วิเคราะห์สูตรครีมทำเอง: ค่า pH, เนื้อสัมผัส และความเหมาะสมกับสภาพผิว

ถามโดย: antc.aon เมื่อ: July 17, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ฉันได้ลองทำสูตรครีมใช้เองตามส่วนผสมดังนี้ค่ะ:

  • Purified Water: 75.6%
  • Pepha Tight: 3%
  • Green Tea Extract: 3%
  • Beta Glucan: 3%
  • Phenoxyethanol: 1%
  • Shea Butter: 2%
  • Rose Hip Oil: 5%
  • Jojoba Golden Oil: 5%
  • Sepiplus 400: 1%
  • Laureth-23: 1%

อยากสอบถามผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสูตรนี้ค่ะ:

  1. ค่า pH โดยประมาณของสูตรนี้จะอยู่ที่เท่าไรคะ?
  2. เนื้อครีมจากสูตรนี้จะมีความหนักเบาประมาณไหนคะ?
  3. มีคำแนะนำในการปรับปรุงสูตรนี้ไหมคะ โดยเฉพาะในส่วนของระบบอิมัลซิไฟเออร์ (Sepiplus 400 และ Laureth-23)?
  4. ครีมสูตรนี้สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนหรือไม่คะ?
  5. สูตรนี้จะเหมาะกับสภาพผิวแบบไหนมากที่สุดคะ?

คำตอบ

การวิเคราะห์และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตร

ขอบคุณสำหรับสูตรและคำถามค่ะ การทำครีมใช้เองเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากค่ะ จากสูตรที่คุณให้มาและข้อมูลที่คุณ cosmeceutical7 ได้ตอบไปแล้ว ขอสรุปและให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ:

1. ค่า pH โดยประมาณ

การประมาณค่า pH ที่แน่นอนของสูตรที่ซับซ้อนโดยไม่มีการวัดจริงเป็นเรื่องยากค่ะ เนื่องจากค่า pH สุดท้ายขึ้นอยู่กับค่า pH ของส่วนผสมที่ละลายน้ำแต่ละชนิดและความเข้มข้นของส่วนผสมเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาว่าสูตรมีน้ำบริสุทธิ์มากกว่า 75% และมีส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ เช่น Pepha Tight, Green Tea Extract, Beta Glucan และ Phenoxyethanol ค่า pH สุดท้ายจะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากส่วนประกอบเหล่านี้และค่า pH เริ่มต้นของน้ำบริสุทธิ์ของคุณ ดังที่คุณ cosmeceutical7 กล่าวไว้ คุณจะต้องทราบช่วงค่า pH ทั่วไปของส่วนผสมที่ละลายน้ำแต่ละชนิดเพื่อทำการประมาณค่าคร่าวๆ โดยทั่วไป ครีมบำรุงผิวส่วนใหญ่จะมีค่า pH อยู่ระหว่าง 4.5 ถึง 7.0 ซึ่งเข้ากันได้ดีกับผิว

2. เนื้อครีม (ความหนักเบา)

เนื้อครีมจะหนักหรือเบาขึ้นอยู่กับปริมาณรวมของส่วนน้ำมัน (oil phase) และชนิดรวมถึงปริมาณของสารอิมัลซิไฟเออร์/สารเพิ่มความข้นที่ใช้ ในสูตรของคุณมี Shea Butter (2%), Rose Hip Oil (5%) และ Jojoba Golden Oil (5%) รวมเป็นส่วนน้ำมัน 12% ซึ่งถือเป็นปริมาณส่วนน้ำมันในระดับปานกลาง ระบบอิมัลซิไฟเออร์/สารเพิ่มความข้นประกอบด้วย Sepiplus 400 (1%) และ Laureth-23 (1%)

ดังที่คุณ cosmeceutical7 ได้ชี้ให้เห็น Laureth-23 เป็นสารอิมัลซิไฟเออร์ และความเข้ากันได้กับส่วนประกอบอื่นๆ ในสูตรของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับ Sepiplus 400 จำเป็นต้องได้รับการยืนยัน การเลือกสารอิมัลซิไฟเออร์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเสถียรและเนื้อสัมผัส Sepiplus 400 เป็นสารเพิ่มความข้นและอิมัลซิไฟเออร์ที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งสามารถสร้างเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ปริมาณส่วนน้ำมันรวม 12% บวกกับอิมัลซิไฟเออร์/สารเพิ่มความข้น 2% อาจทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่ไม่หนักจนเกินไป แต่ทั้งนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนบุคคลและขึ้นอยู่กับเกรดเฉพาะของส่วนผสมและการทำงานร่วมกัน

