วิเคราะห์สูตรครีม: ความเหมาะสม, เนื้อสัมผัส, การป้องกันแสงแดด, และระดับส่วนผสม
คำถาม
ผมมีสูตรครีมดังนี้:
- vitamin b3: 2%
- alpha arbutin: 1%
- matrixyl 3000: 1.5%
- laureth-23: 4%
- oil free titanium: 15%
- oil free zinc: 15%
- gluusosamine (n-acetyl d): 3%
- propylene glycol: 10%
- shea butter ultra soft: 10%
- น้ำมันมะพร้าว: 5%
ปรับ pH โดยใช้ citric acid
คำถามคือ:
- สูตรนี้ใช้กับผิวหน้า หรือ ผิวกายได้ไหมครับ
- ต้องการเนื้อครีมขาว ลื่น ซึมไว ไม่เหนียว สูตรนี้จะได้เนื้อตามที่ต้องการไหมครับ
- สารกันแดดที่คิดไว้ 15% titanium dioxide และ 15% zinc oxide ไม่รู้เยอะไปหรือน้อยไปครับสำหรับการป้องกันแดดเล็กน้อย
- ปกติครีมแบรนด์ดังๆ เขาใส่สารเยอะขนาดนี้ไหมครับ
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรครีมของคุณ
มาวิเคราะห์สูตรครีมของคุณและตอบคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมสำหรับผิวหน้า/ผิวกาย เนื้อสัมผัส การป้องกันแสงแดด และการเปรียบเทียบกับแบรนด์ดังกันครับ
ความเหมาะสมสำหรับผิวหน้าหรือผิวกาย
สูตรของคุณมีส่วนผสมหลายอย่างที่นิยมใช้ทั้งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย:
- สารออกฤทธิ์: วิตามินบี 3 (Niacinamide), อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin), Matrixyl 3000 และ N-acetyl Glucosamine มีประโยชน์ต่อปัญหาผิว เช่น จุดด่างดำ ริ้วรอย และสุขภาพผิวโดยรวม ทำให้เหมาะสำหรับการบำรุงเฉพาะจุดบนผิวหน้าหรือผิวกาย
- สารให้ความชุ่มชื้น/น้ำมันบำรุงผิว: เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) และน้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) เป็นส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมในการให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว เหมาะสำหรับทั้งผิวหน้าและผิวกาย แต่ความเข้มข้นรวมที่สูง (25%) อาจทำให้รู้สึกหนักหรือเหนอะหนะได้ โดยเฉพาะบนผิวหน้า ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคุณ (เช่น ผิวมันหรือผิวที่เป็นสิวง่ายอาจรู้สึกหนักเกินไป)
- ส่วนผสมอื่นๆ: โพรพิลีน ไกลคอล (Propylene Glycol), Laureth-23, ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) และ ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) เป็นส่วนผสมมาตรฐานในเครื่องสำอางที่พบได้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายหลากหลายชนิด
โดยรวมแล้ว สูตรนี้สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย อย่างไรก็ตาม ความเข้มข้นของเชียบัตเตอร์และน้ำมันมะพร้าวที่สูง ประกอบกับสารกันแดดแบบ Physical อาจทำให้เนื้อครีมรู้สึกหนักกว่า และอาจเหมาะกับเป็นครีมทาตัว หรือครีมบำรุงผิวหน้าที่ต้องการความเข้มข้นสูงสำหรับผิวแห้งมากกว่า
เนื้อสัมผัส (ขาว ลื่น ซึมไว ไม่เหนียว)
- ขาว: การใส่ไทเทเนียมไดออกไซด์ 15% และซิงค์ออกไซด์ 15% จะทำให้ครีมมีสีขาวอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นผงแร่สีขาว และที่ความเข้มข้นรวม 30% จะให้ความทึบแสงสูงและมีแนวโน้มที่จะทิ้งคราบขาวบนผิวได้ชัดเจน ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดอนุภาคที่ใช้
- ลื่น ซึมไว ไม่เหนียว: การทำให้ครีมซึมไวและไม่เหนียวเหนอะหนะด้วยน้ำมัน/บัตเตอร์ 25% และสารกันแดดแบบ Physical 30% เป็นเรื่องที่ท้าทาย Laureth-23 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ช่วยรวมส่วนน้ำและน้ำมันเข้าด้วยกัน โพรพิลีน ไกลคอลช่วยให้เนื้อสัมผัสลื่นขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันและสารกันแดดที่สูงอาจทำให้ครีมรู้สึกหนัก ซึมช้า และอาจทิ้งความรู้สึกเคลือบผิวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสูตรที่บางเบากว่า การใช้ไทเทเนียมไดออกไซด์และซิงค์ออกไซด์ชนิดที่ผ่านการปรับปรุงพื้นผิวหรืออยู่ในรูป Dispersion (เช่น Nano-dispersion แบบโปร่งใส) สามารถช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัส ลดคราบขาว และลดความรู้สึกหนักได้ สูตรปัจจุบันอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นครีมที่เข้มข้นและอาจรู้สึกหนักกว่าที่คุณต้องการ หากต้องการเนื้อครีมที่ซึมไวและไม่เหนียวเหนอะหนะเป็นพิเศษ
