การตรวจสอบสูตรและประสิทธิภาพครีมกันแดด

นี่คือการตรวจสอบสูตรครีมกันแดดของคุณและคำตอบสำหรับคำถามของคุณค่ะ

1. ส่วนผสมและการปรับปรุง

ส่วนผสมในสูตรของคุณโดยทั่วไปเหมาะสมสำหรับครีมกันแดดประเภทอิมัลชันน้ำในซิลิโคน (W/Si) คุณใช้ Warp Cream Maker เป็นสารประสานเนื้อครีม ซึ่งออกแบบมาสำหรับระบบนี้โดยเฉพาะ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่บางเบาและอาจช่วยให้กันน้ำได้ ส่วนผสมในส่วนซิลิโคน เช่น Cyclopentasiloxane และ Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky) ช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและการเกลี่ย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครีมกันแดดแบบ Physical อย่าง Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™ ส่วน PMMA Booster ช่วยเพิ่มค่า SPF และปรับปรุงเนื้อสัมผัส

ส่วนน้ำประกอบด้วยสารกันเสีย Mild Preserved Eco™ และ Titanium Dioxide 250nm Pigment ส่วน Beige Iron Oxides EasyMix™ และ Yellow Iron Oxides EasyMix™ ใช้สำหรับปรับสีในส่วนซิลิโคน/น้ำมัน

โดยรวมแล้ว โครงสร้างสูตรมีความเหมาะสมสำหรับครีมกันแดดแบบ Physical ในเบส W/Si ข้อควรพิจารณาหลักสำหรับการปรับปรุงคือการใส่และการกระจายตัวของ Titanium Dioxide 250nm Pigment ตามที่กล่าวถึงด้านล่างค่ะ

2. ค่า SPF และ PA ที่คาดหวัง (โดยไม่มี Titanium Dioxide Pigment)

สูตรของคุณใช้ Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™ 10% เป็นสารกรองแสง UV หลัก และ PMMA Booster 5% Zinc Oxide ให้การปกป้องแบบ Broad-spectrum ทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งมีส่วนช่วยทั้งค่า SPF (UVB) และ PA (UVA) PMMA Booster มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มค่า SPF และ PA ได้อย่างมากเมื่อใช้ที่ 5% (ระบุว่าเพิ่มค่า SPF ได้ไม่น้อยกว่า 100%)

แม้ว่าค่า SPF และ PA ที่แม่นยำจะสามารถทราบได้จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่สูตรที่มี Zinc Oxide 10% และ PMMA Booster 5% ในเบส W/Si ที่ผสมเข้ากันได้ดีและกระจายตัวอย่างเหมาะสม อาจ มีโอกาสได้ค่า SPF 30 PA+++ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการประมาณการ และประสิทธิภาพที่แท้จริงขึ้นอยู่กับการกระจายตัวที่ดีและความคงตัวของสูตรสำเร็จ การทดสอบเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยืนยันค่า SPF และ PA ที่แน่นอนค่ะ

3. Titanium Dioxide Pigment สำหรับการป้องกันแสง HEV

Titanium Dioxide 250nm Pigment (Non-Treated) ที่คุณใช้นั้นมีวัตถุประสงค์หลักเป็นเม็ดสีขาวสำหรับผลิตภัณฑ์เมคอัพ เพื่อให้การปกปิดและความขาว ขนาดอนุภาค (250nm) และลักษณะที่ไม่มีการเคลือบ หมายความว่ามันถูกออกแบบมาให้กระจายตัวในน้ำ และไม่ได้ถูกปรับให้เหมาะสมสำหรับการป้องกัน UV ในสูตรครีมกันแดด แม้ว่า Titanium Dioxide สามารถ ให้การปกป้องแสงสีฟ้า (ส่วนหนึ่งของแสง HEV) ได้ แต่การใช้เม็ดสีเกรดนี้ที่ความเข้มข้นเพียง 1% ไม่น่าจะให้การปกป้องแสง HEV ที่มีนัยสำคัญหรือเชื่อถือได้

สำหรับการป้องกันแสง HEV ที่มีประสิทธิภาพ มักจะใช้ส่วนผสมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อดูดซับหรือสะท้อนแสงสีฟ้า ซึ่งมักจะใช้ในความเข้มข้นที่สูงกว่า หรือในรูปแบบที่ผ่านการเคลือบที่เหมาะสม หากเป้าหมายหลักของคุณในการใส่ส่วนผสมนี้คือการป้องกันแสง HEV อาจจะไม่ได้ผลที่ความเข้มข้นและประเภทนี้ค่ะ

