วิเคราะห์สูตรเซรั่ม, ความเสถียรวิตามินซี, และการตรวจสอบสารสำคัญจาก OEM

ถามโดย: rooss1612 เมื่อ: October 01, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

รบกวนสอบถามเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นกับผิวสำหรับสูตรเซรั่มดังนี้ครับ:

เปอร์เซ็นต์ Active ที่ใส่ในสูตร:

  • Sodium Hyaluronate Solution = 25%
  • Vitamim C (L-ascorbic acid) = 15%
  • Argireline C (PD010) = 3%
  • Vitamin E - Acetate Care= 0.1%
  • Ferulic Acid = 0.1%
  • Tego Cosmo C250 = 1%
  • Lactil = 0.15%

  • หมายเหตุ: ทำละลายใน Glycols*

ตามสูตรข้างต้น หากเซรั่มมีค่า pH 3.5 (เจลใส) และเมื่อทาเซรั่มลงบนผิวหน้าแล้ว ไม่มีอาการร้อนนิดๆ หรืออุ่นๆ บนผิวหน้า เหมือนอย่างแบรนด์อื่นๆ ที่เคยใช้ ซึ่งจะมีความรู้สึกร้อนนิดๆ หรือรู้สึกยิบๆ บนผิวหน้านิดหน่อย แสดงว่า L-ascorbic acid ยังคงเสถียรอยู่หรือไม่ครับ?

เพิ่มเติมคือ เมื่อมีการสั่งผลิตกับทางโรงงาน OEM เราจะรู้ได้อย่างไรครับว่าเขาได้ใส่สาร Active ตาม % ที่เขาได้แจ้งไว้ครับ เพราะสาร Active ที่ใส่ไว้ค่อนข้างใส่ในปริมาณที่สูง แต่เรื่องผลลัพธ์ระหว่างการใช้แตกต่างกับหลายๆแบรนด์ที่เคยได้ทดลองใช้ กับการเคลมสาร Active ในปริมาณที่เท่ากันหรือน้อยกว่าครับ

  • ป.ล. สั่งผลิตกับทางโรงงาน OEM แต่สั่งซื้อสารบางตัวกับทาง Myskin ครับ*

คำตอบ

การวิเคราะห์สูตรเซรั่มของคุณ

สูตรเซรั่มนี้เป็นการผสมผสานส่วนประกอบสำคัญหลายชนิดที่มุ่งเน้นการดูแลผิวในด้านต่างๆ ทั้งความชุ่มชื้น การลดเลือนริ้วรอย การต้านอนุมูลอิสระ และการปรับสีผิวให้กระจ่างใส นี่คือการวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นกับผิวจากส่วนประกอบแต่ละชนิดในความเข้มข้นที่คุณระบุ:

  • Sodium Hyaluronate (Nano Low Molecule) 25%: ไฮยาลูรอนิกแอซิด โดยเฉพาะขนาดนาโนหรือโมเลกุลต่ำ มีคุณสมบัติเด่นในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างล้ำลึก ช่วยดึงและกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวดูอิ่มฟู และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ ความเข้มข้น 25% ของ สารละลาย Sodium Hyaluronate (สมมติว่าเป็นความเข้มข้นของสารละลาย ไม่ใช่ผงบริสุทธิ์ 25%) จะให้ประโยชน์ด้านความชุ่มชื้นอย่างมาก
  • Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine) 15%: L-ascorbic acid เป็นวิตามินซีรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสโดยลดการสร้างเม็ดสี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดเลือนริ้วรอย ความเข้มข้น 15% ถือเป็นปริมาณที่สูงและมีประสิทธิภาพในการให้ผลลัพธ์ด้านความกระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอยอย่างชัดเจน
  • Argireline (Acetyl Hexapeptide-8) 3%: เปปไทด์ชนิดนี้ช่วยลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา โดยการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ ความเข้มข้น 3% อยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับการใช้งานส่วนใหญ่ของส่วนประกอบนี้
  • Vitamin E (Tocopheryl Acetate) 0.1%: วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานเสริมฤทธิ์กับวิตามินซีในการปกป้องผิวจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังช่วยคงความเสถียรของส่วนประกอบอื่นๆ ในสูตร ความเข้มข้น 0.1% เพียงพอสำหรับบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยรักษาความเสถียรของสูตร
  • Ferulic Acid 0.1%: Ferulic acid เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยเสริมความเสถียรและเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินซีและวิตามินอี ช่วยเพิ่มการปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงแดดและมลภาวะ แม้จะมีประโยชน์ที่ 0.1% แต่ความเข้มข้นที่สูงกว่า (โดยทั่วไปคือ 0.5-1%) มักถูกแนะนำเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการต้านริ้วรอยและต้านอนุมูลอิสระเมื่อใช้เป็นส่วนประกอบหลัก
  • Tego Cosmo C250 (1-Methylhydantoin-2-Imide) 1%: ส่วนประกอบนี้มีชื่อเสียงในด้านคุณสมบัติการปรับสีผิวให้กระจ่างใส ช่วยลดจุดด่างดำและปรับปรุงโทนสีผิวโดยรวม ความเข้มข้น 1% อยู่ในช่วงที่มีประสิทธิภาพสำหรับวัตถุประสงค์นี้
  • Lactil 0.15%: Lactil มักจะเป็นส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น (เช่น Sodium Lactate, Sodium PCA, Glycine, Fructose, Urea, Niacinamide, Inositol, Sodium Benzoate, Lactic Acid) ที่เลียนแบบ Natural Moisturizing Factor (NMF) ของผิว ช่วยปรับปรุงความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว

