สอบถามการพัฒนาสูตรเซรั่มบำรุงขนตา: ส่วนผสม การกันเสีย และการคำนวณเปอร์เซ็นต์
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรเซรั่มบำรุงขนตา เพื่อให้ขนตายาว หนา และแข็งแรงขึ้น มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการขึ้นสูตร ดังนี้ค่ะ:
- ส่วนผสมหลักที่ใช้มี Fractionated Coconut Oil และ Vitamin E ร่วมกับสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้ เช่น Hydrolyzed Rice Protein, Hydrolyzed Soy Protein, Pure Keratin™, Creatine 100, และ N-Acetyl Cysteine โดยใช้ Polysorbate 20 (Tween 20) เป็นสารประสานเนื้อ อยากทราบข้อควรพิจารณาในการรวมเฟสน้ำมันปริมาณมากเข้ากับสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำ และ Polysorbate 20 เหมาะสมกับวัตถุประสงค์นี้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องความใสและความคงตัวของสูตร
- สำหรับสารกันเสีย Thyme Care เพียงพอสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริเวณรอบดวงตาหรือไม่คะ
- เปอร์เซ็นต์ที่ระบุในเว็บไซต์ หมายถึงเปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก หรือโดยปริมาตรของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดคะ
คำตอบ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาเซรั่มบำรุงขนตา
ตามส่วนผสมที่คุณแจ้งมาและข้อมูลที่มีอยู่ นี่คือข้อเสนอแนะสำหรับสูตรเซรั่มบำรุงขนตาของคุณ:
1. การปรับเปลี่ยนส่วนผสม
ส่วนผสมที่คุณเลือก เช่น Hydrolyzed Rice Protein, Hydrolyzed Soy Protein, Pure Keratin™, Creatine 100, N-Acetyl Cysteine, Fractionated Coconut Oil, และ Vitamin E เป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเส้นผมและผิวหนัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบำรุงขนตาให้ยาว หนา และแข็งแรง
- โปรตีนและสารออกฤทธิ์: Hydrolyzed proteins, Creatine 100, และ N-Acetyl Cysteine เป็นตัวเลือกที่ดีในการเสริมสร้างและบำรุงเส้นใยขนตา แม้ว่าจะไม่พบชื่อ "Hydrolyzed Rice Protein" และ "Hydrolyzed Soy Protein" ตรงๆ ในฐานข้อมูลสินค้า แต่แนวคิดในการใช้ Hydrolyzed proteins ก็เหมาะสมกับการดูแลเส้นผม/ขนตา Pure Keratin™ มีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟูเส้นผม Creatine 100 ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และเคราติน รวมถึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม N-Acetyl Cysteine เป็นส่วนประกอบสำคัญของเคราตินในเส้นผมและช่วยเสริมสร้างรากผมได้
- เฟสน้ำและเฟสน้ำมัน: คุณระบุว่าน้ำมันเป็น "ส่วนผสมหลัก" แต่สารบำรุงหลายตัวละลายในน้ำ การรวมเฟสน้ำมันปริมาณมาก (เช่น Fractionated Coconut Oil และ Vitamin E) เข้ากับเฟสน้ำที่มีสารบำรุงที่ละลายน้ำได้ จำเป็นต้องใช้สารประสานเนื้อ (Emulsifier) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่คงตัวและเป็นเนื้อเดียวกัน
- สารประสานเนื้อ (Emulsifier): คุณใช้ Polysorbate 20 (Tween 20) ซึ่งเป็นสารประสานเนื้อที่ละลายในน้ำและกลีเซอรีน แต่ละลายในน้ำมันได้ไม่สมบูรณ์ (อาจทำให้ขุ่น) การใช้ Polysorbate 20 เพื่อรวมเฟสน้ำมันปริมาณมากกับเฟสน้ำ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ขุ่นหรือแยกชั้นได้ หากต้องการเซรั่มที่ใส หรือมีสัดส่วนน้ำมันสูง อาจต้องพิจารณาสารประสานเนื้อหรือสารช่วยละลาย (Solubilizer) ตัวอื่นที่เหมาะสมกับปริมาณน้ำมันที่สูงกว่า หรือช่วยให้ผลิตภัณฑ์ใสขึ้น สัดส่วนของเฟสน้ำมัน (Fractionated Coconut Oil, Vitamin E) ต่อเฟสน้ำ และปริมาณ Polysorbate 20 ที่ใช้ จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความคงตัวของสูตร
- Vitamin E: Vitamin E (Tocopheryl Acetate) มีประโยชน์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงผิว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสินค้าแจ้งว่าการใช้ในปริมาณมากกว่า 0.5% อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะบนผิว แม้คุณจะระบุว่าเป็น "ส่วนผสมหลัก" แต่ควรพิจารณาใช้ในปริมาณที่แนะนำ (0.1-0.5% สำหรับบำรุงผิว หรือน้อยกว่านั้นหากเน้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในสูตร) เพื่อหลีกเลี่ยงความเหนอะหนะ ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการในเซรั่มบำรุงขนตา
โดยรวมแล้ว ส่วนผสมที่คุณเลือกมีความเกี่ยวข้องกับการบำรุงขนตา แต่ความท้าทายอยู่ที่การนำมาผสมกันให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่คงตัวและมีเนื้อสัมผัสที่ดี โดยเฉพาะการปรับสมดุลระหว่างเฟสน้ำมันและเฟสน้ำ
2. สารกันเสีย
คุณสอบถามว่า Thyme Care เพียงพอเป็นสารกันเสียหรือไม่ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริเวณรอบดวงตาซึ่งเป็นบริเวณที่บอบบาง ควรเลือกใช้สารกันเสียที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์รอบดวงตาโดยเฉพาะ ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ใช้ Mild Preserved Eco™ แทน Thyme Care ด้วยเหตุผลนี้
- Thyme Care: แม้ว่า Thyme Care™ (มีส่วนประกอบของ Thymol, Linalool, Phenethylalcohol) เป็นสารกันเสียจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพที่ 0.8% สำหรับเครื่องสำอางทั่วไปและครอบคลุมเชื้อได้หลากหลาย แต่ข้อมูลสินค้าแจ้งว่ามีกลิ่นไทม์ตามธรรมชาติที่ค่อนข้างแรง ซึ่งอาจไม่เป็นที่ต้องการหรือไม่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์รอบดวงตา
- Mild Preserved Eco™: Mild Preserved Eco™ (มีส่วนประกอบของ Ethylhexylglycerin, 1,3 Propanediol) อธิบายว่าเป็นสารที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ไม่มีกลิ่น และใช้ได้ในสูตรเครื่องสำอางที่มีค่า pH 4-9 แนะนำให้ใช้ที่ 1.0-1.5% สำหรับสูตรทั่วไป หรือ 1.5-2.0% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ควบคุมยาก หรือมีส่วนผสมจากธรรมชาติมาก สามารถกระจายตัวในสูตรน้ำมันได้ ตัวนี้จึงดูเหมาะสมกว่าสำหรับเซรั่มบำรุงขนตา เนื่องจากความอ่อนโยนและไม่มีกลิ่น
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้สารกันเสียตัวใด การทำ Challenge Test เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อยืนยันประสิทธิภาพในการควบคุมเชื้อใน สูตรเฉพาะของคุณ และในบรรจุภัณฑ์ที่ใช้
3. การคำนวณเปอร์เซ็นต์
สำหรับเปอร์เซ็นต์ที่แจ้งในเว็บไซต์ โดยทั่วไปหมายถึง เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ของส่วนผสมในสูตรทั้งหมด ไม่ใช่ปริมาตร ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ลิงก์ที่อธิบายวิธีการคำนวณเปอร์เซ็นต์ในสูตรไว้แล้ว
สรุปการพัฒนาสูตร
การสร้างอิมัลชันแบบน้ำในน้ำมัน (W/O) หรือน้ำมันในน้ำ (O/W) ที่คงตัว (หรืออาจเป็น Microemulsion/Nanoemulsion เพื่อความใส) จะเป็นหัวใจสำคัญในการรวมสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำและส่วนผสมที่ละลายน้ำมันเข้าด้วยกัน การเลือกชนิดและความเข้มข้นของสารประสานเนื้อ (เช่น Polysorbate 20 หรือตัวอื่นที่เหมาะสมกว่า) และสัดส่วนของเฟสน้ำมันต่อเฟสน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรใช้ Mild Preserved Eco™ ในความเข้มข้นที่เหมาะสม (น่าจะอยู่ระหว่าง 1.0-2.0%) เพื่อความปลอดภัยต่อดวงตาและการกันเสียที่มีประสิทธิภาพ ควรทำการทดสอบความคงตัว (Stability Test) และ Challenge Test เสมอ ก่อนผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย
สำหรับคำถามเรื่องการรับผลิต ทางฉันเป็น AI ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ว่า myskinrecipes.com มีบริการรับผลิตตามสั่งหรือไม่ คุณจะต้องติดต่อสอบถามกับทางร้านโดยตรงค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Fractionated Coconut Oil

Polysorbate 20 (Tween 20)

Pure Keratin™ (Natural, Australian Sheep Wool)

N-Acetyl Cysteine (สังเคราะห์ Glutathione)

Creatine 100

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
