รีวิวสูตรเซรั่ม: ปริมาณส่วนผสม ความเข้ากันได้ ความเสถียร และเนื้อสัมผัส
คำถาม
จากสูตรเซรั่มดังต่อไปนี้ ไม่ทราบว่าส่วนผสมจะเยอะเกินไปหรือไม่คะ พอดีอยากได้เซรั่มที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดเลือนริ้วรอย โดยต้องการเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหลวเป็นน้ำ อยากได้เนื้อที่มีความหนืดบ้างค่ะ
ตามอัตราส่วนที่แนะนำของเว็บไซต์ สารตัวไหนมีฤทธิ์หักล้างกัน หรือสรรพคุณซ้ำซ้อนกันบ้างคะ รบกวนแนะนำด้วยค่ะ
รายการส่วนผสมและอัตราส่วน:
- Repair Activator™ Liquid (Bifida Ferment Lysate) = 15%
- Pep®-Coll (Palmitoyl Tripeptide-5) = 3%
- Acetyl Hexapeptide-8 (eq. Argireline) = 10%
- Rosa Hybrid Cell Extract (HybridCell™) = 2%
- Dipalmitoyl Hydroxyproline (DPHP) = 2%
- Wild Yam Extract (Diosgenin 95%) = 0.2%
- Perfect-A™ (Hydroxypinacolone Retinoate, Liquid) = 1%
- ActiveProtec™ UV = 1%
- ActiveProtec™ OX = 1%
- Hi-Lupeol™ = 2%
- Japanese Cedar (Cryptomeria Japonica Bud Extract) = 1%
- Safe-B3™ Switzerland (Vitamin B3, Niacinamide) = 5%
- GlucoBright™ (Acetyl glucosamine) = 4%
- Ethoxydiglycol = 1%
- Saccharomyces Lysate Extract = 1%
- Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract) = 3%
- Hi-EGCG™ (Green Tea Extract) = 3%
- Grape Seed Extract (Proanthocyanidins) = 1%
- Skin-Barrier™ (Skin Barrier Restoration) = 5%
- Bio-Mineral™ (Fermented Si+Mg+Cu+Fe+Zn) = 5%
- alpha Ketoglutaric acid = 2%
- Hydroxypropyl Tetrahydropyrantriol (eq. Pro-Xylane) = 1%
- Methylsilanol Mannuronate = 6%
- Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine) = 3%
- Energy-Blend™ (Caffeine+Adenosine+Vitamin B3) = 5%
- Squalane (Olive) = 2%
- Wrinkle-Fill™ (AcetyL-Tyrosine) = 2%
- น้ำกลั่น ปราศจากเชื้อ = 12.799999%
คำตอบ
โอเคค่ะ ดิฉันได้ทบทวนสูตรเซรั่มที่คุณให้มา ซึ่งมีเป้าหมายในการต่อต้านอนุมูลอิสระและลดเลือนริ้วรอย โดยต้องการเนื้อสัมผัสที่ข้นขึ้นเล็กน้อย
นี่คือการวิเคราะห์ส่วนผสมและเปอร์เซ็นต์ที่คุณระบุ:
การทบทวนสูตร
สูตรของคุณประกอบด้วยส่วนผสมออกฤทธิ์หลากหลายชนิดที่เป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติการต่อต้านริ้วรอยและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งตรงกับเป้าหมายของคุณโดยตรง อย่างไรก็ตาม การรวมส่วนผสมออกฤทธิ์จำนวนมากขนาดนี้ในเซรั่มเดียวด้วยความเข้มข้นดังกล่าว มีความท้าทายในการทำสูตรและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลายประการ:
ความซับซ้อนและการซ้ำซ้อน
สูตรนี้มีความซับซ้อนสูง โดยมีส่วนผสมออกฤทธิ์/ส่วนผสมเชิงหน้าที่ถึง 27 ชนิด แม้ว่าส่วนผสมหลายชนิดจะมีประโยชน์ แต่ก็มีการทำงานที่ทับซ้อนกันอย่างมาก ตัวอย่างเช่น คุณมีเปปไทด์หลายชนิดที่มุ่งเป้าไปที่การลดเลือนริ้วรอยและการกระตุ้นคอลลาเจน (Pep®-Coll, Acetyl Hexapeptide-8, Dipalmitoyl Hydroxyproline, Methylsilanol Mannuronate, Hydroxypropyl Tetrahydropyrantriol) ในทำนองเดียวกัน ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและส่วนผสมที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวอีกมากมาย การใช้ส่วนผสมจำนวนมากที่มีกลไกการทำงานคล้ายคลึงกันอาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับสูตรที่เน้นส่วนผสมน้อยลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการไม่เสถียรหรือการระคายเคือง