การป้องกันแสงแดด (ไทเทเนียมไดออกไซด์ 15%, ซิงค์ออกไซด์ 15%)
ความเข้มข้นรวมของสารกันแดดแบบ Physical ที่ 30% (ไทเทเนียมไดออกไซด์และซิงค์ออกไซด์) ถือเป็นระดับที่สูง และควรให้การป้องกันแสงแดดแบบ Broad-spectrum ได้ดี ทั้งรังสี UVA และ UVB ความเข้มข้นนี้เพียงพอสำหรับการป้องกันแสงแดดในระดับปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับเกรดของสารกันแดดที่ใช้และคุณภาพการกระจายตัวในสูตร การใส่ 15% ของแต่ละชนิดถือเป็นปริมาณที่มากสำหรับการป้องกันแสงแดด
ความเข้มข้นของสารในแบรนด์ดัง
แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำใช้ความเข้มข้นของส่วนผสมที่หลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมาย
- สารออกฤทธิ์: ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ เช่น Niacinamide (วิตามินบี 3) ที่ 2%, Alpha Arbutin ที่ 1% และ N-acetyl Glucosamine ที่ 3% อยู่ในช่วงความเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพที่พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายชนิด Matrixyl 3000 มักใช้ที่ความเข้มข้น 3-5% เพื่อผลลัพธ์การลดริ้วรอยที่ดีที่สุด ดังนั้น 1.5% ของคุณจึงต่ำกว่าช่วงที่แนะนำเล็กน้อยสำหรับ Peptide Blend ชนิดนี้
- สารกันแดดแบบ Physical: ผลิตภัณฑ์กันแดดจากแบรนด์ใหญ่ใช้ความเข้มข้นของไทเทเนียมไดออกไซด์และซิงค์ออกไซด์ที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ค่า SPF และ PPD ที่ต้องการ ความเข้มข้นรวมสำหรับการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมักอยู่ในช่วง 15% ถึง 25% แม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่มี SPF สูงมากอาจใช้ความเข้มข้นที่สูงกว่านี้ ความเข้มข้นรวม 30% ของคุณถือว่าค่อนข้างสูง ซึ่งบ่งชี้ถึงการเน้นการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ก็อาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและลักษณะของผลิตภัณฑ์ได้ตามที่กล่าวไป
- น้ำมันบำรุงผิว: เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันและบัตเตอร์ เช่น เชียบัตเตอร์และน้ำมันมะพร้าว แตกต่างกันอย่างมาก ครีมที่เข้มข้นหรือบอดี้บัตเตอร์อาจมีเปอร์เซ็นต์สูง (เช่น 25% รวมกันในสูตรของคุณ) ในขณะที่โลชั่นทาหน้าหรือเซรั่มที่บางเบากว่าจะใช้ในปริมาณที่น้อยกว่ามาก หรือใช้น้ำมันบำรุงผิวที่เบากว่าแทน
โดยสรุป แม้ว่าความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์บางชนิดในสูตรของคุณจะเทียบเคียงได้กับผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ แต่ระดับความเข้มข้นรวมของน้ำมัน/บัตเตอร์และสารกันแดดแบบ Physical ที่สูงนั้นมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มที่จะทำให้ได้ครีมที่เข้มข้น มีสีขาว และมีการป้องกันแสงแดดที่ดี ซึ่งอาจมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากโลชั่นหรือเซรั่มที่บางเบา ซึมไว จากแบรนด์ใหญ่ที่อาจใช้ระดับน้ำมันบำรุงผิวที่ต่ำกว่า หรือใช้สารกรองรังสียูวีชนิดอื่น (แบบเคมี หรือผสมผสาน)
การปรับค่า pH ด้วยกรดซิตริกเป็นขั้นตอนมาตรฐานและจำเป็นในการผลิตเครื่องสำอางเพื่อให้มั่นใจในความเสถียรและความเข้ากันได้กับผิว
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Alpha Arbutin (Switzerland)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Propylene Glycol

Laureth-23

Fractionated Coconut Oil

Shea Butter (Ultra Soft)

Alpha Arbutin (China, Powder, Enzymatic Synthesis)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)

Alpha Arbutin (China, Crystal Form)

Citric Acid (Anhydrous, Natural)
