคุมความเสถียรได้ง่ายขึ้นมาก
ปรับระบบสารก่อเจล (Gelling Agent):
- สำหรับสูตรที่มี Active Protec™ OX (ไม่ว่าจะเป็นสูตรที่มี Vitamin C หรือ Niacinamide) เนื่องจาก Active Protec™ OX เป็นอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งส่งผลต่อ Carbomer U21 คุณอาจต้องพิจารณาใช้สารก่อเจลชนิดอื่นที่ทนต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดีกว่า Carbomer U21 หรือใช้ร่วมกับ Carbomer U21 ในอัตราส่วนที่เหมาะสม
- Carbomer U21 ยังคงใช้ได้ในสูตรที่ไม่มีอิเล็กโทรไลต์ในปริมาณมาก หรือหากใช้ Active Protec™ OX ในปริมาณน้อยและยอมรับความหนืดที่ลดลงได้
ควบคุมค่า pH: ตรวจสอบและปรับค่า pH สุดท้ายของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับสารแอคทีฟทุกตัวในสูตรนั้นๆ โดยพิจารณาช่วง pH ที่เหมาะสมของ Alpha Arbutin (3.5-6.5), Tranexamic Acid (3-8), Safe-B3™ (3-8, ดีที่สุด 4.0-7.0), และ Active Protec™ OX (ต้องสูงกว่า 4) หากแยกสูตรตามคำแนะนำในข้อ 1 การควบคุม pH จะทำได้ง่ายขึ้น
สรุป: ปัญหาหลักน่าจะมาจากความไม่เข้ากันของ Niacinamide และอนุพันธ์วิตamin ซี รวมถึงความไวต่ออิเล็กโทรไลต์ของ Carbomer U21 เมื่อใช้ร่วมกับ Active Protec™ OX การแยกสารแอคทีฟที่ไม่เข้ากันเป็นสองสูตร และการพิจารณาใช้สารก่อเจลที่ทนอิเล็กโทรไลต์มากขึ้น จะช่วยแก้ปัญหาความเสถียรของสูตรได้ครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Triethanolamine 99%

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)

Tranexamic Acid (Trans-White™)
