ปัญหาเซรั่ม: สีเปลี่ยน, ไม่เกาะผิว และข้อเสนอสูตร Water-in-Oil

ถามโดย: up2weight เมื่อ: May 12, 2017 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

อ้างอิง topic3931.html#p16228

ผมมีคำถามเกี่ยวกับสูตรเซรั่มที่ผมทำครับ

ขั้นตอนการผสมที่ผมทำปัจจุบันมีดังนี้:

Part A

  • Water: Qs 100
  • Disodium EDTA: 0.2%
  • Glycerin: 3%
  • Butylene Glycol: 2%
  • Tranexamic Acid: 3%
  • Pro Polymer: 1.5%
  • Phenoxyethanol: 0.5%

Part B

  • Sym White: 0.5%
  • ODA White plus: 3%
  • Perfect C: 5%
  • Vit E: 0.5%
  • Repair Activator: 10%

Part C

  • Azelaic liquid: 10%
  • Dipotassium Glycyrrhizate: 0.5%

Part D

  • Glycolic pH 4

ขั้นตอนการผสม:

  1. ผสม A แล้วปั่น
  2. เติม B แล้วปั่น
  3. เติม C ถ้ามันเหลวลง ผมเติม Pro Polymer อีกเล็กน้อย แล้วปั่น
  4. เติม D

วิธีเก็บรักษา: ใส่ขวดแก้วสีชา ใส่ตู้เย็น

ปัญหาที่เกิดขึ้น:

  1. ตอนผสมเสร็จ เนื้อเซรัมเป็นสีขาวขุ่น 1 เดือน ผ่านไป เนื้อเซรัมเป็นสีเหลืองออกน้ำตาล อยากทราบวิธีการแก้ไขครับ
  2. มันไม่ค่อยเกาะหน้า ทาก่อนนอนก็เลาะหมอนหมดเลยครับ

ผมอยากให้มันเกาะหน้านานๆ โดยใช้ Water in Oil EZ เข้ามาทำ สามารถเปลี่ยนการผสมโดยใช้วิธีนี่ได้ไหมครับ? นี่คือสูตรใหม่ที่ผมเสนอ:

Part น้ำมัน:

  • Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) ชนิดเบา: 10%
  • Vit E: 0.5%
  • Glycerin: 3%
  • Butylene Glycol: 2%
  • Sym White: 0.5%
  • Water in Oil EZ: 1.5%

Part น้ำ:

  • Tranexamic Acid: 3%
  • EDTA: 0.2%
  • Phenoxyethanol: 0.5%
  • Azelaic liquid: 10%
  • Repair Activator: 10%
  • Glycyrrhizate: 0.5%
  • Water: qs 100

Part active ที่ต้องใส่ทีหลัง:

  • ODA White plus: 3%
  • Perfect C: 5%
  • Glycolic pH 4

ขั้นตอนการผสมที่เสนอ (Water-in-Oil):

  1. ผสม part น้ำมัน แล้วอุ่นเล็กน้อย
  2. ผสม part น้ำ แล้วค่อยๆ เติมลงใน part น้ำมันแล้วปั่น
  3. ใส่ part active ที่เหลือ
  4. ใส่ Glycolic ปรับ pH 4
  5. ถ้าเหลวไป เติม Xanthan Gum 1%

แบบนี้พอได้ไหมครับ?

คำตอบ

ข้อเสนอแนะการทำเซรั่มและข้อเสนอสูตร Water-in-Oil

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรเซรั่มและปัญหาที่คุณพบค่ะ เรามาดูปัญหาและประเมินข้อเสนอของคุณในการใช้ Water-in-Oil EZ กันนะคะ

ปัญหาที่ 1: สีเปลี่ยน (การเกิดออกซิเดชัน)

การที่เซรั่มเปลี่ยนสีจากขาวขุ่นเป็นสีเหลืองออกน้ำตาลหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เป็นสัญญาณทั่วไปของการเกิดออกซิเดชัน ในสูตรเดิมของคุณ Perfect-C (Ascorbyl Tetraisopalmitate) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินซีที่ละลายในน้ำมัน เป็นส่วนผสมที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะเกิดออกซิเดชันและทำให้สีเปลี่ยนไป แม้ว่า Ascorbyl Tetraisopalmitate จะเสถียรกว่า L-Ascorbic Acid แต่ก็ยังสามารถเกิดออกซิเดชันได้เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับอากาศ แสง หรือความร้อน ส่วนผสมอื่นๆ ก็อาจมีส่วนทำให้เกิดออกซิเดชันได้เช่นกัน

