ปัญหาเนื้อมาส์กหน้าเหลวในการพัฒนาสูตร
คำถาม
ต้องการพัฒนาสูตรมาส์กหน้าที่มีส่วนผสมคล้ายกับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป โดยใช้ส่วนผสมดังนี้:
- Jojoba Oil
- Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
- Aloe Vera Extract (extraction ratio 10:1 FullAssay™)
- Allantoin
- Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)
- Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)
- Butter Cream Maker™ (หรือ Rich Cream Maker)
- Cetyl Alcohol
- Fractionated Coconut Oil
- Purified Water
- Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
- Disodium EDTA
- ส่วนผสมอื่นๆ ที่อาจรวมถึง Butylene Glycol, Dimethicone, Glycereth-26, PEG100 Stearate, Polyglyceryl-3 beewax, Propylene Glycol, Carbomer, Triethanolamine, Tin Oxide, parfum, PEG/PPG/PolyButylene Glycol-8/5/3 glycerin, Placental Protein, Polysorbate20, Toumaline Extract, Colloidal Gold, Alcohol Lecithin, Capryic Acid
เมื่อลองผสมแล้ว เนื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้กลับเหลวเกินไป ไม่ได้เนื้อสัมผัสที่ข้นตามที่ต้องการ เคยได้รับคำแนะนำว่าสูตรต้องใช้ความร้อน และมีสารสร้างเนื้อครีมอย่าง Rich Cream Maker และ Luxury Cream Maker ที่ให้เนื้อหนักได้โดยใช้ความร้อนระดับอุ่นๆ
อยากทราบว่าทำไมเนื้อที่ผสมถึงเหลว และต้องทำอย่างไรจึงจะได้เนื้อตามต้องการ โดยคำนึงถึงสารบางตัวที่ไวต่อความร้อนด้วยค่ะ
คำตอบ
สวัสดีค่ะ เข้าใจว่าคุณลูกค้ากำลังลองทำมาส์กหน้าและพบปัญหาเนื้อเหลว ไม่ได้เนื้อตามที่ต้องการนะคะ
การทำครีมหรือมาส์กที่มีเนื้อแบบอิมัลชัน (Emulsion) โดยทั่วไปจะต้องมีการผสมส่วนของน้ำ (Water Phase) และส่วนของน้ำมัน (Oil Phase) เข้าด้วยกัน โดยมีสารที่ช่วยเชื่อมทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันที่เรียกว่า สารอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) หรือสารสร้างเนื้อครีม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะต้องใช้ความร้อนในการช่วยให้สารเหล่านี้ละลายและเข้ากันได้ดีค่ะ
จากข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำไปก่อนหน้านี้ และสูตรตัวอย่างของ Butter Cream Maker จะเห็นว่ามีส่วนประกอบของน้ำ (Water) อยู่ 75% ค่ะ ดังนั้นสูตรนี้จำเป็นต้องใช้น้ำนะคะ และการผสมครีมประเภทนี้จะต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อให้ได้เนื้อที่คงตัวค่ะ
สาเหตุที่ลองผสมแล้วเนื้อเหลว อาจเป็นเพราะขั้นตอนการผสมยังไม่ครบถ้วนตามวิธีที่แนะนำค่ะ โดยทั่วไปสำหรับสารสร้างเนื้อครีมที่ต้องใช้ความร้อน จะต้องนำส่วนประกอบของน้ำมันทั้งหมด (รวมถึงสารสร้างเนื้อครีม) และส่วนประกอบของน้ำทั้งหมด ไปอุ่นให้ได้อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส แยกกัน ก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เทส่วนของน้ำมันลงในส่วนของน้ำ (หรือกลับกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของอิมัลชัน) แล้วปั่นหรือคนอย่างต่อเนื่องในขณะที่ส่วนผสมกำลังเย็นตัวลง จนได้เนื้อครีมที่เนียนเป็นเนื้อเดียวกันค่ะ
สำคัญ: ส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรต้นฉบับที่คุณลูกค้าแจ้งมา เช่น สารสกัดต่างๆ (Jojoba Oil, Aloe Vera, Bisabolol, Licorice Extract, Allantoin, Hexylresorcinol) ส่วนใหญ่เป็นสารที่ไวต่อความร้อนสูง การนำไปอุ่นที่ 80 องศาเซลเซียสพร้อมกับเบสครีม อาจทำให้สารเหล่านี้เสื่อมสภาพและไม่ได้ประสิทธิภาพค่ะ สารกลุ่มนี้ควรเติมในขั้นตอนสุดท้าย หลังจากที่เนื้อครีมก่อตัวและเย็นลงจนอุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียสแล้วค่ะ
หากต้องการสารสร้างเนื้อครีมที่ให้เนื้อหนักและไม่ต้องใช้ความร้อนสูงมาก ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำ Luxury Cream Maker ซึ่งสามารถใช้ความร้อนระดับอุ่นๆ ก็เพียงพอค่ะ
