ปัญหาและแนวทางการปรับปรุงสูตรน้ำตบ
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรน้ำตบโดยมีส่วนผสมดังนี้ค่ะ:
- Water
- EDTA
- Allantoin
- VitB3
- GlucoBright™ (Acetyl glucosamine)
- chlorphenesin / Phenoxyethanol (Microcare PHC)
- DMAE
- Flora Solve™ Clear
- Fragrance
มีคำถามเกี่ยวกับสูตรดังนี้ค่ะ:
- ขั้นตอนการผสมต้องทำอย่างไรคะ เนื่องจากทำแล้วน้ำหอมยังลอยอยู่ในน้ำ
- ต้องเพิ่มสารตัวไหนคะที่จะทำให้ซึมเข้าผิวเร็ว
- ผิวค่อนข้างแห้ง ควรเพิ่มสารอะไรที่จะให้ความชุ่มชื้นแต่ไม่เหนอะผิวคะ
- ควรเพิ่มสารบำรุงอะไรคะที่จะช่วยเรื่องความกระจ่างใส
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับสูตรน้ำตบ
นี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับสูตรน้ำตบของคุณค่ะ:
1. ขั้นตอนการผสมและปัญหาน้ำหอมแยกชั้น
ปัญหาน้ำหอมแยกชั้นในสูตรของคุณน่าจะเกิดจากวิธีการผสมค่ะ น้ำหอมเป็นน้ำมันที่ไม่ละลายในน้ำ จึงต้องใช้สารช่วยละลาย (Solubilizer) อย่าง Flora Solve™ Clear เพื่อช่วยกระจายตัวในเบสน้ำได้อย่างเหมาะสม
วิธีการผสมที่ถูกต้อง:
- ผสมน้ำหอมเข้ากับ Flora Solve™ Clear แยกต่างหาก ในอัตราส่วนที่แนะนำคือ Flora Solve™ Clear 2-5 ส่วน ต่อน้ำหอม 1 ส่วน เริ่มต้นที่อัตราส่วน 2:1 และเพิ่มปริมาณ Flora Solve™ Clear หากจำเป็น จนกว่าน้ำหอมจะละลายเข้ากับสารช่วยละลายจนใสดี คนหรือปั่นส่วนผสมนี้ให้เข้ากันดี
- ค่อยๆ เติมส่วนผสมน้ำหอม/สารช่วยละลายนี้ลงในส่วนของน้ำ (water phase) ของสูตรของคุณ พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่องจนเข้ากันและใส
ห้ามเติมน้ำหรือส่วนผสมหลักลงในส่วนผสมน้ำหอม/สารช่วยละลาย เพราะอาจทำให้ข้นเป็นเจลได้ ต้องเติมส่วนผสมน้ำหอม/สารช่วยละลายลงในน้ำเสมอค่ะ
2. การช่วยให้ซึมเข้าผิวเร็วขึ้น
เพื่อให้สูตรซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วขึ้น คุณสามารถเพิ่มส่วนผสมที่เป็นตัวทำละลาย (solvent) ได้ค่ะ สารอย่าง Methylpropanediol หรือ Propanediol (1,3-Propanediol) สามารถทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและช่วยเพิ่มการซึมผ่านของส่วนผสมอื่นๆ เข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
พิจารณาเพิ่ม Methylpropanediol หรือ Propanediol (1,3-Propanediol) ในอัตรา 1-10% ในส่วนของน้ำของคุณค่ะ
3. การเพิ่มความชุ่มชื้นแต่ไม่เหนอะหนะสำหรับผิวแห้ง
สูตรปัจจุบันของคุณมี Allantoin และ Niacinamide (วิตามินบี 3) ซึ่งมีส่วนช่วยในการให้ความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิวอยู่แล้ว ในการเพิ่มความชุ่มชื้นที่ไม่เหนอะหนะสำหรับผิวแห้ง แนะนำอย่างยิ่งให้เพิ่ม Hyaluronic Acid ค่ะ
Hyaluronic Acid เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยดึงและกักเก็บน้ำไว้ในผิวโดยไม่รู้สึกหนักหรือเหนอะหนะ คุณสามารถใช้ Hyaluronic Acid ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกันเพื่อให้ความชุ่มชื้นได้หลายระดับ เช่น ใช้ร่วมกันระหว่าง Hyaluronic Acid ขนาด Standard Molecule และ Super Low Molecule โดยขนาด Super Low Molecule จะซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกกว่า ในขณะที่ขนาด Standard Molecule จะช่วยให้ความชุ่มชื้นบริเวณผิวชั้นนอก
หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้ Hyaluronic Acid Gel Base เพื่อความสะดวกในการผสมค่ะ
เพิ่ม Hyaluronic Acid ชนิดผง (รวมทั้งหมด 0.1-0.5%) ลงในส่วนของน้ำ และปล่อยให้ละลายพองตัวเต็มที่ (อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือต้องใช้การปั่นช่วย) หากใช้ชนิดเจลเบส สามารถนำมาผสมเข้ากับสูตรได้โดยตรงค่ะ
4. การเพิ่มสารบำรุงเพื่อความกระจ่างใส
สูตรของคุณมี Niacinamide (วิตามินบี 3) และ GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine) ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดจุดด่างดำอยู่แล้ว หากต้องการเสริมประสิทธิภาพด้านความกระจ่างใสให้มากขึ้น คุณสามารถเพิ่มสารไวท์เทนนิ่งอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพได้ค่ะ
พิจารณาเพิ่ม Alpha Arbutin หรือ Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C) ทั้งสองชนิดนี้เป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใสโดยการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
- Alpha Arbutin: ใช้ในอัตรา 0.2-2% (แนะนำ 2%) ผสมในขั้นตอนสุดท้ายที่อุณหภูมิของสูตรต่ำกว่า 30°C และมีค่า pH อยู่ระหว่าง 3.5-6.5
- Ascorbyl Glucoside (AA-2G): ใช้ในอัตรา 2-10% ผสมในน้ำที่อุณหภูมิต่ำกว่า 50°C และปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วง 6.5-6.8 เพื่อความเสถียร
อย่าลืมพิจารณาค่า pH ที่เหมาะสมของแต่ละส่วนผสมเมื่อทำการปรับสูตรนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Allantoin

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Disodium EDTA

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)

DMAE (SkinTight MD™) Liquid

Propanediol (1,3-Propanediol) (e.q. Zemea)

Hyaluronic Acid Gel Base

Methylpropanediol