ความเข้ากันได้และความเสถียรของส่วนผสม
ความท้าทายหลักของสูตรนี้คือความเข้ากันได้ของส่วนผสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับค่า pH ที่เหมาะสม
- Vitamin C (L-ascorbic acid) จะมีประสิทธิภาพและเสถียรที่สุดที่ค่า pH ต่ำ โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 2.0 ถึง 4.0 (และแนะนำที่ 3.5-4.0 สำหรับการทาบนผิว)
- ส่วนผสมที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ในสูตรของคุณ เช่น Safe-B3™ (Niacinamide), Beta Glucan, Japanese Cedar และ Hydroxypropyl Tetrahydropyrantriol ทำงานได้ดีที่สุดที่ค่า pH สูงกว่าที่จำเป็นสำหรับความเสถียรของ L-Ascorbic Acid
- การทำสูตรที่มี L-Ascorbic Acid ที่ค่า pH ต่ำสุดที่เหมาะสม มีแนวโน้มที่จะทำให้ส่วนผสมอื่นๆ ที่ต้องการค่า pH สูงกว่าไม่เสถียรหรือลดประสิทธิภาพลง ในทางกลับกัน การทำสูตรที่ค่า pH สูงขึ้นเพื่อให้เหมาะกับส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้ความเสถียรและประสิทธิภาพของ L-Ascorbic Acid ลดลง
- การรวม ActiveProtec™ OX ช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชัน และ ActiveProtec™ UV ช่วยป้องกันแสง UV ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อความเสถียรโดยรวมของสูตร แต่ก็อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่เข้ากันของค่า pH ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะกับ L-Ascorbic Acid
เปอร์เซ็นต์ของส่วนผสม
เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ที่คุณเลือกอยู่ในช่วงที่แนะนำหรืออยู่ในระดับสูงสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิด อย่างไรก็ตาม:
- Hi-Lupeol™ ระบุไว้ที่ 2% ซึ่งสูงกว่าอัตราการใช้สูงสุดที่แนะนำคือ 1.0%
- Hi-EGCG™ ระบุไว้ที่ 3% ซึ่งสูงกว่าอัตราการใช้สูงสุดที่แนะนำคือ 2.0%
การใช้ส่วนผสมเกินอัตราสูงสุดที่แนะนำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรืออาการไม่พึงประสงค์ โดยไม่จำเป็นต้องให้ประโยชน์ที่มากขึ้น
เนื้อสัมผัสและการทำสูตร
คุณกล่าวว่าต้องการเนื้อสัมผัสที่ข้นขึ้นเล็กน้อย รายการส่วนผสมปัจจุบันของคุณไม่มีสารเพิ่มความหนืดหรือสารก่อเจลโดยเฉพาะ (เช่น กัม, คาร์โบเมอร์ หรืออนุพันธ์ของเซลลูโลส) แม้ว่าส่วนผสมบางชนิด เช่น Beta Glucan หรือ Skin-Barrier™ อาจช่วยเพิ่มความหนืดได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เซรั่มมีเนื้อสัมผัสที่ข้นหรือหนืดอย่างเห็นได้ชัดด้วยตัวเอง คุณจะต้องเพิ่มสารเพิ่มความหนืดเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่คุณต้องการ
นอกจากนี้ สูตรยังมีส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน เช่น Dipalmitoyl Hydroxyproline, Wild Yam Extract และ Squalane ในการรวมส่วนผสมเหล่านี้เข้ากับเซรั่มที่มีเบสเป็นน้ำและสร้างผลิตภัณฑ์ที่เสถียร คุณจะต้องใส่สารอิมัลซิไฟเออร์ (ซึ่งไม่ได้ระบุไว้) และอาจต้องใช้โค-อิมัลซิไฟเออร์ด้วย คำแนะนำในการผสมสำหรับ Dipalmitoyl Hydroxyproline และ Wild Yam Extract กำหนดให้ต้องให้ความร้อนกับส่วนของน้ำมัน ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมสภาพของส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน
การประเมินโดยรวม
แม้ว่าสูตรของคุณจะมีส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมมากมายที่มุ่งเน้นคุณสมบัติการต่อต้านริ้วรอยและสารต้านอนุมูลอิสระ แต่จำนวนส่วนผสมออกฤทธิ์ที่มากเกินไปและความไม่เข้ากันของค่า pH อย่างมีนัยสำคัญระหว่าง L-Ascorbic Acid กับส่วนผสมอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เกิดความท้าทายในการทำสูตรที่สำคัญ และอาจส่งผลต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายได้ ปริมาณส่วนผสมออกฤทธิ์ที่สูงยังทำให้มีพื้นที่จำกัด (20%) สำหรับส่วนผสมพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ สารเพิ่มความหนืด สารอิมัลซิไฟเออร์ สารกันเสีย และสารปรับค่า pH
ข้อแนะนำ
- ลดความซับซ้อนของสูตร: พิจารณาลดจำนวนส่วนผสมออกฤทธิ์ลง เน้นส่วนผสมหลักเพียงไม่กี่ชนิดในความเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพและเข้ากันได้ดี
- แก้ไขปัญหาความไม่เข้ากันของค่า pH:
- หากคุณต้องการใช้ L-Ascorbic Acid ให้พิจารณาทำเซรั่มแยกต่างหากที่มี L-Ascorbic Acid ที่ค่า pH ต่ำสุดที่เหมาะสม และอีกเซรั่มหนึ่งที่มีส่วนผสมที่ไวต่อค่า pH เช่น Niacinamide และ Beta Glucan
- อีกทางเลือกหนึ่งคือ การแทนที่ L-Ascorbic Acid ด้วยอนุพันธ์ของ Vitamin C ที่เสถียรกว่า (เช่น Ascorbyl Glucoside หรือ Ethyl Ascorbic Acid) ซึ่งเข้ากันได้กับช่วงค่า pH ที่สูงกว่า แม้ว่าอนุพันธ์เหล่านี้อาจมีประสิทธิภาพแตกต่างจาก L-Ascorbic Acid
- ปรับเปอร์เซ็นต์: ลดเปอร์เซ็นต์ของ Hi-Lupeol™ และ Hi-EGCG™ ลงให้อยู่ในอัตราสูงสุดที่แนะนำ (1.0% และ 2.0% ตามลำดับ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น
- เพิ่มสารเพิ่มความหนืดและสารอิมัลซิไฟเออร์: เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ข้นขึ้นและรวมส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน คุณจะต้องเพิ่มสารเพิ่มความหนืดและสารอิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสมลงในสูตรของคุณ
- พิจารณาการทดสอบความเสถียร: ด้วยความซับซ้อนของสูตร แนะนำอย่างยิ่งให้ทำการทดสอบความเสถียร (เช่น การทดสอบรอบอุณหภูมิร้อน/เย็น, การเร่งอายุ) เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงเสถียรและมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน
การสร้างเซรั่มที่มีประสิทธิภาพสูงมักเกี่ยวข้องกับการเลือกส่วนผสมที่ทำงานร่วมกันได้ดีในจำนวนที่น้อยลง ด้วยความเข้มข้นที่เหมาะสม และมั่นใจในความเข้ากันได้และความเสถียรภายในเบสของสูตร
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)

Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Squalane (Olive)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)

Dipalmitoyl Hydroxyproline (DPHP)

Grape Seed Extract (Proanthocyanidins)

Wild Yam Extract (Diosgenin 95%)

Japanese Cedar (Cryptomeria Japonica Bud Extract)

Pure-EGCG™ (Green Tea Extract, 98% EGCG)

Methylsilanol Mannuronate

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)

ActiveProtec™ UV

Bio-Mineral™ (Fermented Si+Mg+Cu+Fe+Zn)

Energy-Blend™ (Caffeine+Adenosine+Vitamin B3)