การจะทำสูตรให้เหมือนกับผลิตภัณฑ์ต้นฉบับทุกประการเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากต้องทราบสัดส่วนที่แน่นอนของสารทุกตัวและขั้นตอนการผสมที่ละเอียดค่ะ
เพื่อให้คุณลูกค้าเห็นภาพรวมของการผสมเบสครีมด้วย Butter Cream Maker และการเติมสาร Active Ingredient ที่สำคัญจากสูตรเดิมที่สอบถามมา นี่คือตัวอย่างโครงสร้างสูตรและวิธีการผสมเบื้องต้นค่ะ
ตัวอย่างโครงสร้างสูตรมาส์กหน้า (ใช้ Butter Cream Maker)
Phase A (ส่วนน้ำ - อุ่นที่ 80°C):
- Purified Water: ประมาณ 60-70% (ปรับตามปริมาณสารอื่นๆ)
- Disodium EDTA: 0.2% (ช่วยป้องกันสาร Active บางตัวไม่ให้เปลี่ยนสี)
Phase B (ส่วนน้ำมัน - อุ่นที่ 80°C):
- Butter Cream Maker: 4%
- Cetyl Alcohol: 6%
- Fractionated Coconut Oil: 10%
- Jojoba Oil: 5% (หรือปรับตามต้องการ)
Phase C (ส่วนผสมที่เติมหลังเย็นตัว - เติมเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 40°C):
- Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble): 1-3%
- Aloe Vera Extract: 1-10%
- Allantoin: 0.5% (ละลายในน้ำเล็กน้อยก่อนเติมได้)
- Natural Bisabolol: 0.5-1%
- Activated Resorcinol: 0.1-1%
- Phenoxyethanol SA: 1% (สารกันเสีย)
หมายเหตุ: สารอื่นๆ ในสูตรต้นฉบับ เช่น Butylene Glycol, Dimethicone, Glycereth-26, PEG100 Stearate, Polyglyceryl-3 beewax, Propylene Glycol, Carbomer, Triethanolamine, Tin Oxide, parfum, PEG/PPG/PolyButylene Glycol-8/5/3 glycerin, Placental Protein, Polysorbate20, Toumaline Extract, Colloidal Gold, Alcohol Lecithin, Capryic Acid เป็นส่วนผสมที่ช่วยปรับเนื้อสัมผัส สี กลิ่น และความคงตัวของสูตร ซึ่งการใส่ทั้งหมดในสัดส่วนที่เหมาะสมต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาสูตรเฉพาะค่ะ ตัวอย่างนี้เน้นที่สาร Active หลักและเบสครีมพื้นฐานค่ะ*
วิธีผสม (สำหรับ Butter Cream Maker)
- เตรียม Phase A: รวม Purified Water และ Disodium EDTA ในภาชนะที่ทนความร้อน นำไปอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 80°C
- เตรียม Phase B: รวม Butter Cream Maker, Cetyl Alcohol, Fractionated Coconut Oil และ Jojoba Oil ในอีกภาชนะที่ทนความร้อน นำไปอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 80°C จนส่วนผสมที่เป็นของแข็งละลายและเข้ากันดี
- รวม Phase: ค่อยๆ เทส่วนผสม Phase B ลงใน Phase A อย่างช้าๆ พร้อมกับใช้เครื่องปั่น (เช่น Hand Blender) หรือไม้พายคน/ปั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้อิมัลชันก่อตัวขึ้น
- ทำให้เย็นและปั่น/คนต่อ: ปั่นหรือคนส่วนผสมต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่อุณหภูมิลดลง การปั่น/คนอย่างต่อเนื่องขณะเย็นตัวเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อให้ได้เนื้อครีมที่เนียนและคงตัว
- เติม Phase C: เมื่อส่วนผสมเย็นลงจนอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C (รู้สึกอุ่นเล็กน้อยหรือเท่าอุณหภูมิห้อง) จึงค่อยๆ เติมสาร Active Ingredient และสารกันเสีย (Phase C) ลงไป คนหรือปั่นเบาๆ ให้เข้ากันดี
- พักครีม: เทครีมที่ได้ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ปิดฝา และพักทิ้งไว้อย่างน้อย 12 ชั่วโมงเพื่อให้เนื้อครีมเซ็ตตัวและข้นขึ้นเต็มที่
หากต้องการใช้สารสร้างเนื้อครีมที่ใช้ความร้อนต่ำกว่า สามารถพิจารณาใช้ Luxury Cream Maker แทนได้ โดยให้ศึกษาข้อมูลและวิธีการใช้ของสารสร้างเนื้อครีมตัวนั้นๆ ประกอบค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทดลองทำมาส์กหน้านะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติมสอบถามได้เลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Allantoin

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

Jojoba Oil (Golden - Deodorized)

Fractionated Coconut Oil

Cetyl Alcohol

Disodium EDTA

Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)

Luxury Cream Maker™

Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