การเก็บรักษาในขวดแก้วสีชาและในตู้เย็นที่คุณทำอยู่เป็นวิธีที่ดีและช่วยชะลอการเกิดออกซิเดชันได้ เพื่อลดการเกิดออกซิเดชันเพิ่มเติม:

  • ลดการสัมผัสอากาศ: ลดปริมาณอากาศในภาชนะ การใช้ขวดปั๊มสุญญากาศอาจเป็นประโยชน์ได้หากทำได้ อากาศที่เข้าไประหว่างการผสมก็มีส่วนทำให้เกิดออกซิเดชันได้เช่นกัน
  • คุณภาพวัตถุดิบ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัตถุดิบของคุณ โดยเฉพาะ Perfect-C มีความสดใหม่และถูกเก็บรักษาอย่างถูกต้องก่อนนำมาใช้
  • สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเติม: แม้ว่าจะมี Vitamin E อยู่แล้ว บางครั้งอาจจำเป็นต้องใช้สารต้านอนุมูลอิสระหรือสารคีเลต (เช่น Disodium EDTA ที่คุณใช้อยู่แล้ว) เพิ่มเติมเพื่อช่วยป้องกัน อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถแนะนำการเพิ่มส่วนผสมหรือความเข้มข้นที่เฉพาะเจาะจงได้หากไม่มีรายละเอียดสูตรทั้งหมดและการทดสอบความเสถียร

ปัญหาที่ 2: การไม่เกาะผิว

สูตรเริ่มต้นของคุณน่าจะเป็นเจลหรือเซรั่มเนื้อบางเบาที่มีเบสน้ำ โดยใช้ Pro Polymer เป็นสารเพิ่มความหนืด เนื้อสัมผัสแบบนี้ออกแบบมาให้ซึมซาบเร็วและไม่เหนอะหนะ แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่สร้างฟิล์มที่ชัดเจนบนผิว ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจหลุดติดหมอนได้ง่าย

แนวคิดของคุณในการเปลี่ยนไปใช้สูตร Water-in-Oil (W/O) โดยใช้ Water in Oil EZ เป็นแนวทางที่ดีในการปรับปรุงการเกาะผิว อิมัลชันแบบ W/O จะสร้างชั้นน้ำมันต่อเนื่องบนผิว ทำให้เกิดชั้นที่ช่วยเคลือบผิวได้ดีขึ้น ซึ่งจะรู้สึกได้ถึงความเข้มข้นและอยู่บนผิวได้นานกว่า เมื่อเทียบกับอิมัลชันแบบ Oil-in-Water (O/W) หรือเจลทั่วไป ทำให้เหมาะสำหรับใช้เป็นเซรั่มกลางคืน

การประเมินสูตร Water-in-Oil ที่คุณเสนอ

ส่วนผสมที่คุณเสนอสำหรับสูตร Water-in-Oil เหมาะสำหรับการทำอิมัลชันประเภทนี้ อย่างไรก็ตาม การแบ่งเฟสและขั้นตอนการผสมจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามหลักการทำอิมัลชัน W/O ที่ถูกต้อง

ในการทำอิมัลชัน Water-in-Oil ส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันจะรวมกันในเฟสน้ำมัน และส่วนผสมที่ละลายในน้ำจะรวมกันในเฟสน้ำ จากนั้นจึงค่อยๆ เติมเฟสน้ำลงในเฟสน้ำมันพร้อมกับคนด้วยความเร็วสูง

นี่คือการแบ่งเฟสและขั้นตอนการผสมที่แนะนำสำหรับสูตร W/O ที่คุณเสนอ:

เฟสน้ำมัน (Oil Phase):

  • Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) ชนิดเบา
  • Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
  • Sym White (Phenylethyl Resorcinol)
  • Water in Oil EZ
  • Perfect C (Ascorbyl Tetraisopalmitate)

เฟสน้ำ (Water Phase):

  • Water
  • Tranexamic Acid
  • Disodium EDTA
  • Glycerin
  • Butylene Glycol
  • Phenoxyethanol
  • Azelaic Acid liquid (Liquid Azelaic)
  • Repair Activator (Bifida Ferment Lysate)
  • Dipotassium Glycyrrhizate
  • ODA White (Octadecenedioic Acid) plus (ส่วนผสมนี้มีความสามารถในการละลายที่แตกต่างกันไป แต่มักจะกระจายตัวในน้ำหรือต้องใช้ตัวทำละลายเฉพาะ การรวมไว้ในเฟสน้ำเป็นวิธีที่นิยมในอิมัลชัน)
  • Xanthan Gum (หากใช้เพื่อเพิ่มความหนืดในเฟสน้ำ)

