รีวิวสูตรและวิธีทำครีมลดริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้น

ขอบคุณสำหรับคำถามและสูตรที่คุณเสนอมาค่ะ เป็นสูตรที่น่าสนใจมาก มีส่วนผสมที่ดีหลายตัวที่เน้นเรื่องการลดริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นค่ะ

จากการตรวจสอบสูตรที่คุณให้มา ดิฉันพบว่าเปอร์เซ็นต์รวมของส่วนผสมทั้งหมดเกิน 100% นะคะ (รวมได้ 105.5%) ซึ่งในการทำสูตรเครื่องสำอาง สัดส่วนของส่วนผสมทั้งหมดจะต้องรวมกันได้ 100% พอดีค่ะ คุณจะต้องปรับลดปริมาณของส่วนผสมบางตัวลงเพื่อให้ครบ 100% ค่ะ

นอกจากนี้ ดิฉันขอให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับปริมาณของ Phytosphingosine ที่คุณใส่มา 1% ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอัตราการใช้ที่แนะนำของ Phytosphingosine จะอยู่ที่ประมาณ 0.05-0.1% ค่ะ การใช้ในปริมาณที่สูงกว่านี้อาจไม่จำเป็นและอาจเพิ่มโอกาสในการระคายเคืองได้ค่ะ

ส่วนผสมอื่นๆ ที่คุณเลือกมานั้นเหมาะสมกับเป้าหมายของครีมลดริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นค่ะ มีทั้งกลุ่มเปปไทด์ที่ช่วยเรื่องริ้วรอย สารให้ความชุ่มชื้น วิตามิน สารบำรุงผิว และสารนำพา รวมถึงมี Emulsifier และสารกันเสียที่จำเป็นค่ะ

ดิฉันขอเสนอสูตรปรับปรุงที่มีสัดส่วนรวม 100% โดยปรับลดปริมาณน้ำและ Phytosphingosine ลงตามคำแนะนำนะคะ

สูตรปรับปรุง (Proposed Adjusted Formula):

• Pal-GHK (Matrixyl 3000): 7%
• Acetyl Hexapeptide-8: 10%
• Double Hyaluron Liquid: 5%
• Safe-B3 (Niacinamide): 5%
• Acetyl glucosamine: 4%
• Yeast Resurface (Yeast Extract): 4%
• Copper Peptide (GHK-Cu): 1%
• Phytosphingosine: 0.1% (ปรับลดจาก 1%)
• Co Q-10: 0.5%
• Dimethyl Isosorbide (DMI): 3%
• Satin Cream Maker: 1%
• Sweet Almond Oil: 5%
• Shea Butter (ultra soft): 5%
• Phenoxyethanol: 0.5%
• Mild Preserved Eco: 0.5%
• Water: 48.9% (ปรับลดจาก 58%)
  รวม: 100%

วิธีทำครีม (Method):

สูตรนี้มีทั้งส่วนผสมที่ละลายน้ำและละลายน้ำมัน รวมถึงส่วนผสมที่ไวต่อความร้อนและส่วนผสมที่ต้องใช้ความร้อนในการละลาย ดังนั้นจึงต้องแบ่งการผสมเป็นเฟสตามคุณสมบัติของส่วนผสมค่ะ Emulsifier อย่าง Satin Cream Maker เป็นแบบ Cold Process สามารถผสมในเฟสน้ำได้เลยค่ะ

1. เตรียมเฟสน้ำ (Phase A): ในภาชนะที่สะอาดและทนความร้อนเล็กน้อย ให้รวม Water, Double Hyaluron Liquid, Safe-B3, Acetyl Glucosamine และ Dimethyl Isosorbide (DMI) เข้าด้วยกัน คนหรือใช้เครื่องผสมคนจนส่วนผสมที่ละลายน้ำทั้งหมดละลายเข้ากันดี
2. เตรียมเฟสน้ำมัน (Phase B): ในอีกภาชนะหนึ่ง ให้รวม Sweet Almond Oil และ Shea Butter เข้าด้วยกัน นำไปให้ความร้อนอย่างอ่อนโยน (ประมาณ 60-70°C) จน Shea Butter หลอมละลายเป็นน้ำมัน จากนั้นเติม Phytosphingosine และ Co Q-10 ลงในเฟสน้ำมันที่ยังอุ่นอยู่ คนหรือใช้เครื่องผสมช่วยคน/ปั่นให้ละลายหรือกระจายตัวเข้ากันดี ปล่อยให้เย็นลงเล็กน้อย (ต่ำกว่า 60°C)
3. การทำอิมัลชัน (Emulsification): เติม Satin Cream Maker ลงในเฟสน้ำ (Phase A) และคนให้กระจายตัวดี จากนั้นค่อยๆ เทเฟสน้ำมัน (Phase B) ลงในเฟสน้ำ (Phase A) อย่างช้าๆ พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่องด้วยเครื่องผสม (หลีกเลี่ยงการปั่นด้วยความเร็วสูงเกิน 2500 รอบต่อนาที เพราะอาจทำให้ Emulsifier เสียสภาพได้) คนต่อไปเรื่อยๆ จนได้เนื้อครีมที่เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน (โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1-10 นาที)
4. การเติมสารสำคัญที่ไวต่อความร้อนและสารกันเสีย (Phase C): เมื่อได้เนื้อครีมแล้ว ให้คนต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับปล่อยให้ครีมเย็นลง เมื่ออุณหภูมิของครีมลดลงต่ำกว่า 40°C ให้เติม Pal-GHK, Acetyl Hexapeptide-8, Yeast Resurface, Copper Peptide, Phenoxyethanol และ Mild Preserved Eco ลงไป คนเบาๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
5. การปรับค่า pH: ตรวจสอบค่า pH ของเนื้อครีมที่ได้ ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับสูตรนี้เพื่อให้สารสำคัญต่างๆ ทำงานได้ดีและมีความคงตัว (โดยเฉพาะกลุ่มเปปไทด์และ Yeast Resurface) ควรจะอยู่ในช่วงประมาณ 4.5-6.5 หากค่า pH ไม่อยู่ในช่วงนี้ สามารถปรับได้ด้วยสารปรับ pH ที่เหมาะสม
6. การบรรจุ: เมื่อได้เนื้อครีมที่ต้องการแล้ว ให้บรรจุลงในภาชนะที่สะอาด ควรเลือกใช้ภาชนะทึบแสงเพื่อช่วยรักษาคุณภาพของสารที่ไวต่อแสง เช่น Co Q-10

ข้อควรระวังเพิ่มเติม:

• อัตราส่วนของสารกันเสีย (Phenoxyethanol 0.5% และ Mild Preserved Eco 0.5%) รวมเป็น 1% ซึ่งอาจเพียงพอสำหรับสูตรทั่วไป แต่เนื่องจากสูตรมีสารสกัดจากธรรมชาติหลายชนิด แนะนำให้ทำการทดสอบ Challenge Test เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของระบบกันเสียในสูตรของคุณค่ะ
• ควรเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ในที่เย็นและหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเพื่อรักษาคุณภาพของสารสำคัญ โดยเฉพาะเปปไทด์และ Co Q-10

สูตรนี้มีส่วนผสมที่ช่วยทั้งเรื่องลดริ้วรอย เสริมสร้างผิว และให้ความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดีค่ะ หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