สูตรครีมน้ำหอมทาตัว เนื้อสัมผัส และสารตรึงกลิ่น

ถามโดย: cornucopia-7124 เมื่อ: April 18, 2022 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สอบถามผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสูตรครีมน้ำหอมทาตัวแบบ W/Si ที่เสนอมา ว่าสามารถผสมได้หรือไม่, ขั้นตอนการผสมถูกต้องหรือไม่ (โดยเฉพาะส่วนของน้ำหอมและสารตรึงกลิ่น), ความเหมาะสมของความเข้มข้นส่วนผสม, จะได้เนื้อครีมที่นุ่มลื่นบางเบาตามต้องการหรือไม่ และวิธีการเปลี่ยนจาก Last Fix เป็น 12H Fix พร้อมขั้นตอนที่ถูกต้อง

คำตอบ

การวิเคราะห์สูตรครีมน้ำหอมของคุณ

นี่คือการวิเคราะห์สูตรที่คุณเสนอสำหรับครีมน้ำหอมที่ติดทนนาน เนื้อนุ่มลื่น บางเบา เกลี่ยง่าย พร้อมคำตอบสำหรับคำถามของคุณ:

1. ตามสูตรด้านบนผสมได้หรือไม่ หากไม่ได้ควรปรับแก้อย่างไร

ขั้นตอนการผสมที่ให้มานั้นโดยทั่วไปถูกต้องสำหรับการสร้างอิมัลชันแบบ Water-in-Oil หรือ Water-in-Silicone โดยใช้วัตถุดิบ Warp Cream Maker™ XL ซึ่งต้องเติมเฟสน้ำ (เฟส B) ลงในเฟสน้ำมัน/ซิลิโคน (เฟส A) อย่างช้าๆ ขณะปั่น อย่างไรก็ตาม สูตรนี้มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความเข้มข้นของหัวน้ำหอมที่สูงถึง 20%

  • การปรับแก้ที่จำเป็น: ความเข้มข้นของหัวน้ำหอมสูงเกินไปอย่างมากสำหรับครีมทาตัว การใช้หัวน้ำหอม 20% อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และอาจทำให้สูตรไม่คงตัวได้ อัตราการใช้หัวน้ำหอมในครีมทาตัวโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 1-5% สำหรับกลิ่นที่ติดทนนานมาก อาจใช้ได้ถึง 5-10% แต่โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ถึง 20% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทาทิ้งไว้บนผิว คุณควรลดเปอร์เซ็นต์ของหัวน้ำหอมลงอย่างมาก (เช่น เหลือ 5%) และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของน้ำในเฟส B ตามสัดส่วน เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์รวมของสูตรเท่าเดิม

2. เฟส C ต้องใช้ความร้อนช่วยละลายก่อนผสมเข้ากับสูตรหลักคือไม่ หากต้องใช้ความร้อน ควรผสมอย่างไร เพื่อไม่ให้หัวน้ำหอมโดนความร้อน

ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนกับเฟส C (หัวน้ำหอม และ Last Fix) ก่อนผสมเข้ากับสูตรหลัก หัวน้ำหอมเป็นสารที่ระเหยง่ายและไวต่อความร้อน ซึ่งอาจทำให้กลิ่นเปลี่ยนไปหรือเสื่อมสภาพได้ คำแนะนำในขั้นตอนที่ 4 ระบุถูกต้องแล้วว่าให้เติมเฟส C หลังจากที่สูตรหลักเย็นตัวลงแล้ว

  • วิธีการผสมเฟส C: เพียงผสมหัวน้ำหอมและ Last Fix เข้าด้วยกันในภาชนะแยกต่างหากที่อุณหภูมิห้องจนเข้ากันดี เติมส่วนผสมนี้ลงในเนื้อครีมหลัก หลังจาก ที่เฟส A และ B ได้รวมตัวกันเป็นเนื้อครีมและเย็นตัวลงมากพอสมควรแล้ว (ควรต่ำกว่า 40°C หรือต่ำกว่านั้นถ้าเป็นไปได้) ปั่นผสมให้เข้ากันดีเพื่อให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ

3. มีสารตัวใดที่เยอะหรือน้อยเกินความเหมาะสมในสูตรด้านบนหรือไม่

ใช่ ตามที่กล่าวไว้ หัวน้ำหอม ที่ 20% นั้นสูงเกินไปอย่างมากสำหรับครีมทาตัว และควรลดปริมาณลง

ส่วนผสมอื่นๆ โดยทั่วไปอยู่ในช่วงที่เหมาะสม:

  • Vitamin B3 (Safe-B3): 5% เป็นอัตราการใช้ที่แนะนำและมีประโยชน์ต่อผิว
  • Ethoxydiglycol: 2% อยู่ในอัตราการใช้ทั่วไปและข้อกำหนดของ อย. สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทาทิ้งไว้บนผิว
  • Magnesium Sulfate: 1% อยู่ในอัตราที่แนะนำสำหรับการช่วยให้สูตร Water-in-Oil คงตัว
  • Mild Preserved Eco: 1% อยู่ในอัตราที่แนะนำสำหรับการกันเสีย
  • Silicone Gel, LipidSoft Lite, LipidSoft Spread: สารให้ความนุ่มลื่นและปรับเนื้อสัมผัสเหล่านี้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่บางเบาและนุ่มลื่น
  • Siliwax Resin: 5% อยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสูงสำหรับครีม (1-5%) แต่อาจช่วยให้ได้เนื้อสัมผัสและคุณสมบัติการเคลือบผิวตามที่ต้องการ คุณอาจพิจารณาลดปริมาณลงเล็กน้อยหากเนื้อครีมหนักเกินไป
  • Warp Cream Maker XL: 15% อยู่ในอัตราที่แนะนำสำหรับการสร้างเนื้อครีม
  • Last Fix: 5% อยู่ในอัตราสูงสุดที่แนะนำสำหรับสูตรครีม/โลชั่น (3-5%) การใช้ในปริมาณสูงนี้อาจมีจุดประสงค์เพื่อให้กลิ่นติดทนนานที่สุด แต่ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ส่งผลเสียต่อเนื้อสัมผัส

