การตรวจสอบสูตรเครื่องสำอางของคุณ

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรและคำถามของคุณค่ะ นี่คือการตรวจสอบและคำตอบตามส่วนผสมและหลักการการผสมทั่วไป:

1. ส่วนผสมและขั้นตอนการผสมถูกต้องหรือไม่

ส่วนผสมที่คุณเลือกใช้เป็นส่วนผสมออกฤทธิ์และสารกันเสียที่ใช้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อย่างไรก็ตาม เปอร์เซ็นต์ของ Hyaluronic Acid (รวม 1%) และ Ceramide Complex (10%) ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคำแนะนำทั่วไป ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสสุดท้ายได้

สำหรับขั้นตอนการผสม:

• ขั้นตอน A (ผสม Hyaluronic Acid กับน้ำ): การละลายผง Hyaluronic Acid ในน้ำต้องใช้เวลาและต้องมีการไฮเดรตที่เหมาะสม การผสมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรปล่อยให้แช่ทิ้งไว้หลายชั่วโมง (เช่น ในตู้เย็น) หรือใช้เครื่องปั่นความเร็วสูงเพื่อให้แน่ใจว่าละลายและขึ้นเจลอย่างสมบูรณ์ ตามที่เจ้าหน้าที่และรายละเอียดผลิตภัณฑ์ได้กล่าวไว้
• ขั้นตอน B (เติม Sesaflash, Argireline, Ceramide Complex): ขั้นตอนนี้โดยทั่วไปสามารถทำได้สำหรับการเติมส่วนผสมที่ละลาย/กระจายตัวในน้ำ อย่างไรก็ตาม วิธีการผสม Ceramide Complex ขึ้นอยู่กับชนิดของมัน หากเป็นชนิดผง อาจต้องใช้วิธีการกระจายตัวแบบพิเศษ (เช่น อุ่นกับไกลคอล) ก่อนเติมลงในน้ำ ซึ่งไม่ได้ระบุในขั้นตอนของคุณ
• ขั้นตอน C (เติม Phenoxyethanol และแช่เย็น): การเติมสารกันเสียในขั้นตอนสุดท้ายถูกต้อง การแช่เย็นสามารถช่วยในการละลาย HA และดีสำหรับการเก็บรักษาส่วนผสมบางชนิดในระยะยาว

โดยรวมแล้ว ส่วนผสมมีความเหมาะสม แต่เปอร์เซ็นต์ของ Hyaluronic Acid และ Ceramide Complex ค่อนข้างสูง และขั้นตอนการผสม โดยเฉพาะการละลาย Hyaluronic Acid และการผสม Ceramide Complex อาจต้องปรับปรุงขึ้นอยู่กับชนิดของส่วนผสมที่ใช้

2. มีข้อเสียอย่างไร ควรปรับปรุงส่วนผสมใดบ้าง

ข้อเสีย:

• ความเข้มข้นรวมของ Hyaluronic Acid ที่สูง (1%) มีแนวโน้มที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์รู้สึกเหนียวเหนอะหนะบนผิว ตามที่เจ้าหน้าที่ได้กล่าวไว้
• ความเข้มข้นของ Ceramide Complex ที่สูง (10%) อาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและอาจมากกว่าที่จำเป็นขึ้นอยู่กับชนิดที่ใช้

การปรับปรุง:

• Hyaluronic Acid: พิจารณาลดความเข้มข้นรวมของ Hyaluronic Acid ลงเหลือ 0.1-0.5% เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ดีขึ้นและยังคงให้ความชุ่มชื้นที่ดี
• Ceramide Complex: ตรวจสอบชนิดของ Ceramide Complex หากเป็นชนิดผง ให้ลดความเข้มข้นลงเหลือ 1-3% และปฏิบัติตามคำแนะนำการกระจายตัวที่เหมาะสม หากเป็นชนิดน้ำ/เจล ความเข้มข้น 10% อยู่ในเกณฑ์การใช้ แต่สามารถลดลงได้เล็กน้อยหากเนื้อสัมผัสหนักเกินไป
• ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Hyaluronic Acid ละลายอย่างสมบูรณ์โดยการแช่หรือปั่นอย่างเหมาะสม
• ตรวจสอบค่า pH สุดท้ายของผลิตภัณฑ์และปรับให้อยู่ระหว่าง 4.0-6.0 เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดของส่วนผสม โดยเฉพาะ Argireline

3. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่มีส่วนผสมMatrixy 3000 อยู่แล้วดังนั้นไม่จำเป็นต้องใส่เติมลงไปก็ได้ โดยได้รับประสิทธิภาพเหมือนกันหรือไม่

Matrixyl 3000 และ Argireline ทำงานแตกต่างกัน Matrixyl 3000 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในขณะที่ Argireline ช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Matrixyl 3000 อยู่แล้วจะได้รับประโยชน์จาก Matrixyl 3000 ส่วนสูตรของคุณมี Argireline ซึ่งให้ประโยชน์ในการคลายกล้ามเนื้อสำหรับริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า

ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์อื่นที่มี Matrixyl 3000 อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเติมลงในสูตรนี้อีกเพื่อให้ได้รับประโยชน์ และการใช้เกินปริมาณที่แนะนำก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเสมอไป การใช้ผลิตภัณฑ์ Matrixyl 3000 แยกต่างหากควบคู่ไปกับสูตร Argireline นี้เป็นวิธีที่ดีในการได้รับประโยชน์ทั้งสองด้าน

4. กรณีใช้ Hyaluronic Acid (Standard Molecule) 0.5%,Hyaluronic Acid (Nano Molecule) 0.5% ซึ่งทนกรด-ด่างไม่ได้ ส่งผลกระทบอย่างไร

Hyaluronic Acid มีความเสถียรในช่วง pH 3.0-9.0 ไม่ทนต่อ pH ที่ต่ำมาก (<3.0) หรือสูงมาก (>9.0) หากค่า pH สุดท้ายของผลิตภัณฑ์ของคุณอยู่นอกช่วงนี้ Hyaluronic Acid อาจเสื่อมสภาพ ทำให้ผลิตภัณฑ์สูญเสียเนื้อเจลและความสามารถในการให้ความชุ่มชื้นลดลง สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายของคุณอยู่ในช่วงที่เสถียร

5. หากไม่ใช้Hyaluronic Acid (Standard Molecule) ,Hyaluronic Acid (Nano Molecule) เลย ผสมกับน้ำอย่างเดียวก็ใช้ได้เหมือนกันใช่หรือไม่

ได้ คุณสามารถผสมส่วนผสมอื่นๆ (Sesaflash, Argireline, Ceramide Complex, Phenoxyethanol) กับน้ำได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม หากไม่มี Hyaluronic Acid ซึ่งช่วยสร้างเนื้อเจลและให้ความชุ่มชื้นอย่างมาก ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะเป็นของเหลวใส คล้ายโทนเนอร์หรือเอสเซนส์ แทนที่จะเป็นเจลหรือเซรั่ม ผลิตภัณฑ์จะยังมีส่วนผสมออกฤทธิ์อยู่ แต่จะขาดประโยชน์ด้านเนื้อสัมผัสและความชุ่มชื้นที่เพิ่มขึ้นจาก Hyaluronic Acid.