โดยรวมแล้ว สูตรนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นเซรั่มแบบมัลติฟังก์ชันที่ให้ความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และปรับสีผิวให้กระจ่างใส

ความเสถียรของวิตามินซีและความรู้สึกบนผิว

เซรั่มมีค่า pH 3.5 ซึ่งอยู่ในช่วงที่เหมาะสม (pH 2.0-4.0) สำหรับ L-ascorbic acid ที่จะมีประสิทธิภาพและมีความเสถียร ขณะเดียวกันก็เป็นไปตามข้อกำหนดของ อย. (ผลิตภัณฑ์ทาบนผิวต้องมี pH อย่างน้อย 3.5) การที่ไม่มีความรู้สึกร้อนหรือยิบๆ บนผิวเมื่อทา ไม่ได้หมายความว่าวิตามินซีไม่เสถียรหรือไม่ทำงาน ความรู้สึกเหล่านี้แตกต่างกันไปอย่างมากขึ้นอยู่กับสูตรเฉพาะ การมีส่วนประกอบอื่น (เช่น ไกลคอลที่ใช้เป็นตัวทำละลาย ซึ่งบางครั้งช่วยลดการระคายเคือง) และความไวของผิวแต่ละบุคคล ตราบใดที่เซรั่มยังคงใสและไม่มีสัญญาณของการเสื่อมสภาพ (เช่น เปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล) L-ascorbic acid ก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเสถียรและทำงานได้ที่ค่า pH นี้

การตรวจสอบเปอร์เซ็นต์สารสำคัญจากโรงงาน OEM

การตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอนของสารสำคัญในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากโรงงาน OEM ไม่สามารถทำได้เพียงแค่จากการใช้ผลิตภัณฑ์หรือสังเกตผลลัพธ์ที่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสูตรที่ซับซ้อนซึ่งมีสารสำคัญหลายชนิด แม้ว่าคุณจะสามารถประเมิน ประสิทธิภาพ ของผลิตภัณฑ์บนผิวได้ แต่นั่นไม่ได้ยืนยันความเข้มข้นที่แม่นยำของส่วนประกอบแต่ละชนิด

วิธีการมาตรฐานในการตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ของสารสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำเร็จรูปคือการ ทดสอบทางห้องปฏิบัติการโดยอิสระ (Analytical Testing) คุณจะต้องส่งตัวอย่างเซรั่มไปยังห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองซึ่งสามารถทำการวิเคราะห์เชิงปริมาณสำหรับสารสำคัญแต่ละชนิดที่ระบุในสูตร นี่เป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มีเปอร์เซ็นต์สารสำคัญตามที่ระบุไว้จริง

สิ่งสำคัญคือการหารือเกี่ยวกับกระบวนการควบคุมคุณภาพและการทดสอบทางวิเคราะห์กับพันธมิตรโรงงาน OEM ของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายเป็นไปตามข้อกำหนดที่ตกลงกันไว้

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Pure-Ferulic Acid™
Pure-Ferulic Acid™
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
CosmoWhite™ (1-Methylhydantoin-2-Imide)
CosmoWhite™ (1-Methylhydantoin-2-Imide)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
เครื่องสำอาง