หากคุณรู้สึกว่าเนื้อหนักเกินไป คุณอาจพิจารณาลดปริมาณส่วนน้ำมันลงเล็กน้อย (เช่น ลดปริมาณน้ำมันเหลวอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองชนิด) หรือปรับชนิด/อัตราส่วนของสารอิมัลซิไฟเออร์/สารเพิ่มความข้น หากต้องการเนื้อที่บางเบาลง คุณอาจต้องพิจารณาสารอิมัลซิไฟเออร์หรือสารก่อเจลชนิดอื่นที่เหมาะสำหรับครีมหรือโลชั่นที่บางเบาขึ้น

3. การปรับปรุงสูตร

การปรับปรุงที่สำคัญที่สุดตามที่คุณ cosmeceutical7 แนะนำคือเรื่องระบบอิมัลซิไฟเออร์ โดยเฉพาะการใช้ Laureth-23 ขอแนะนำให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Laureth-23 เข้ากันได้กับ Sepiplus 400 และส่วนน้ำมันและน้ำอื่นๆ ในสูตรของคุณ เพื่อป้องกันการแยกชั้น หากเกิดปัญหาความไม่เสถียร คุณอาจต้อง:

  • ยืนยันความเข้ากันได้ของ Laureth-23 และ Sepiplus 400 ในสูตรนี้โดยเฉพาะ
  • พิจารณาใช้เฉพาะ Sepiplus 400 หากสามารถทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์ส่วนน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพในความเข้มข้นที่เหมาะสม
  • พิจารณาสารอิมัลซิไฟเออร์ทางเลือกอื่นที่ทราบว่าทำงานได้ดีกับน้ำมันและส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรของคุณ

การปรับปรุงอื่นๆ ที่เป็นไปได้จะขึ้นอยู่กับเป้าหมายเฉพาะของครีมและสภาพผิวที่ต้องการ ซึ่งเชื่อมโยงกับความเหมาะสมสำหรับสภาพผิวที่แตกต่างกัน

4. การใช้กลางวันและกลางคืน

จากส่วนผสมที่ระบุไว้ ไม่มีส่วนประกอบใดที่โดยทั่วไปแล้วมีปัญหาสำหรับการใช้ในเวลากลางวัน (เช่น สารที่ทำให้ผิวไวต่อแสงอย่างรุนแรง) ดังนั้น สูตรนี้จึงน่าจะสามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ดังที่คุณ cosmeceutical7 ได้กล่าวไว้ อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวถึงเรื่องเนื้อสัมผัส ความชอบส่วนบุคคลมีบทบาทสำคัญ บางคนชอบเนื้อที่บางเบาในเวลากลางวันและครีมที่เข้มข้นขึ้นในเวลากลางคืน

5. ความเหมาะสมสำหรับสภาพผิว

ด้วยปริมาณน้ำมัน/บัตเตอร์รวม 12% (Shea Butter, Rose Hip Oil, Jojoba Golden Oil) สูตรนี้ให้ความนุ่มนวลและความชุ่มชื้นในปริมาณมาก ดังที่คุณ cosmeceutical7 ได้กล่าวไว้อย่างถูกต้อง ส่วนประกอบนี้จึงน่าจะเหมาะที่สุดสำหรับ ผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง หรือผิวผู้ใหญ่ที่ต้องการการบำรุงและความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ สำหรับผิวมันหรือผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิว ระดับความมันนี้อาจรู้สึกหนักเกินไปและอาจทำให้เกิดการอุดตันได้ แม้ว่า Jojoba Oil มักถูกพิจารณาว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน หากคุณต้องการให้ครีมนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนส่วนน้ำมันและระบบอิมัลซิไฟเออร์อย่างมาก เพื่อให้ได้เนื้อที่บางเบาลงมาก อาจเป็นเนื้อโลชั่นหรือเจลครีมแทน

โดยสรุป สูตรของคุณมีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ เช่น Green Tea Extract, Rose Hip Oil, Jojoba Golden Oil, Beta Glucan และ Shea Butter ความท้าทายทางเทคนิคหลักดูเหมือนจะเป็นการทำให้ระบบอิมัลซิไฟเออร์มีความเสถียร (Sepiplus 400 และ Laureth-23) เนื้อสัมผัสและความเหมาะสมสำหรับสภาพผิวมีแนวโน้มไปทางผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง เนื่องจากปริมาณน้ำมันค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
เครื่องสำอาง
Laureth-23
Laureth-23
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Rosemary Oleoresin Extract (ROE)
Rosemary Oleoresin Extract (ROE)
เครื่องสำอาง
Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
เครื่องสำอาง
Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)
Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)
เครื่องสำอาง
Rose Hip Oil (Virgin, Fresh)
Rose Hip Oil (Virgin, Fresh)
เครื่องสำอาง
Golden Shea Butter (Virgin, Ghana)
Golden Shea Butter (Virgin, Ghana)
เครื่องสำอาง
Sepimax Zen
Sepimax Zen
เครื่องสำอาง
Sepinov EMT10
Sepinov EMT10
เครื่องสำอาง