ขั้นตอนการผสมสำหรับอิมัลชัน Water-in-Oil:

  1. เตรียมเฟสน้ำมัน: รวม Mineral Oil, Vitamin E, Sym White, Water in Oil EZ และ Perfect C ในภาชนะเดียวกัน ค่อยๆ ให้ความร้อนกับเฟสนี้ (เช่น ที่อุณหภูมิ 70-75°C) เพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมทั้งหมดละลายและมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับเฟสน้ำเพื่อช่วยในการเกิดอิมัลชันที่ดีขึ้น
  2. เตรียมเฟสน้ำ: รวม Water, Tranexamic Acid, Disodium EDTA, Glycerin, Butylene Glycol, Phenoxyethanol, Azelaic Acid liquid, Repair Activator, Dipotassium Glycyrrhizate และ ODA White plus ในภาชนะแยกต่างหาก หากใช้ Xanthan Gum ให้กระจายตัวในเฟสน้ำให้เข้ากันดีจนเป็นเนื้อเจลก่อนเติมส่วนผสมที่ละลายน้ำอื่นๆ ให้ความร้อนกับเฟสนี้จนมีอุณหภูมิเท่ากับเฟสน้ำมัน (70-75°C)
  3. ปรับ pH เฟสน้ำ: ก่อน นำทั้งสองเฟสมาผสมกัน ให้ปรับ pH ของเฟสน้ำที่อุ่นแล้วให้อยู่ในช่วงประมาณ 4 โดยใช้ Glycolic Acid การปรับ pH อย่างมีนัยสำคัญหลังจากเกิดอิมัลชันแล้วอาจทำได้ยากและอาจทำให้ W/O อิมัลชันไม่เสถียรได้
  4. การทำอิมัลชัน: ค่อยๆ เติมเฟสน้ำที่อุ่นแล้วลงในเฟสน้ำมันที่อุ่นแล้ว พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง (เช่น ใช้เครื่อง Homogenizer หรือเครื่องปั่นความเร็วสูง) คนต่อไปจนกระทั่งอิมัลชันก่อตัวและเย็นลงจนถึงอุณหภูมิห้อง
  5. ตรวจสอบขั้นสุดท้าย: ตรวจสอบ pH สุดท้ายและปรับเล็กน้อยหากจำเป็น แม้ว่าการปรับ pH หลักควรทำในเฟสน้ำก่อนการทำอิมัลชัน ความหนืดสามารถปรับได้โดยปริมาณของ Water in Oil EZ ที่ใช้ หรือโดยการใช้สารเพิ่มความหนืดในเฟสใดเฟสหนึ่งตามความเหมาะสม

วิธีการทำอิมัลชัน Water-in-Oil นี้ควรให้เนื้อสัมผัสที่เกาะผิวได้ดีขึ้นตามที่คุณต้องการ โปรดจำไว้ว่าแม้เบส W/O อาจช่วยป้องกันได้บ้าง แต่การเกิดออกซิเดชันของส่วนผสมที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลง เช่น Perfect C ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป ควรเก็บผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในที่เย็นและมืด เช่น ในตู้เย็น เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานที่สุด

สูตร W/O ที่คุณเสนอมีความเป็นไปได้และช่วยแก้ปัญหาการไม่เกาะผิวได้ การทำตามขั้นตอนการผสมที่ถูกต้องสำหรับอิมัลชัน W/O เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเสถียรของสูตรค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)
Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
Butylene Glycol
Butylene Glycol
เครื่องสำอาง
Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)
Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)
เครื่องสำอาง
Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Light (26cst)
Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Light (26cst)
เครื่องสำอาง
Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
เครื่องสำอาง
Water-in-Oil EZ™ (Cetyl PEG/PPG-10/1 Dimethicone)
Water-in-Oil EZ™ (Cetyl PEG/PPG-10/1 Dimethicone)
เครื่องสำอาง
Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)
Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)
เครื่องสำอาง
ODA-White Plus™
ODA-White Plus™
เครื่องสำอาง
Dipotassium Glycyrrhizate (DPG, High Purity)
Dipotassium Glycyrrhizate (DPG, High Purity)
เครื่องสำอาง
Tranexamic Acid (Trans-White™)
Tranexamic Acid (Trans-White™)
เครื่องสำอาง