ปัญหาเนื้อสัมผัส การเปลี่ยนสี และการใช้สูตร Retinaldehyde

ถามโดย: jn_andy เมื่อ: December 09, 2016 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ฉันได้พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinaldehyde, Niacinamide, Mandelic Acid, Tea Tree Oil, Nano Silver และ Squalane มีข้อสงสัยเกี่ยวกับสูตรนี้ดังนี้ค่ะ:

1. สูตรนี้เหมาะสมสำหรับปัญหาสิวและช่วยผลัดเซลล์ผิวได้หรือไม่? ฉันใช้ Mandelic Acid 1% ค่ะ
2. สามารถใช้สูตรที่มี Retinaldehyde ในเวลากลางวันได้หรือไม่?
3. เนื้อสูตรค่อนข้างเหลว ในตอนแรกใช้ Satin Mousse (Silky Cream Maker) 2% แล้วเหลวมาก จึงได้เติม Pro Polymer 0.5% ซึ่งช่วยให้เนื้อข้นขึ้น อยากทราบว่าสาเหตุที่เนื้อเหลวเกิดจากอะไร และมีสารสร้างเนื้อข้นตัวอื่นที่แนะนำอีกไหมคะ?
4. หลังจากทำเสร็จประมาณหนึ่งสัปดาห์ เนื้อสูตรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง อยากทราบว่าเกิดจากสาเหตุใดคะ?

คำตอบ

หัวข้อ: คำแนะนำเกี่ยวกับสูตร Retinaldehyde

สวัสดีค่ะ

เกี่ยวกับสูตร Retinaldehyde และคำถามของคุณ:

ความเหมาะสมสำหรับปัญหาสิวและผลัดเซลล์ผิว:
- สูตรของคุณมีส่วนผสมหลายชนิดที่ช่วยเรื่องสิวได้ เช่น Niacinamide (B3) (#74), Mandelic Acid (#769), Retinaldehyde (#942), Tea Tree Oil (#217) และ Nano Silver (#857) ซึ่งน่าจะเหมาะสมสำหรับผิวธรรมดาที่มีปัญหาสิวบ้างเป็นครั้งคราว
- สำหรับการผลัดเซลล์ผิว Mandelic Acid (#769) 1% อาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจนนัก เว้นแต่ว่าค่า pH ของสูตรจะต่ำ (ต่ำกว่า 4.0) หากต้องการผลัดเซลล์ผิวที่ชัดเจนขึ้น อาจพิจารณาปรับ pH หรือใช้ส่วนผสมอื่นที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดีกว่า เช่น Salicylic Acid (BHA) (#148) ซึ่งช่วยเรื่องสิวอุดตันได้ดีและทำงานได้ที่ pH สูงกว่า (4-6) หรือส่วนผสมที่อ่อนโยนอื่นๆ เช่น Willow Bark Extract (#1117), Yeast Resurface (#1108), Pumpkin Renew (#939), หรือ L-Carnitine (#157) (ซึ่งช่วยควบคุมความมันได้ด้วย)
การใช้ Vitamin A (Retinaldehyde) ในเวลากลางวัน:
- โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถใช้ Retinaldehyde (#942) ในเวลากลางวันได้ หากทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดโดยตรงเป็นเวลานาน (เช่น การทำกิจกรรมกลางแจ้งภายใต้แสงแดดจัด)
- การสัมผัสกับแสง UV ที่รุนแรงส่วนใหญ่จะทำให้ Vitamin A (#192) เสื่อมสภาพและลดประสิทธิภาพลง แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวโดยตรงค่ะ
เนื้อสัมผัสของสูตรและการปรับความข้น:
- Mandelic Acid (#769) อาจทำให้เนื้อสูตรเหลวขึ้นเล็กน้อย แต่ที่ความเข้มข้น 1% ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สูตรเหลวมาก ระบบอิมัลซิไฟเออร์และส่วนผสมโดยรวมมีผลมากกว่า
- คุณใช้ Satin Mousse (Silky Cream Maker) (#247) 2% แล้วพบว่าเหลว จึงเพิ่ม Pro Polymer (#234) 0.5% แล้วได้เนื้อที่ข้นขึ้น แสดงว่า Pro Polymer ช่วยปรับความข้นในสูตรของคุณได้ดี
- Satin Cream Maker (#247) เหมาะสำหรับการประสานน้ำมัน (Squalane #128) หากต้องการความข้นหรือความคงตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสูตรที่มีส่วนผสมที่เป็นกรด/อิเล็กโทรไลต์ อาจพิจารณาใช้อิมัลซิไฟเออร์/สารสร้างเนื้อเจลชนิดอื่นร่วมด้วย คำแนะนำคืออาจลด Satin Cream Maker ลง (เช่น 1.5%) แล้วใช้ร่วมกับ Xanthan Gum (#216) (1%) หรือ ClayThick (#1132) ซึ่งทนกรดและอิเล็กโทรไลต์ได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่า Pro Polymer (#234) ใช้ได้ผลดี การใช้ Pro Polymer ต่อไปก็เป็นวิธีที่ง่ายในการปรับความข้นค่ะ
การเปลี่ยนสีของสูตรเป็นสีเหลือง:
- การที่เนื้อเจลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ มีความเป็นไปได้สูงว่าเกิดจากความไม่เสถียรของ Vitamin A (Retinaldehyde #942) สารกลุ่ม Vitamin A (#192) มีความไวต่อแสง อากาศ และอุณหภูมิสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดการออกซิเดชันและเปลี่ยนสีได้
- แม้ว่า Adenosine (Cell Energy #1164) ก็อาจทำให้เกิดสีเหลืองได้หากไม่เสถียร (ไม่ได้อยู่ในรูป encapsulation) แต่ Cell Energy (#1164) ที่คุณใช้ระบุว่าเป็น Adenosine ที่ถูกนำไปบรรจุใน liposome เพื่อเพิ่มความเสถียรสูง และจากการทดสอบของ R&D ยืนยันว่ามีความเสถียรในสูตรที่เหมาะสม (pH ที่เหมาะสม และไม่มีการใช้ความร้อนสูงในการผสม) ดังนั้น Vitamin A (#192) จึงเป็นสาเหตุที่มีความเป็นไปได้มากกว่าในกรณีนี้
- เพื่อป้องกันหรือลดปัญหาการเปลี่ยนสีและรักษาประสิทธิภาพของ Retinaldehyde (#942) แนะนำอย่างยิ่งให้เก็บผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสงและอากาศได้ดี (เช่น ขวดทึบแสง หรือขวดปั๊มสุญญากาศ) และเก็บไว้ในที่เย็น (เช่น ในตู้เย็น) การเก็บในกระปุกพลาสติกใส แม้จะอยู่ในลิ้นชัก ก็ยังมีการสัมผัสกับแสงและอากาศ ซึ่งอาจเร่งการเสื่อมสภาพได้