การตรวจสอบสูตรเซรั่มและคำแนะนำการใช้งาน

ขอขอบคุณสำหรับสูตรเซรั่มและคำถามที่คุณให้มา นี่คือการประเมินสูตรของคุณและคำตอบสำหรับคำถามของคุณ:

1. การตรวจสอบสูตร

สูตรเซรั่มของคุณมีความครอบคลุมและมีการเลือกส่วนผสมที่ดีซึ่งมุ่งเป้าไปที่การต่อต้านริ้วรอย การให้ความชุ่มชื้น ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระ และการจัดการกับปัญหาต่างๆ เช่น สีผิวไม่สม่ำเสมอและสิวเล็กน้อย ส่วนผสมหลัก เช่น Repair Activator, Adenosine, Lactobionic Acid, Japanese Cedar, Mineral Ready, Glyceryl Glucoside, Galactomyces Ferment Filtrate, Plankton Artemia Extract, Licorice Extract และ Grape Seed Extract ทำงานร่วมกันเพื่อให้การดูแลผิวแบบหลายด้านเพื่อต่อสู้กับริ้วรอย ความชุ่มชื้น และการปกป้องผิว การรวม Phospholipid และ Dimethyl Isosorbide ยังช่วยในการนำพาส่วนผสมออกฤทธิ์เหล่านี้เข้าสู่ผิวอีกด้วย

โดยรวมแล้ว สูตรนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างดีสำหรับเป้าหมายและสภาพผิวที่คุณระบุไว้

2. การใช้ร่วมกับผง L-Ascorbic Acid ของ The Ordinary

L-Ascorbic Acid (วิตามินซี) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อย่างไรก็ตาม ผง L-Ascorbic Acid มีความไม่เสถียรสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบและมีค่า pH สูงกว่า 3.5-4.0 สูตรเซรั่มปัจจุบันของคุณมีส่วนผสมหลายอย่างที่อาจทำให้ค่า pH สูงกว่าช่วงที่เหมาะสมสำหรับความเสถียรของ L-Ascorbic Acid

ไม่แนะนำ ให้ผสมผง L-Ascorbic Acid ลงในเซรั่มของคุณโดยตรง เนื่องจากอาจทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว สูญเสียประสิทธิภาพ และอาจก่อให้เกิดผลพลอยได้ที่ระคายเคืองต่อผิวได้

3. การปรับสูตรเพื่อความเข้ากันได้

การปรับค่า pH ของสูตรเซรั่มปัจจุบันของคุณให้ต่ำลงถึงระดับที่จำเป็นสำหรับ L-Ascorbic Acid (3.5-4.0) มีแนวโน้มที่จะทำให้ความเสถียรและประสิทธิภาพของส่วนผสมที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ในสูตรของคุณลดลง เช่น สารหมัก สารสกัด และแร่ธาตุ ซึ่งทำงานได้ดีที่สุดในช่วง pH ที่สูงกว่า ดังนั้น ไม่แนะนำ ให้ปรับเปลี่ยนสูตรเซรั่มนี้เพื่อรวมผง L-Ascorbic Acid

หากคุณต้องการใช้ L-Ascorbic Acid ควรใช้ผง L-Ascorbic Acid ของ The Ordinary แยกต่างหาก โดยผสมในเบสที่เข้ากันได้ (เช่น เบสที่ไม่มีน้ำหรือเซรั่มที่ปรับค่า pH ต่ำสำหรับ L-AA โดยเฉพาะ) ก่อนทา หรือใช้รูปแบบวิตามินซีที่เสถียรอื่น (เช่น อนุพันธ์ของวิตามินซี) ในสูตรเซรั่มของคุณ หากคุณต้องการประโยชน์ของวิตามินซีในเซรั่มนี้

4. การซึมซาบสู่ผิวอย่างล้ำลึก

ใช่ เซรั่มของคุณมีส่วนผสมที่ทราบกันดีว่าช่วยเพิ่มการซึมซาบของสารเข้าสู่ผิว Phospholipid สามารถสร้างโครงสร้างไลโปโซมที่ช่วยนำพาส่วนผสมออกฤทธิ์เข้าสู่ผิวได้ และ Dimethyl Isosorbide (DMI) เป็นตัวทำละลายและสารเสริมการซึมซาบที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยปรับปรุงการนำพาสารออกฤทธิ์ต่างๆ เข้าสู่ชั้นหนังกำพร้าและอาจรวมถึงชั้นหนังแท้ ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจว่าส่วนประกอบที่เป็นประโยชน์ในเซรั่มของคุณสามารถเข้าถึงชั้นผิวที่ลึกขึ้นเพื่อการบำรุงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น