สูตรกันแดด: เนื้อสัมผัส, การกันน้ำ, และการเปลี่ยนส่วนผสม

ครับ ผมจะช่วยวิเคราะห์สูตรครีมกันแดดแบบ Water-in-Silicone ของคุณและตอบคำถามครับ

จากส่วนประกอบที่คุณใช้:

• Titanium Dioxide 15nm Liquid และ Zinc Oxide 35nm Liquid เป็นสารกันแดดแบบ Physical ที่กระจายตัวในเบสซิลิโคน เหมาะสำหรับระบบ Water-in-Silicone และช่วยในการป้องกันแสงแดดและคุณสมบัติกันน้ำ
• Cyclotetrasiloxane เป็นซิลิโคนชนิดระเหยง่าย อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่า Cyclotetrasiloxane (D4) ถูกจำกัดการใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในหลายภูมิภาค เนื่องจากข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ซิลิโคนเกรดเครื่องสำอางที่ได้รับอนุญาต เช่น Cyclopentasiloxane (D5) หรือ Isododecane แทน
• Warp Cream Maker™ เป็นอิมัลซิไฟเออร์แบบ Water-in-Oil/Silicone ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างเนื้อครีมที่ซึมเร็ว ให้ความรู้สึกแห้งเหมือนแป้ง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยให้สูตรกันน้ำได้ในระบบ Water-in-Silicone
• PMMA Booster ช่วยเพิ่มค่า SPF/PA และปรับปรุงเนื้อสัมผัส
• Silicone Blender ช่วยเชื่อมซิลิโคนชนิดต่างๆ เข้าด้วยกัน และเพิ่มความเสถียรของสูตรที่มีซิลิโคนเป็นหลัก
• Beige Iron Oxides EasyMix™ ให้สีและกระจายตัวในซิลิโคน/น้ำมัน
• Mild Preserved Eco™ คือสารกันเสีย
• Water คือส่วนที่เป็นวัฏภาคภายใน (Internal Phase) ในอิมัลชัน Water-in-Silicone นี้

ทีนี้ มาตอบคำถามของคุณครับ:

1. เนื้อที่ได้มีโอกาสจะเป็นลักษณะ fluid ได้หรือไม่ครับ
   แม้ว่าคุณจะมีซิลิโคนชนิดระเหยง่ายในปริมาณสูง (Cyclotetrasiloxane ซึ่งควรเปลี่ยน) และปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย (15%) แต่การมี Warp Cream Maker™ ถึง 20% นั้นถูกออกแบบมาเพื่อสร้างเนื้อสัมผัสแบบ ครีม แม้ว่าเนื้อที่ได้อาจจะเป็นครีมเนื้อบางเบาหรือฟลูอิดข้นๆ แต่การทำให้เป็นฟลูอิดที่มีความหนืดต่ำมากๆ อาจเป็นเรื่องท้าทายด้วยปริมาณอิมัลซิไฟเออร์ระดับนี้ เนื้อที่ได้น่าจะมีความคงตัวมากกว่าฟลูอิดเหลวๆ ครับ

2. คุณสมบัติกันน้ำยังมีอยู่รึป่าวครับเนื่องจากผมได้ตัด Silicone Gel ultra clear ออก
   ใช่ครับ คุณสมบัติกันน้ำควรจะยังคงอยู่ ส่วนประกอบหลักที่ช่วยให้สูตรนี้กันน้ำได้คือ สารกันแดดแบบ Physical ที่กระจายตัวในซิลิโคน (Titanium Dioxide 15nm Liquid และ Zinc Oxide 35nm Liquid) ซึ่งออกแบบมาสำหรับระบบ Water-in-Silicone และตัวอิมัลซิไฟเออร์ Warp Cream Maker™ เอง ซึ่งช่วยสร้างโครงสร้าง Water-in-Silicone ที่มีคุณสมบัติกันน้ำ Silicone Gel (Ultra Clear) ที่คุณตัดออกนั้นมีผลต่อความรู้สึก เนื้อสัมผัส การเกลี่ย และฟินิช (นุ่ม ลื่น เบา ไม่เหนอะหนะ แมทท์) มากกว่าจะเป็นส่วนประกอบหลักที่ทำให้สูตรกันน้ำได้

3. ปริมาณน้ำในสูตรที่ลดลงนั้นถือว่าเพียงพอ ที่จะได้หันแดดเนื้อเหลวหรือไม่คับ ผมควรพิจารณาปรับลดเพิ่มสัดส่วนของส่วนประกอบใดบ้าง ขอบคุณคับ
   ปริมาณน้ำ 15% ถือว่าค่อนข้างน้อยสำหรับอิมัลชัน Water-in-Silicone โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปริมาณอิมัลซิไฟเออร์ 20% แม้ว่าน้ำน้อยจะช่วยให้รู้สึกเบาขึ้น แต่ปริมาณ Warp Cream Maker™ ที่สูงถึง 20% เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เนื้อสัมผัสมีแนวโน้มเป็นครีมมากกว่าฟลูอิด ในการปรับให้เนื้อเหลวขึ้น ควรพิจารณา:

   • ลดปริมาณ Warp Cream Maker™: นี่เป็นวิธีที่ตรงที่สุดในการลดความหนืดและทำให้เนื้อเหลวขึ้น คุณอาจต้องทดลองลดปริมาณลงเพื่อหาจุดสมดุลที่ยังคงความเสถียรและได้เนื้อสัมผัสที่ต้องการ
   • เพิ่มปริมาณวัฏภาคซิลิโคนภายนอก: ซึ่งหมายถึงการเพิ่มปริมาณซิลิโคนชนิดระเหยง่าย (โดยใช้ซิลิโคนเกรดเครื่องสำอางที่ได้รับอนุญาต เช่น Cyclopentasiloxane แทน Cyclotetrasiloxane) หรือน้ำมัน/ซิลิโคนความหนืดต่ำอื่นๆ ที่เข้ากันได้ การมีวัฏภาคภายนอกมากขึ้นจะช่วยทำให้สูตรโดยรวมเหลวลง
   • เปลี่ยน Cyclotetrasiloxane: ดังที่กล่าวไป Cyclotetrasiloxane (ID 6850) ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอาง คุณต้องเปลี่ยน Cyclotetrasiloxane 35% ด้วยซิลิโคนชนิดระเหยง่ายเกรดเครื่องสำอางที่เหมาะสม เช่น Cyclopentasiloxane (ID 171) หรือ Isododecane การเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นสำหรับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และการปฏิบัติตามข้อกำหนด การเลือกสารทดแทนก็จะมีผลต่อเนื้อสัมผัสสุดท้ายด้วย

สรุปคือ แม้สูตรของคุณจะมีส่วนประกอบที่ช่วยให้รู้สึกเบาและกันน้ำได้ แต่ปริมาณ Warp Cream Maker™ ที่สูงทำให้เนื้อมีแนวโน้มเป็นครีมมากกว่าฟลูอิด คุณควรให้ความสำคัญกับการเปลี่ยน Cyclotetrasiloxane เป็นสารอื่นที่ปลอดภัยสำหรับเครื่องสำอางก่อน จากนั้นจึงทดลองลดปริมาณ Warp Cream Maker™ และ/หรือปรับสัดส่วนวัฏภาคซิลิโคนเพื่อปรับเนื้อสัมผัสให้เหลวขึ้นตามที่คุณต้องการครับ