การวิเคราะห์สูตรและคำแนะนำ

ขอบคุณสำหรับสูตรเครื่องสำอางที่คุณให้มา สูตรนี้มีส่วนประกอบที่มีประโยชน์หลายอย่าง โดยเฉพาะวิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้ผิวกระจ่างใส เรามาตอบคำถามของคุณทีละข้อนะครับ:

1. สูตรนี้ใช้ได้ไหม? สามารถสั่งผลิตได้ไหม?

สูตรนี้มีส่วนผสมของ L-Ascorbic Acid ในความเข้มข้นสูง (15%) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผิวกระจ่างใส อย่างไรก็ตาม L-Ascorbic Acid เป็นสารที่ไม่เสถียรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (สูตรนี้มีน้ำ 70.9%) หากไม่มีการควบคุมค่า pH อย่างระมัดระวัง (ค่าที่เหมาะสมที่สุดอยู่ระหว่าง 3.5-4.0) และอาจต้องเพิ่มสารช่วยให้คงตัว วิตามินซีมีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพและสูญเสียประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว แม้ว่าสูตรนี้จะมีแนวคิดที่ดีในแง่ของการทำงานของส่วนประกอบ แต่ความเสถียรเป็นข้อกังวลหลักสำหรับการผลิตจำนวนมากและการรักษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เมื่อเวลาผ่านไป จำเป็นต้องมีการปรับปรุงสูตรอย่างมากเพื่อให้มีความเสถียรเพียงพอสำหรับการจำหน่ายเชิงพาณิชย์

2. สูตรนี้ช่วยเรื่องผิวขาวใส ลดจุดด่างดำ รอยสิวได้มากน้อยแค่ไหน? เริ่มเห็นผลเมื่อไหร่?

ที่ความเข้มข้น 15% L-Ascorbic Acid มีศักยภาพสูงในการช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และปรับปรุงรอยสิว โดยการยับยั้งการสร้างเม็ดสีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน วิตามินอีก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมฤทธิ์ของวิตามินซี หากวิตามินซียังคงเสถียรและทำงานได้ในสูตร คุณอาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีผิวและจุดด่างดำได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงสองสามเดือนของการใช้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไป ปัญหาความเสถียรอาจทำให้ประสิทธิภาพที่แท้จริงลดลง ทำให้เห็นผลน้อยหรือไม่เห็นผลเลยเมื่อวิตามินซีเสื่อมสภาพ

3. อยากได้ความชุ่มชื้นเพิ่มเข้ามา เวลาทาแล้วไม่แห้ง ใส่สารตัวไหนเพิ่มดีครับ?

สูตรปัจจุบันอาศัยไกลคอล (Ethoxydiglycol, Butylene Glycol) ในการให้ความชุ่มชื้นบ้าง และ Pro Polymer อาจให้ความรู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อยในตอนแรก แต่อาจไม่เพียงพอที่จะให้ความชุ่มชื้นที่ยาวนานสำหรับผู้ที่รู้สึกผิวแห้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความรู้สึกแห้ง คุณสามารถเพิ่มสารให้ความชุ่มชื้น (humectants) และอาจรวมถึงสารให้ความนุ่มลื่นบางเบา (light emollients) ได้

สารให้ความชุ่มชื้นที่ดี ได้แก่:

• Glycerin: สารให้ความชุ่มชื้นที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้กันทั่วไป ซึ่งช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว
• Hyaluronic Acid (หรือ Sodium Hyaluronate/Super-HYA): ดีเยี่ยมสำหรับการให้ความชุ่มชื้น สามารถอุ้มน้ำได้หลายเท่าของน้ำหนักตัว

การเพิ่ม Glycerin 1-5% หรือ Hyaluronic Acid 0.1-0.5% สามารถช่วยเพิ่มความรู้สึกชุ่มชื้นของเซรั่มได้อย่างมาก

4. แนะนำอะไรเพิ่มมั้ยครับ?

คำแนะนำที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไข ความเสถียรของ L-Ascorbic Acid เพื่อปรับปรุงความเสถียรและให้แน่ใจว่าสูตรยังคงมีประสิทธิภาพ:

• ปรับค่า pH: ลดค่า pH ให้อยู่ในค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ L-Ascorbic Acid (3.5-4.0) ซึ่งจะต้องมีการเติมกรด (เช่น Citric Acid) และอาจต้องใช้ระบบบัฟเฟอร์
• เพิ่มสารช่วยให้คงตัว: พิจารณาเพิ่ม Ferulic Acid ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าช่วยให้วิตามินซีคงตัวและเสริมคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
• พิจารณาวิตามินซีรูปแบบอื่น: หากการทำให้ L-Ascorbic Acid เสถียรในเบสนี้เป็นเรื่องยาก คุณอาจพิจารณาใช้วิตามินซีอนุพันธ์ที่มีความเสถียรมากกว่า เช่น Ethyl Ascorbic Acid หรือ Ascorbyl Glucoside แม้ว่าประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไป
• บรรจุภัณฑ์: ใช้บรรจุภัณฑ์ทึบแสงและป้องกันอากาศเข้า (เช่น ขวดแก้วสีเข้มพร้อมหลอดหยด หรือขวดปั๊มสุญญากาศ) เพื่อป้องกันสูตรจากแสงและอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพ บรรจุภัณฑ์ใสไม่เหมาะสำหรับสูตรนี้ในสภาพปัจจุบัน
• สารกันเสีย: แม้ว่าจะมี Phenoxyethanol อยู่แล้ว แต่ควรทำการทดสอบ Challenge Test เพื่อยืนยันว่าระบบสารกันเสียมีประสิทธิภาพในการป้องกันจุลินทรีย์หลากหลายชนิดสำหรับการผลิตจำนวนมาก