คุณสามารถนำ Titanium Dioxide 250nm Pigment ออกจากสูตรของคุณได้โดยไม่มีปัญหา หากไม่ได้ให้การป้องกันแสง HEV ตามที่ต้องการ หรือหากคุณกังวลเกี่ยวกับการกระจายตัวหรือผลต่อความสวยงามของสูตร (เช่น ความขาววอก) การนำออกจะไม่ส่งผลเสียต่อค่า SPF และ PA ที่ได้จาก Zinc Oxide และ PMMA Booster ค่ะ

4. การกระจายตัวของ Titanium Dioxide Pigment ที่ไม่ได้เคลือบ

Titanium Dioxide 250nm Pigment (Non-Treated) เป็นเม็ดสีที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบและออกแบบมาให้กระจายตัวในน้ำ สูตรของคุณเป็นอิมัลชันน้ำในซิลิโคน ซึ่งส่วนน้ำจะกระจายตัวอยู่ในส่วนซิลิโคนที่เป็นเฟสต่อเนื่อง แม้ว่าเม็ดสีจะอยู่ในส่วนน้ำ แต่การทำให้เม็ดสีที่ไม่ได้เคลือบและกระจายตัวในน้ำ สามารถกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอและคงที่ภายในเฟสน้ำภายในของอิมัลชัน W/Si อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เมื่อเทียบกับการใช้เม็ดสีที่ผ่านการเคลือบซึ่งออกแบบมาให้กระจายตัวในน้ำมันหรือซิลิโคน หรือใช้ในรูปแบบของเหลวที่กระจายตัวไว้ล่วงหน้า

สารกรองแสงแบบ Physical และเม็ดสี มักต้องการการปรับสภาพพื้นผิวเฉพาะ (เช่น การเคลือบที่ใช้กับ Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™ ของคุณ) หรือสารช่วยกระจายตัวพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่ายังคงกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ และไม่จับตัวเป็นก้อนหรือตกตะกอนเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในระบบอิมัลชันที่ซับซ้อนอย่าง W/Si คุณอาจพบว่า Titanium Dioxide 250nm Pigment ที่ไม่ได้เคลือบนั้นยากที่จะผสมให้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ หรืออาจทำให้สูตรไม่คงตัว หรือมีเนื้อสัมผัสที่ไม่เรียบเนียนเท่ากับการใช้เม็ดสีที่ผ่านการเคลือบหรือรูปแบบที่กระจายตัวไว้ล่วงหน้าซึ่งเหมาะสมกับเฟสซิลิโคนค่ะ

5. ความจำเป็นในการอุ่นส่วนผสมก่อนผสม

จากส่วนผสมที่ระบุในสูตรของคุณ ไม่จำเป็นต้องอุ่นส่วนผสม ก่อนทำการผสมค่ะ คำอธิบายผลิตภัณฑ์ของ Warp Cream Maker ระบุว่าให้อุ่นเฉพาะในกรณีที่สูตรมีแวกซ์ที่ต้องหลอมละลายเข้ากับส่วนน้ำมัน/ซิลิโคน สูตรของคุณไม่ได้ระบุว่ามีแวกซ์ใดๆ

คำแนะนำในการผสมสำหรับ Warp Cream Maker เน้นการปั่นส่วนซิลิโคน/น้ำมัน/สารประสานเนื้อครีมให้เข้ากันดีก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เติมส่วนน้ำลงไปทีละน้อยพร้อมกับปั่นด้วยความเร็วสูง (อย่างน้อย 1000 รอบต่อนาที) ส่วนผสมอื่นๆ เช่น Cyclopentasiloxane, Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky), Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™, PMMA Booster, Mild Preserved Eco™, Beige Iron Oxides EasyMix™, และ Yellow Iron Oxides EasyMix™ โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้อุณหภูมิในการผสม แม้ว่าบางชนิดจะทนความร้อนได้หากจำเป็นสำหรับส่วนประกอบอื่นๆ ในสูตรก็ตาม

ดังนั้น คุณควรจะสามารถเตรียมสูตรนี้ได้ที่อุณหภูมิห้อง โดยใช้การปั่นด้วยความเร็วสูงที่เหมาะสมค่ะ