4. ตามสูตรด้านบน เมื่อสำเร็จสามารถสูตรสามารถขึ้นเป็นเนื้อครีมทาตัว ที่มีลักษณะนุ่มลื่นได้หรือไม่

ใช่ จากส่วนผสมที่ใช้ โดยเฉพาะการผสมผสานระหว่าง Warp Cream Maker XL (อิมัลซิไฟเออร์ W/Si ที่ให้เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมง่าย) Silicone Gel, LipidSoft Lite และ LipidSoft Spread สูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้เนื้อครีมที่นุ่มลื่น บางเบา ไม่เหนอะหนะ และเกลี่ยง่าย การมี Siliwax Resin ยังช่วยให้เกิดฟิล์มที่เรียบเนียนบนผิวได้ด้วย

5. หากต้องการเปลี่ยนจาก Last Fix เป็น 12H Fix ทำได้หรือไม่ในสูตรนี้ ถ้าได้ มีขั้นตอนอย่างไร

ใช่ สามารถเปลี่ยนจาก Last Fix เป็น 12H Fix ได้ แต่ขั้นตอนการผสมจะแตกต่างกัน เนื่องจาก 12H Fix ต้องใช้ความร้อนในการละลาย

  • ขั้นตอนการเปลี่ยน:
    1. เตรียมเฟส A และเฟส B ตามที่อธิบายไว้ (โดยลดปริมาณหัวน้ำหอมและเพิ่มน้ำตามที่แนะนำ)
    2. หลังจากที่เฟส A และ B รวมตัวกันเป็นเนื้อครีมหลักและเย็นตัวลงแล้ว ให้เตรียมเฟส C แยกต่างหาก
    3. ในการละลาย 12H Fix คุณจะต้องใช้ความร้อนร่วมกับน้ำมันหรือซิลิโคน คำอธิบายของ 12H Fix แนะนำให้ใช้ LipidSoft Lite ในอัตราส่วนอย่างน้อย 2 เท่าของปริมาณ 12H Fix เนื่องจากคุณใช้ 12H Fix 5% คุณจะต้องใช้ LipidSoft Lite อย่างน้อย 10% ในการช่วยละลาย อย่างไรก็ตาม สูตรของคุณมี LipidSoft Lite 5% อยู่ในเฟส A แล้ว คุณอาจใช้ LipidSoft Lite บางส่วนจากเฟส A เพื่อวัตถุประสงค์นี้ หรือเพิ่ม LipidSoft Lite เข้าไปอีกเฉพาะสำหรับการละลาย 12H Fix
    4. ให้ความร้อนแก่ 12H Fix และ LipidSoft Lite (หรือน้ำมัน/ซิลิโคนอื่นๆ ที่เหมาะสม) ที่ต้องการใช้ร่วมกันที่อุณหภูมิ 60-70°C จนกว่า 12H Fix จะละลายหมด
    5. ปล่อยให้ส่วนผสมนี้เย็นตัวลงจนสมบูรณ์
    6. เมื่อเย็นตัวลงแล้ว ให้ผสมส่วนผสม 12H Fix/LipidSoft Lite ที่ละลายแล้วนี้เข้ากับหัวน้ำหอม
    7. เติมส่วนผสมเฟส C ที่รวมกันแล้วนี้ลงในเนื้อครีมหลักที่เย็นตัวลง และปั่นผสมให้เข้ากันอย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ

โปรดทราบว่าอัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับ 12H Fix ในเบสโลชั่นน้ำหอมโดยทั่วไปคือ 2-3% แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงการใช้ถึง 5% สำหรับสเปรย์น้ำหอม การใช้ 5% ในครีมอาจเป็นไปได้ แต่ต้องแน่ใจว่าละลายได้ดีและไม่ส่งผลเสียต่อเนื้อสัมผัส

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ Lite (Isononyl Nonanoate)
LipidSoft™ Lite (Isononyl Nonanoate)
เครื่องสำอาง
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
เครื่องสำอาง
Siliwax Resin
Siliwax Resin
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ Spread (Diethylhexyl Carbonate)
LipidSoft™ Spread (Diethylhexyl Carbonate)
เครื่องสำอาง
Jasmine Fragrance Oil
Jasmine Fragrance Oil
เครื่องสำอาง
Magnesium Sulfate (High Purity, Cosmetics Grade)
Magnesium Sulfate (High Purity, Cosmetics Grade)
เครื่องสำอาง
Warp Cream Maker™ XL
Warp Cream Maker™ XL
เครื่องสำอาง
12H Fix™ (กลิ่นติดทน 12ชม.)
12H Fix™ (กลิ่นติดทน 12ชม.)
เครื่องสำอาง