คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับสูตรวิตามินซีของคุณ

จากคำถามของคุณและคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ นี่คือข้อมูลสรุปเกี่ยวกับสูตรวิตามินซีของคุณครับ:

เกี่ยวกับสูตรแรกของคุณ (วิตามินซี, น้ำกลั่น, Cyclomethicone, Silicone Gel, Sepiplus 400)

คุณเข้าใจถูกต้องแล้วว่า L-Ascorbic Acid (วิตามินซีบริสุทธิ์) ไม่เสถียรในน้ำและสามารถเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ตามที่เจ้าหน้าที่ยืนยัน หากส่วนผสมของคุณไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองภายในหนึ่งสัปดาห์ แสดงว่าวิตามินซีอาจจะยังไม่เสื่อมสภาพอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลานั้น การเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเกิด Oxidation ของ L-Ascorbic Acid ครับ

เพื่อความเสถียรสูงสุดของ L-Ascorbic Acid ค่า pH ของสารละลายมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรอยู่ในช่วงที่เป็นกรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประมาณ pH 3.5-4.0 หากค่า pH สูงกว่านี้ อัตราการเสื่อมสภาพจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากคุณใช้ผลิตภัณฑ์หมดเร็วและไม่เปลี่ยนสี pH อาจอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้สำหรับความเสถียรในระยะสั้น แม้จะไม่ได้ปรับค่า pH อย่างชัดเจนก็ตาม

สูตรของคุณยังประกอบด้วย Cyclomethicone, Silicone Gel และ Sepiplus 400 ส่วนผสมเหล่านี้มีหน้าที่หลักในการสร้างเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ (เจล/ครีม) และช่วยให้รู้สึกดีและเกลี่ยง่ายบนผิว Cyclomethicone และ Silicone Gel เป็นส่วนผสมพื้นฐานของซิลิโคน ในขณะที่ Sepiplus 400 เป็นสารก่อเจล

หากคุณวางแผนที่จะใช้สูตรประเภทนี้กับผิวหน้า แนะนำอย่างยิ่งให้ปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (3.5-4.0) เพื่อให้แน่ใจว่าวิตามินซียังคงมีประสิทธิภาพและเสถียรนานขึ้น แม้ว่าคุณจะใช้หมดเร็วก็ตาม การปรับค่า pH ควรทำในขั้นตอนสุดท้ายหลังจากผสมส่วนผสมทั้งหมดแล้ว

เกี่ยวกับการเติมวิตามินบี 3 และ NAG (Acetyl Glucosamine) แล้วเกิดสีเหลือง

คำอธิบายของเจ้าหน้าที่ถูกต้องครับ การที่สารละลายเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทันทีหลังจากที่คุณเติมวิตามินบี 3 (Niacinamide) และ NAG (Acetyl Glucosamine) ลงในสารละลายวิตามินซีในน้ำ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าวิตามินซีเสื่อมสภาพ สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทั้ง Niacinamide และ Acetyl Glucosamine โดยทั่วไปมีค่า pH ที่ค่อนข้างเป็นกลาง (ประมาณ pH 6-7 สำหรับ Acetyl Glucosamine ตามข้อมูลผลิตภัณฑ์) ซึ่งทำให้ค่า pH โดยรวมของสารละลายวิตามินซีของคุณสูงขึ้นอย่างมาก และดังที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ L-Ascorbic Acid ไม่เสถียรอย่างยิ่งที่ค่า pH สูง ทำให้เกิด Oxidation อย่างรวดเร็วและมีสีเหลืองเกิดขึ้น

บทบาทของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Glutathione

คุณถามว่าจำเป็นต้องใช้สารต้านอนุมูลอิสระอย่าง Glutathione หรือไม่ แม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระเช่น Glutathione สามารถช่วยเพิ่มความเสถียรโดยรวมของวิตามินซีโดยการกำจัดอนุมูลอิสระได้ แต่ปัญหาหลักในกรณีที่สองของคุณคือค่า pH ที่ไม่เหมาะสมซึ่งเกิดขึ้นจากการเติมวิตามินบี 3 และ NAG การแก้ไขค่า pH เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำให้ L-Ascorbic Acid เสถียรในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบและมีส่วนผสมที่ทำให้ pH สูงขึ้น

Glutathione สามารถเป็นส่วนเสริมที่มีประโยชน์ในสูตรวิตามินซีเพื่อเพิ่มการป้องกันอนุมูลอิสระและอาจช่วยเพิ่มความเสถียร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ L-Ascorbic Acid ข้อมูลผลิตภัณฑ์แนะนำให้ใช้ Glutathione ในอัตราส่วน 1:10 เทียบกับ L-Ascorbic Acid สำหรับสูตรที่ต้องการเพิ่มความเสถียรของวิตามินซี

วิธีการผสมวิตามินซี (L-Ascorbic Acid) กับวิตามินบี 3 และ NAG

เพื่อให้สามารถผสม L-Ascorbic Acid กับวิตามินบี 3 และ NAG ได้สำเร็จโดยไม่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพทันที ให้ทำตามวิธีที่เจ้าหน้าที่แนะนำ:

1. ละลายวิตามินบี 3 (Niacinamide) และ NAG (Acetyl Glucosamine) ในส่วนของน้ำแยกต่างหาก
2. ปรับค่า pH ของสารละลายวิตามินบี 3/NAG นี้ให้เป็นกรด โดยให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับ L-Ascorbic Acid (ประมาณ pH 3.5-4.0) ก่อนที่จะนำไปผสมกับสารละลายวิตามินซี
3. จากนั้น ค่อยๆ นำสารละลายวิตามin B3/NAG ที่ปรับ pH แล้วไปผสมกับสารละลาย L-Ascorbic Acid ของคุณ

วิธีนี้จะช่วยให้ L-Ascorbic Acid ยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดและเสถียร แม้ว่าจะมีการเติมส่วนผสมอื่นๆ เข้าไปแล้วก็ตาม

โปรดจำไว้ว่าการรักษาค่า pH ที่ถูกต้องและการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสง อากาศ และความร้อน เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพของสูตร L-Ascorbic Acid ครับ