ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการปรุงสูตรเครื่องสำอาง

1. ความเข้าใจเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์การใช้งาน

เปอร์เซ็นต์การใช้งานที่แนะนำ (เช่น 3%) สำหรับส่วนผสมต่างๆ คำนวณจาก น้ำหนักรวม ของสูตรสำเร็จรูปทั้งหมดของคุณ ไม่ได้คำนวณจากปริมาณในไซริงค์หรือแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของส่วนผสม

ตัวอย่างเช่น หากคุณทำครีมปริมาณ 100 กรัม และคำแนะนำคือให้ใช้ส่วนผสมหนึ่งไม่เกิน 3% คุณจะใช้ส่วนผสมนั้นสูงสุด 3 กรัม (3% ของ 100 กรัม)

การคำนวณนี้ต้องใช้การวัดน้ำหนักที่แม่นยำ ไม่ใช่การประมาณด้วยปริมาตร การใช้เครื่องชั่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรุงสูตรที่ถูกต้อง

2. การผสมสารสกัดแบบผงใน Water-Phase

เมื่อคำแนะนำระบุให้ผสมสารสกัดแบบผงใน "water-phase" หมายความว่าคุณควรละลายหรือกระจายผงนั้นในส่วนของน้ำในสูตรของคุณ

สำหรับการปรุงสูตรเครื่องสำอาง ควรใช้ น้ำกลั่น (distilled water) หรือ น้ำ DI (deionized water) น้ำประเภทนี้ผ่านการกำจัดสิ่งเจือปน ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีความเสถียรและปลอดภัย น้ำกรองหรือน้ำประปาอาจมีแร่ธาตุและจุลินทรีย์ที่ส่งผลต่อคุณภาพและอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้

3. การเลือกระหว่างสารสร้างเนื้อครีมและสารสร้างเนื้อเจลสำหรับสูตรที่มีน้ำมันและผงเป็นส่วนใหญ่

การเลือกระหว่างการใช้สารสร้างเนื้อครีม (emulsifier) และสารสร้างเนื้อเจล (thickener) ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการสร้าง และว่าสูตรของคุณมีส่วนของน้ำหรือไม่

• สารสร้างเนื้อครีม (Emulsifiers): หากสูตรของคุณมีทั้งส่วนผสมที่เป็นน้ำมัน (เช่น น้ำมันต่างๆ) และส่วนผสมที่เป็นน้ำ และคุณต้องการรวมทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันให้เป็นเนื้อเดียวกันที่คงตัว เช่น ครีมหรือโลชั่น คุณ ต้อง ใช้สารสร้างเนื้อครีม สารสร้างเนื้อครีมช่วยให้น้ำมันและน้ำผสมเข้ากันได้และป้องกันการแยกชั้น ตัวอย่างเช่น LeciCream, Polyglyceryl-10 Pentastearate, หรือ SoftGel 305
• สารสร้างเนื้อเจล (Thickeners): สารสร้างเนื้อเจลใช้เพื่อเพิ่มความหนืดหรือความข้นให้กับส่วนใดส่วนหนึ่ง (ทั้งส่วนน้ำมันหรือส่วนน้ำ) หรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
  • หากคุณมีสูตรที่เป็นน้ำมันและผงเป็นส่วนใหญ่ และต้องการทำให้น้ำมันข้นขึ้นหรือสร้างเจลน้ำมัน คุณจะใช้สารสร้างเนื้อเจลสำหรับน้ำมัน เช่น Oil Thick Hard
  • หากคุณมีส่วนของน้ำและต้องการทำให้น้ำเป็นเจลหรือเพิ่มความหนืด คุณจะใช้สารสร้างเนื้อเจลสำหรับน้ำ เช่น ThixoGel หรือ CreamThick
  • ส่วนผสมบางชนิด เช่น SoftGel 305 สามารถทำหน้าที่ได้ทั้งเป็นสารสร้างเนื้อครีมและสารสร้างเนื้อเจล

หากสูตรของคุณประกอบด้วยน้ำมันและผงเป็นหลัก แต่คุณตั้งใจจะเพิ่มส่วนของน้ำเพื่อสร้างเนื้อครีมหรือโลชั่น จำเป็นต้องใช้สารสร้างเนื้อครีมเพื่อเชื่อมน้ำมันและน้ำเข้าด้วยกัน หากคุณทำงานกับแค่น้ำมันและผงและต้องการสร้างส่วนผสมน้ำมันที่ข้นขึ้นหรือเป็นเนื้อเพสต์ สารสร้างเนื้อเจลสำหรับน้ำมันจะเหมาะสมกว่า.